Today’s NEWS FEED

News Feed

เพราะโรคไตเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 8 โรงพยาบาลพระรามเก้าจัดกิจกรรม "วันไตโลก" (World Kidney Day 2024) ไตเรื้อรัง รู้สาเหตุของโรคเร็ว ชะลอการเสื่อมของไต

206

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (15 มีนาคม 2567)--------รู้หรือไม่ โรคไต หรือที่เรียกว่า ไตเรื้อรัง เป็นโรคที่คนไทยต้องตระหนักให้มากที่สุด ซึ่งข้อมูลจากกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่า ใน 25 ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ได้กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่แล้ว โรงพยาบาลพระรามเก้าจึงได้จัดกิจกรรม  "วันไตโลก" (World Kidney Day 2024) มุ่งรณรงค์เสริมสร้างความรู้เรื่องโรคไตและการดูแลไต  ให้ประชาชนตระหนักถึงภัยอันตรายของโรคไต

 

นายแพทย์วิรุฬห์ มาวิจักขณ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ และผู้อำนวยการสถาบันโรคไตและเปลี่ยนไตพระรามเก้า กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และก็เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้นๆ ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าจึงได้จัดกิจกรรม "วันไตโลก" ขึ้น เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลรักษาไตของตัวเอง ซึ่งภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุของโรคไต แนวทางการดูแลการรักษา และด้านโภชนาการและการใช้ยา รวมถึงจัดแพ็กเกจโปรแกรมตรวจสุขภาพวันไตโลก อีกด้วย 

 

ทั้งนี้ พญ.ชโลธร แต้ศิลปสาธิต อายุรแพทย์โรคไต สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า อธิบายถึงการทำงานของไตว่า ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจการทำงานของไตทั้งสองข้างของเราก่อน ซึ่งไตจะทำหน้าที่กรองน้ำ กรองของเสียที่ไม่มีประโยชน์ขับผ่านทางปัสสาวะ นอกจากนี้ไตยังทำหน้าที่รักษาสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมถึงการควบคุมความเป็นกรดและด่างในเลือด แต่เมื่อไตทำงานที่ผิดปกติของเสียเหล่านี้ก็จะวนเวียนอยู่ในร่างกาย ขณะเดียวกันไตทั้งสองข้างของเรายังสร้างฮอร์โมนเกี่ยวกับการสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

 

สำหรับโรคไต หรือที่เราได้ยินกันว่า "ไตเสื่อมเรื้อรังคือ การที่ไตทำงานลดลง หรือทำงานผิดปกติ โดยข้อมูลจากต่างประเทศและในประเทศไทย เราพบว่ามูลเหตุจากการเกิดโรคคล้ายๆ กัน ก็คือ ส่วนใหญ่จะมาจากโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เช่น ทานยาไม่ต่อเนื่อง ไม่ได้คุมเบาหวาน หรือความดันให้อยู่ในระดับที่ปกติ รองลงมาเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอุดตันที่มาจากนิ่ว และเนื้องอก ในบางราย หรือมีโรคบางอย่างส่งผลให้เกิดไตอักเสบ โรคไตเรื้อรัง แบ่งเป็น ระยะ โดยเราแบ่งตามระดับของอัตราการกรองของไต ดังนี้

ระยะที่ ค่า eGFR หรือ อัตราการกรองของไตมากกว่า 90% ถือว่าปกติถ้าหากไม่ได้มีภาวะอย่างอื่นร่วมด้วยถือว่าปกติ แต่ถ้ามีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ หรือมีเกลือแร่มากกว่าผิดปกติ เราก็ถือว่าเป็นโรคไตระยะที่ แล้ว

ระยะที่ ค่า eGFR เฉลี่ยอยู่ที่ 60-89% ถือว่าอัตราการกรองของไตลดลงเล็กน้อย

ระยะที่ ค่า eGFR เฉลี่ยอยู่ที่ 30-59% ถือว่าอัตราการกรองของไตลดลงปานกลาง

ระยะที่ ค่า eGFR เฉลี่ยอยู่ที่ 15-29% ถือว่าอัตราการกรองของไตลดลงมาก

ระยะที่ ค่า eGFR น้อยกว่า 15% ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งถือเป็นระยะสุดท้ายที่ต้องบำบัดทางไตด้วยวิธีต่างๆ

 

ทั้งนี้สัญญาณที่เกี่ยวกับโรคไตในระยะที่ และ นั่นส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอะไรเลย ซึ่งไตเสื่อมเรื้อรังจะมาแสดงอาการตอนระยะที่ ตอนปลายแล้ว คนไข้จะเริ่มสังเกตตัวเองเช่น ปัสสาวะเป็นฟอง ปัสสาวะตอนกลางคืนมากเกินไป หรือ ปัสสาวะน้อยลงมาก

 

ในขณะที่คนไข้บางคน มีอาการหนังตาบวม ขาบวม ร่วมด้วย หรือคนไข้ไตวายเรื้อรังระยะที่ 4 ในบางรายก็อาจจะทานข้าวได้น้อย เพลีย คลื่นไส้อาเจียน หากเป็นเยอะก็อาจจะมีการซึมลง คันตามตัว และในบางรายก็มีอาการชักร่วมด้วยหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

 

สำหรับการรักษาโรคไตวายเรื้อรังมี วิธี ได้แก่

1.      การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยซึ่งมีของเสียคั่งค้าง ผ่านเข้าไปในเครื่องกรองเลือด ซึ่งจะกรองของเสียจากเลือดและนำเลือดที่ถูกกรองจนสะอาดแล้วกลับสู่ร่างกายผู้ป่วย

2.      วิธีล้างช่องท้องด้วยน้ำยา (CAPD) วิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องใส่น้ำยาเข้าไปในช่องท้องตนเอง ครั้งละ ลิตร วันละ ครั้ง ครั้งละ ชั่วโมง หรือทำกลางคืนตลอดทั้งคืนทุกๆ วัน

3.      การเปลี่ยนไต หรือ ปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) เป็นวิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังที่ดีที่สุด

 

พญ.ชโลธร กล่าวอีกว่า ที่โรงพยาบาลพระรามเก้าเรามีระบบน้ำบริสุทธิ์ที่ช่วยฟอกไต ข้อดีคือจะกำจัดของเสียได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงสนับสนุนให้มีการปลูกถ่ายไต เพราะจากสถิติระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา การปลูกถ่ายไตทำให้คนไข้มีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่าคนไข้ที่ฟอกทางเลือด หรือ ฟอกหน้าท้อง ที่สำคัญคนไข้

 

เหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเพราะไม่ต้องเสียเวลามาฟอกไต 3 ครั้งต่อสัปดาห์นั่นเอง สำหรับการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรคไตเรื้อรังนั้น สิ่งแรกคือ ไม่ควรทานอาหารเค็มเกลือแกงไม่ควรเกิน ช้อนชา หรือน้ำปลาหรือซอสไม่เกิน ช้อนโต๊ะต่อวัน หลีกเลี่ยงการกินยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาชุด ยาลูกกลอน อาจจะทำให้ไตเสื่อม หมอจึงอยากให้ระวังเรื่องการใช้ยาพวกนี้ ส่วนผู้ป่วยเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงก็ควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

 

"โรคไตเป็นโรคใกล้ตัวกว่าที่ทุกคนคิด มีคนไข้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ และเส้นเลือดตีบแตกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมากกว่าการเสียชีวิตจากโรคไตเรื้อรัง ซึ่งถ้าเป็นโรคไตเสื่อมในระยะที่ 1-3 เป็นระยะที่ไม่ได้แสดงอาการ แต่ถ้าเป็นระยะที่ 4-5 แล้วอาการก็จะเริ่มชัด ฉะนั้นหมอจึงอยากแนะนำว่าใครอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป หรือคนที่มีความเสี่ยงเบาหวานครอบครัว หรือโรคประจำตัวบางอย่าง ควรตรวจคัดกรองโรคไตเป็นประจำทุกปี ซึ่งการตรวจนั้นจะเป็นการเจาะเลือดตรวจ หรือตรวจปัสสาวะก็พอจะบอกคร่าวๆ ได้ว่ามีความเสี่ยงจะเป็นโรคไตเรื้อรังหรือไม่ ซึ่งถ้าเจอโรคเร็วรักษาและรักษาที่ต้นเหตุ ก็จะช่วยชะลอความเสี่ยงได้" นายแพทย์วิรุฬห์ มาวิจักขณ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ท่านสามารถศึกษารายละเอียดและบริการต่างๆ เพิ่มเติมได้ https://www.praram9.com/departments/kidney-institute/ หรือรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า โทร. 1270 หรือ www.praram9.com  / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และทาง Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ...ไว้ใจเรา #Praram9Hospital

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เก็งกำไรงบ บจ. By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองห้วงการเก็งกำไร ประเด็นงบไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะเป็นสตอรี่ที่นักลงทุน ให้น้ำหนักการเก็งกำไร หรือ แม้งบอาจ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้