Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

329

 

"Consumer & Export Play"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ฟื้นตัว" ต้าน 1361/1368 จุด รับ 1340/1330 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัว สอดคล้องฝั่ง Asia หลังสถานการณ์สงครามอิสราเอล - อิหร่าน เริ่มทรงตัว ขณะที่สัปดาห์นี้หลายบรษัทจะรายงานงบ อาทิ TESLA, APPLE, ALPHABET และ META ส่วนภายใน ภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวเชิงบวก นำโดยภาคบริการ ผู้ใช้บริการสนามบิน AOT 1-20 เม.ย. ยังสูง 88.4% ของ Pre-COVID (vs 1Q24 ที่ 84.9% และ 1-13 เม.ย. ที่ 88.8%) และวันนี้ ครม. น่าจะอนุมัติ Digital Wallet ส่วนการส่งออกชิ้นส่วนฯ ไทย มีสัญญาณบวก หลังยอดส่งออกเกาหลีใต้ 20 วันแรก เม.ย. เป็นบวก โดยรวมน่าจะหนุนผลประกอบการ Real Sector ที่ทยอยรายงานนับจากสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องจากกลุ่มธนาคาร 9บริษัทที่ศึกษา กำไรรวม 5.49หมื่นล้านบาท +10%y-y และ +28%qq ดีกว่าคาด 6% จะเป็นแรงหนุน SET เชิงพื้นฐาน กลุ่มเด่นวันนี้ กลุ่มภาคบริการ กลุ่มส่งออก และกลุ่มคาดกำไร 1Q24F เด่น อาทิ SCGP, OSP วันนี้แนะ CPALL, HANA, OSP เด่น

 

Daily outlook: "ฟื้นตัว" ต้าน 1361/1368 จุด รับ 1340/1330 จุด

What happened around the world ?

• (*/-) US Stocks : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นวานนี้ ได้แก่ Dow Jones +0.67%. S&P 500 +0.87%, NASDQ +1.11% โดยกลุ่มนำตลาดของดัชนี S&P500 ได้แก่กลุ่ม Tech และการเงิน หุ้นที่ปรับขึ้นโดดเด่นได้แก่ Ford Motor +6.1%, NVDA +4.35%, Goldman Sachs +3.3% ขณะที่หุ้นที่ปรับลงแรง นำโดย Tesla -3.4% ลดความเสี่ยงก่อนรายงานกำไรคืนนี้

• (*/+)Taiwan Export: เกาหลีใต้รายงานยอดส่งออก 20 วันแรกของเดือน เม.ย. +11.1%y-y มูลค่า 38.5 พันล้านเหรียญ prev. +3.1%y-y นำโดยการส่งออกชิปที่โตสูง +43%y-y ขณะที่ยอดนำเข้า +6.1%y-y คิดเป็น 38.5 พันล้านเหรียญ และยอดส่งออกสินค้าไปจีนเพิ่มขึ้นระดับ +43%y-y สะท้อนสัญญานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน KCS มองยอดส่งออกเกาหลีใต้ที่ยังเติบโตสะท้อนภาพวงจรการส่งออกชิ้นส่วนเอเชียฟื้นตัวต่อ เป็นบวกต่อกลุ่มชิ้นส่วน แนะนำ KCE , HANA ส่วน DELTA เก็งกำไร

• (*/+) Middle East: คุณ Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล แถลงการณ์วานนี้ว่าจะเพิ่มระดับความเข้มข้นทางการทหารในการโจมตีกลุ่มฮามาส หลังจากสถานการณ์ความตึงเครียดกับอิหร่านเริ่มผ่อนคลายลง และล่าสุดทางกลุ่มสหภาพยุโรปตัดสินใจดำเนินมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่กับทางอิหร่าน ทั้งนี้อิสราเอลยังมิได้แสดงหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มฮามาสกับเขตุฉนวนกาซ่าตามที่องค์กรสหประชาชาติร้องขอ ฝ่ายวิจัย KCS มองสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอลที่ผ่อนคลายลง โดยเป็นการออกมายอมรับของทางฝ่ายอิหร่านเองว่าเหตุระเบิดเกิดจากระบบการป้องกันของฝ่ายตนเอง และมิได้มีหลักฐานเชื่อมโยมเหตุดังกล่าวกับอิสราเรล ส่งผลให้ความตึงเครียดมีแนวโน้มชะลอลง และจะยังไม่มีการยกระดับจากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆเป็นสงครามระหว่างประเทศ

• (*)China : PBOC ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีไว้ที่อัตราเดิม อายุ 1 ปี ระดับ 3.45% และอายุ 5 ปี ระดับ 3.95% เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยมองว่าจีนจะให้นำหนักกับการกระตุ้นภาคอสังหาผ่านทางการปล่อยเงินกู้ของสถานบันการเงินแก่กลุ่มบริษัทชั้นดี (White List) ที่ได้มีการประกาศมาก่อนหน้า การคงดอกเบี้ยเป็นการสร้างแรงจูงใจให้สถานบันการเงินดังกล่าวปล่อยกู้เพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องในระบบมากขึ้น

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 23 เม.ย. ติดตามยอดขายบ้านใหม่ มี.ค. คาด 6.7 แสนหลัง vs prev. 6.62 แสนหลัง ดัชนี PMI ภาคผลิต เม.ย. คาด 51.8 จุด vs prev. 51.9 จุด, 24 เม.ย. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน มี.ค. คาด +2.8%m-m vs prev. +1.3%m-m, 25 เม.ย. ติดตาม GDP 1Q24 ตลาดคาด +2.3%q-q vs prev. +3.4%q-q, ฝั่งจีน ฝั่งยุโรป 23 เม.ย. ติดตาม PMI ภาคผลิต เม.ย. คาด 46.6 จุด vs prev. 46.1 จุด,PMI ภาคบริการ คาด 51.4 จุด vs prev. 51.5 จุด

• (*) US Bond & Dollar : US Bond yields วานนี้แกว่งแคบ อายุ 10 ปี -2 bps และปิดที่ 4.60% และอายุ 2 ปี ปรับลง -6 bps อยู่ที่ 4.91% (แนวต้าน 5.0+-) Dollar Index แกว่งตัว 106.0 +/- จุด

•(*) Oil : ราคาน้ำมันดิบพักตัวตามสถานการณ์ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในภาคตะวันออกกลางระหว่างอิหรานและอิสราเอลที่เริ่มชัดเจน และมีแนวโน้มไม่ลุกลาม โดย Brent -0.33%d-d ปิดที่ US$ 87.00/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.39%d-d ปิดที่ US$ 81.9/barrel

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: SET Index ฟื้นตัวตามคาด +17.44 จุด +1.31% ปิดที่ 1349.5 จุด ในทางเดียวกันประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับขึ้น มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท Sector ส่วนใหญ่ปรับขึ้นหลักๆคือกลุ่มพลังงาน PTT, GULF, EA ฟื้นตัวหลังจากก่อนหน้าปรับลงแรงหลังเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มขนส่ง (AOT)รับ Entertainment Complex จะชัดเจนในรายละเอียดช่วง กลางเดือน พ.ค. 24 กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) กลุ่มค้าปลีก(CPAXT) ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่กดดัชนีคือ กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) ฯลฯ

• (*/+) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลออกสุทธิ ซื้อหุ้น +10.1 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -10.7ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long +42,300 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาท

• (*) Thai bath: เงินบาทอ่อนค่าขึ้นมาที่ 37.0 +/-บาท (อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 7 เดือนและอ่อนค่าในทางเดียวกับประเทศในเอเซีย) แรงหนุนหลักมาจาก Dollar Index ที่แข็งค่าต่อเนื่องหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ฯลฯ มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกเน้น GFPT คาดกำไรสุทธิ 1Q24F+40%y-y, +2%q-q หนุนจากปริมาณการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น y-y, q-q ในทุกภูมิภาค และต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง เก็งกำไร CPF หนุนจากราคาราคาสุกร +4.3%w-w และมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อและมีโอกาสสูงกว่า (ต้นทุน 72-75 บาท) และเน้น TU(TP 17.5) เพราะแนวโน้มการเติบโตของทูน่ากระป๋อง และต้นทุนทูน่าลดลง แต่ในทางตรงข้ามเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า

• (*/+) Digital Wallet : เมื่อวานนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐบาลได้ประชุมร่วมกันที่ทำเนียบโครงการ Digital Wallet หารือกันถึงรายละเอียดรวมถึงแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งยืนยันว่าถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง โดยรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์ ร้านค้าที่เป็นนิติบุคคล ได้ถูกหักออกจากระบบ ก็จะเหลือจำนวนร้านค้าประมาณ 9 แสนกว่าราย โดยวันนี้ (23 เม.ย.) จะนำเข้า ครม. มองหุ้นค้าปลีก จะมี Upside จากเม็ดเงินใหม่ที่หมุนเวียนในระบบที่คึกคักมากขึ้น ทำให้เรายังมองบวกต่อ CPALL, CPAXT, BJC กลุ่ม Digital Tech Consult จะมี Upside โอกาสได้งานใหม่ เน้น BE8

• (*/+) TH Tourism : จำนวนผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ตปท. วันที่ 1-20 เม.ย. ยังอยู่ในเกณฑ์ดีสูง 88.4% ของ Pre-COVID โดยสัปดาห์ล่าสุด 14-20 เม.ย. อ่อนลง w-w เหลือราว 87.6% เรามองเป็นผลหลังผ่านช่วงสงกรานต์ แต่ยังสูง vs 1Q24 ที่ 84.9% และ 1-13 เม.ย. ที่ 88.8% หนุนคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2024F เดินหน้าสู่ 36 +/- ล้านคน บวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว, ภาคบริการ เน้น AOT, MINT, CPALL, CPAXT, BJC

• (*/+) Bank 1Q24 Result : งบกลุ่มธนาคารงวด 1Q24 ที่เราติดตามอยู่ที่ 5.49 หมื่นล้านบาท ดีกว่าตลาดคาด 5.7% เติบโต 10%y-y และ 29%q-q กลุ่มที่ดีกว่าคาด คือ KBANK, KTB, TTB, KKP ต่ำกว่าคาด คือ BBL, TISCO เน้น TTB, KTB

• (*/+) To monitor : ติดตามการรายงานงบ 1Q24 ฝั่ง Real sector 23 เม.ย. SCGP คาด กำไรปกติ 1Q24F ที่ 1,484 ลบ. (+26% y-y, +22% q-q) ฟื้น y-y q-q 24 เม.ย. SCC คาดกำไรสุทธิ 1Q24F ของ SCC ที่ 2,489 ลบ. (-85% y-y, พลิกกำไร q-q) ดีกว่าที่เคยประเมิน จากธุรกิจ CBM ฟื้นตัวดีกว่าคาด

 

 

Daily Strategy : CPALL, HANA, OSP เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ" มองแรงหนุนมาจากสถานการณ์สงครามอิสราเอล - อิหร่านที่ทรงตัว ขณะที่ SET ยังฟื้นตัวต่ำกว่าระดับที่ปรับฐานลงมา โดยมองหุ้นนำการฟื้นตัวยังอยู่ในกลุ่ม 1) กลุ่มอิงภาคบริการ โมเมนตัมภาคท่องเที่ยวยังดูดี ผสาน วันนี้ ครม. พิจารณา Digital Wallet 2) กลุ่มอิงภาคผลิต สัญญาณชี้นำยอกส่งออกเกาหลีใต้ 20 วันแรก เม.ย. ดูดี ผสาน แรงหนุนเงินบาทอ่อนค่า และ 3) กลุ่มคาดงบ 1Q24 ดี อาทิ SCGP, OSP

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, HANA, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : War Tension

Fact : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024 KCS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น 3 Scenario

1.) Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP, TOP

2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019) ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%) : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP AAV,HANA, MTC

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KCS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• OSP (Buy, TP*31.0) : เรามีมุมมอง "Positive" ต่อแนวโน้มกำไรปกติ 1Q24F คาดที่ 810 ลบ. (+70%y-y, +37%q-q) กลับมาโตดีที่สุดในรอบ 9 ไตรมาส ปัจจัยหนุนหลักจาก i) ธุรกิจเครื่องดื่มต่างประเทศคาดเพิ่มขึ้น +25%y-y, +83%q-q โดยเฉพาะเมียนมาเติบโตโดดเด่น อานิสงส์หน้าร้อน สวนทางกับความกังวลด้านสถานการณ์สู้รบภายในประเทศ ii) เครื่องดื่มภายในประเทศ market share Energy drink 46.4% เพิ่มขึ้น +50bps q-q iii) คาด GPM เพิ่มขึ้น y-y, q-q เพราะต้นทุนลด และ cost efficiency เพิ่ม หลังปิดโรงงานและ divest non-core business iv) SG&A/sales ลดลง จากยอดขายที่โตในอัตราเร่งสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายทรงตัว สำหรับแนวโน้ม 2Q24F คาดโต y-y จากฐานต่ำ และทรงตัว q-q ในระดับสูง อานิสงส์หน้าร้อน อย่างไรก็ตามคาด 1H24F ดีกว่า 2H24F เพราะช่วงต้นปีอากาศร้อนกว่า ขณะที่ 3Q24F เข้าฤดูฝนเป็น Low season จึงยังคงประมาณการกำไรปกติ 24F ที่ 2.8 พันลบ. (+30%y-y) ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ราว 21.5x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง -2.75SD จึงยังคงคำแนะนำ "Buy" TP 31.00บ.

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้