•    SAWAD : ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) จัดประชุมนักวิเคราะห์ หลังผลประกอบการใน 3Q23

•    สำหรับผลประกอบการใน 3Q23 ผู้บริหารเชื่อว่าขาดทุนจากการยึดรถจากสินเชื่อรถจักรยานยนต์ (ภายใต้สัญญาเช่าซื้อ) น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว ส่งผลให้จำนวนรถจักรยานยนต์ที่ยึดเริ่มลดลง 4Q23F มีแนวโน้มยังมีผลขาดทุนจากกลุ่มนี้ แต่น้อยกว่า 3Q23 ; การขาดทุนจากการยึดคืนเหล่านี้คาดว่าจะกลับมาเป็นปกติในช่วงปลาย 1Q24

•    LTV กำลังลดลงแล้ว ทำให้ความสามารถในการกู้ยืมกระชับขึ้น SAWAD จะยังคงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสินเชื่อกรรมสิทธิ์ต่อไป ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงตั้งเป้าหมาย credit cost ในปี 2024 ที่ประมาณ 150bps (3Q23 ที่ 137bps) ภายใต้เป้าหมายแบบ conservative อาจเป็น 180bps

•    บริษัทอธิบาย ณ 3Q23 โดยแยกพอร์ตสินเชื่อ ได้แก่ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่ภายใต้สัญญาเช่าซื้อ 31% สินเชื่อทะเบียนรถ 24% สินเชื่อโฉนดที่ดิน 23% สินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ 17% และที่เหลือ 4% ภายใต้สินเชื่อส่วนบุคคล (สินเชื่อไม่มีหลักประกัน) นอกจากนี้ ยังชี้แจงด้วยว่ากำไรสุทธิมีผลกระทบเชิงบวกเพิ่มเติมอีก 250 ล้านบาท จากการปรับคุณภาพสินทรัพย์ใหม่ หลังจากที่เพิ่มความพยายามในการติดตามหนี้

•    การจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดไม่น่าจะสูงในปีนี้ (แนวโน้มในอดีตชี้ให้เห็นว่าอาจมีหุ้นปันผลในมุมมองของเรา) เนื่องจากผู้บริหารต้องการรักษาทุนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจต่อไป

มุมมองของเรา :
•    การปรับประมาณการกำไร : เราทบทวนการคาดการณ์หลังผลประกอบการ 3Q23 และการประชุมนักวิเคราะห์ ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับเพิ่มเพียง +1.1%/+4.0% สำหรับปี 2023F/2024F (ก่อนหน้านี้เราต่ำกว่า consensus เล็กน้อย) โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 13.7% YoY เป็น 5.09 พันล้านบาทถึงปี 2023 และเพิ่มขึ้นอีก 12.0% เป็น 5.70 พันล้านบาทในปี 2024 อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อที่ 18% ต่อปี ในปี 2024F/2025F ซึ่งเป็น credit costที่ 2.60% สำหรับปี 2024F/2025F (สูงกว่า guidance ของบริษัทที่ 150bps) ทั้งนี้ เราสังเกตว่าหาก credit cost ที่ลดลง 150bps ในปี 2024F จะทำให้กำไรสุทธิสูงขึ้น 18%

•    Roll over มูลค่าที่เหมาะสมไปที่ปี 2024F : จากการคาดการณ์ของเรา SAWAD ซื้อขายที่ PER ที่ 10.5 เท่า และ 9.2 เท่า สำหรับปี 2024F และ 2025F ซึ่งต่ำกว่า TIDLOR ที่ 14.2 เท่า และ 11.8 เท่า ปี 2567F และ 2025F มูลค่าที่เหมาะสมปี 2024F ของเราลดลงเล็กน้อยเป็น 45 บาท/หุ้น อิงจาก GGM (เราสังเกตว่านี่หมายถึง PER ที่ 11.5 เท่า โดยเฉลี่ยต่อหุ้นสองปีในปี 2023F และ 2024F) ทั้งนี้ เราชอบเงินติดล้อ (TIDLOR) มากกว่า SAWAD เนื่องจากในอดีตมีสัดส่วนที่สูงกว่าของผลิตภัณฑ์สินเชื่อกรรมสิทธิ์ในส่วนผสมของท่าเรือ ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของ SAWAD ยังรวมสินเชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่ภายใต้สัญญาเช่าซื้อซึ่งเราเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าสินเชื่อทะเบียนรถภายใต้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

•    ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ SAWAD โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 47.00 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TIDTOR  โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 25.00 บาท

สรุปผลประกอบการ 3Q23 ของ SAWAD : กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น +21% QoQ และ +17% YoY เป็น 1.39 พันล้านบาท : กำไร 3Q23 ของ Srisawad Corporation (SAWAD) ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 6% แต่เป็นไปตามประมาณการของเรา โดยกำไรงวด 9M23 เพิ่มขึ้น 14.4% YoY เป็น 3.73 พันล้านบาท และคิดเป็น 74% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากการซื้อ Fast Money คืน ซึ่งช่วยให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 33.6% QoQ และ 91.0% YoY เป็น 3.96 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถูกชดเชยด้วยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยซึ่งลดลง 36% QoQ และ 23% YoY เป็น 605 ล้านบาท ในขณะเดียวกันอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 53.6% ใน 3Q23 จาก 45.5% ใน 2Q23 (สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่ 37.7% QoQ และ 72.4% YoY เป็น 2.4 พันล้านบาท)

Market Insight
E- mail :tiscoresearch@tisco.co.th