สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2 กุมภาพันธ์ 2567)--- บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 2 ก.พ. 2567 เปิดเผยว่า SET ยังยืนแนวรับบริเวณ 1360 จุด สร้างสัญญาณเทคนิคต่อโอกาสในการฟื้นตัวได้อยู่ ล่าสุดเข้าใกล้แนวต้าน 1370 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อในระยะสั้น และมีแนวต้านถัดไปบริเวณกรอบบน 1380 จุด ส่วนกรณี หลุดต่ำกว่า 1360 จุด จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ และมีแนวโน้มลงทดสอบจุดต่ำเดิมบริเวณ 1353 จุด

ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสู่ 2.24 แสนราย สูงกว่าคาด ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิต ม.ค. ปรับขึ้นสู่ 49.1 สูงกว่าคาด แต่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15
• BoE มีมติคง ดบ. ที่ 5.25% ตามคาด และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี โดยระบุเงินเฟ้อจะต้องลดลงสู่เป้าหมาย 2% ก่อนปรับลด ดบ.
• Bloomberg รายงานขณะนี้มีการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงพักรบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงปล่อยตัวพลเรือนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไว้เป็นตัวประกัน โดยข้อตกลงนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมานานร่วม 4 เดือน
• OPEC+ มีมติคงนโยบายปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วันใน 1Q67 ตามความสมัครใจ ปท. สมาชิก ขณะที่ซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรล/วัน
• โรงกลั่นน้ำมันของ BP เมืองไวทิง รัฐอินเดียนา ซึ่งมีกำลังการผลิต 4.35 แสนบาร์เรล/วัน จะปิดทำการชั่วคราวหลังเกิดไฟฟ้าขัดข้อง
• ผลประกอบการ 4Q66 ของ Amazon และ Meta ดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ผลประกอบการ 1Q67 ของ Apple ดีกว่าตลาดคาดแต่มีความกังวลยอดขายในจีนที่ลดลง 13%YoY
• ธปท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจโดยรวม ม.ค. 67 อยู่ที่ 48.0 ลดลงจาก 49.1 ใน ธ.ค. 66 จากต้นทุนตามค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ขัดแย้งในทะเลแดง และเหตุคำสั่งซื้อลดหลังเร่งตัวช่วงเทศกาลปลายปี

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นโลกมีโมเมนตัมปรับขึ้นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของ บจ. ทึ่คาดออกมาดี พร้อมกับคาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง หลังการประชุมเฟดล่าสุดยังไม่ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นไทยคาดมีแรงกดดันจากความกังวลผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่อาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”

แนวรับ-ต้าน
1360/1353 – 1380/1386

ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยคาดมีแรงกดดันจากความกังวลผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ที่อาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB
2) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO
3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL CRC ZEN CPF BTG ONEE AWC SIRI ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตร ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG

ล็อคเป้าลงทุน
CPALL 4Q66 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 54%YoY และ 9%QoQ เติบโตดีสุดในกลุ่มพาณิชย์จากยอดขายที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จสิ้นเมื่อ เม.ย. 66 คาดกำไรปี 66 โต 36%YoY และโตต่อ 17%YoY ในปี 67 มองราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง

GPSC ช่วงสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ที่ปรับลง ขณะที่อยู่ระหว่างปรับสัญญาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตฯ เป็นอ้างอิงราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้น ลดความผันผวนผลประกอบการจากค่า Ft ที่ไม่สอดคล้องต้นทุน ปัจจุบันซื้อขายที่ -1SD บน PBV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า