AT THE OPEN (#ATO)
SET ยังมีแรงส่ง
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดรีบาวน์ตามกรอบ 1345-1360 จุด หลังความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล และความกังวลต่อการลดดอกเบี้ยฯ ของ FED ที่ช้า ไม่ได้สร้างแรงกดดันเพิ่มเติม สะท้อนได้จากสินทรัพย์ที่มีความเปราะบางกับ 2 ประเด็นดังกล่าวอย่างทองคำวานนี้ปรับลง -2.7% น้ำมันดิบและ U.S. Bond Yield 10 ปีที่แกว่งทรงตัว สวนทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่วานนี้ ปรับขึ้นทุกดัชนี นำโดย NASDAQ +1.1% S&P500 +0.9% Dow Jones +0.7% สภาพแวดล้อมข้างต้นดีต่อตลาดหุ้นบ้านเรายังอยู่ในช่วงฟื้นกลับ แต่อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำจุดสูงสุดของปีล่าสุดอยู่ที่ 37 บาท/usd อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้การไหลเข้าของ Fund Flow ต่างชาติชะลอลง

ส่วนประเด็นวันนี้ให้น้ำหนักไปที่การประชุม ครม.คาดว่าจะมีการพิจารณาโครงการ Digital Wallet เราเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งจะบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic Consumption เช่น ค้าปลีก (CPALL) อาหารและเครื่องดื่ม (OSP) ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) เป็นต้น ส่วนการรายงานงบ 1Q67 วันนี้ติดตาม SCGP เราคาดกำไรสุทธิที่ 1,475 ล้านบาท ขยายตัว 25%YoY และ 21%QoQ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนด้วย Valuation ของ SET Index ที่อยู่ในโซนน่าสนใจหลังลงมาซื้อขายบน PER67E 14.25 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี -1 S.D. ที่ 14.4 เท่า จึงเป็นจังหวะสะสม หุ้นพื้นฐานดี โดยวันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ CPALL และ ITC

Market Summary
SET Index วานนี้ฟื้นตัว 1.3% ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคจากความกังวลต่อสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ลดลง โดยกลุ่มที่ Outperform ตลาดโดยมาจะเป็นหุ้นที่ปรับลงแรงเมื่อสัปดาห์ก่อน เช่น กลุ่มขนส่ง +2.6% กลุ่มไฟแนนซ์ +2% และกลุ่มค้าปลีก +1.8% โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเบาบาง 372 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL ITC

ITC กำไรดูดีแถมได้ประโยชน์จากบาทอ่อน
งบ 1Q67 มีแนวโน้มทำจุดต่ำสุดของปีตาม Seasonal effect แต่จะแฝงไปด้วยพัฒนาการบวกทั้งด้าน Sales volume End of destocking และยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นสอดรับไปกับยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือน ก.พ. ขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้เชื่อว่าประสิทธภาพการทำกำไรจะดีขึ้นตามสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ระดับ Premium ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ 2Q67 แนวโน้มยอดขายยังขยายตัว YoY และ QoQ ตามคำสั่งซื้อลูกค้าและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่หักล้างผลจากการรับรู้ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น
ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า รวมถึงมีโอกาสที่จะถูกเข้าคำนวณใน SET50 Index รอบ 2H67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.00 บาท

CPALL กำไร 1Q67 คาดโตแกร่ง
แนวโน้มกำไร 1Q67 ทำได้ระดับ 5 พันล้านบาท ชะลอลง QoQ จากผลของฤดูกาล แต่จะขยายตัวสูงกว่า 20% YoY หนุนจาก SSSG ที่ขยายตัวจาก แม็คโคร โลตัส ส่วน 7-11 ดีทั้ง SSSG และ GPM นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลัง CPAXT รีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยหนี้สกุลดอลลาร์ตั้งแต่ เม.ย. 66
ขณะที่ 2Q67 โมเมนตัมกำไรยังเชื่อว่าจะดีหนุนจากสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเย็นมี Margin ที่เข้าหน้าร้อนเต็มตัว รวมถึงการได้ประโยชน์จากการเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้กำไรทั้งปี 67E เราคาดเติบโต 12%YoY โดยราคาหุ้นซื้อขายบน PER67E 24.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เกือบ -2 S.D
นอกจากนี้ยังมี Upside ต่อประมาณการจากความคืบหน้าโครงการ Digital Wallet ที่จะเข้าพิจารณา ครม. วันนี้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับ และถือว่าอยู่ในกลุ่มที่ Outperform เทียบกับตลาด ASEAN ปรับตัวขึ้น +1.31% หลังผ่อนคลายความกังวลจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
ในช่วงถัดไปทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะให้น้ำหนัก ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจทั้งของ 1) สหรัฐฯ ซึ่งน่าจะสะท้อนภาพที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง โดย Consensus คาด S&P Global PMI ภาคการผลิต และบริการที่ระดับ 52 สวนทางกับ 2) Eurozone ซึ่งการฟื้นตัวยังค่อนข้างช้า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Eurozone -14.7 ฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป -14.5 และ Flash PMI ภาคการผลิตและบริการ Consensus คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 46.5 และ 51.8 ตามลำดับ

Eyes on
23 เม.ย. HCOB ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
24 เม.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน
25 เม.ย. GDP 1Q67 ของสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ