Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

103


งบประมาณฯป 2567 มาแล้ว
การเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เชื่อว่าน่าจะสร้างแรงกระตุ้นสำคัญต่อเศรษฐกิจ และ SENTIMENTตลาดหุ้น โดยอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์มีหลากหลาย เริ่มจากกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และ รับเหมาก่อสร้าง ที่น่าจะเห็นเม็ดเงินจากงบจ่ายลงทุนภาครัฐไหลเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ตามด้วยกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภค-บริโภค (ค้าปลีก,อาหาร,ท่องเที่ยว และสถาบันการเงิน) ซึ่งน่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาโหมโรงก่อนที่จะนำไปสู่เรือธง DIGITAL WALLET ทั้งนี้การปรับ ครม. โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง + รองนายกฯเศรษฐกิจ เข้ามาทำหน้าที่ นอกจากนี้ยังมี
รัฐมนตรีช่วยฯคลัง อีก 3 คน เชื่อว่าน่าจะเห็นแรงขับเคลื่อนนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึง DIGITAL WALLET ที่เข้มข้นมากขึ้นการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 น่าจะช่วยกระตุ้นทั้งภาพเศรษฐกิจ และSENTIMENT ตลาดหุ้น วันนี้ประเมิน SET INDEX อยู่ในกรอบ 1354 –1369 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CK, JMARTและ TU

 

ปัจจัยภายนอกเปลี่ยนมุมมอง เน้นหุ้นกำไร 1Q67 โดดเด่นเอาชนะตลาดฯศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เผยตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (HEADLINE PCE) +2.7%YOY ในเดือนมี.ค. สูงกว่าในเดือนก.พ.+2.5%YOY และสูงกว่าคาดที่ระดับ +2.6%YOY ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (COREPCE) +2.8%YOY ในเดือนมี.ค. สูงกว่าคาดที่ระดับ +2.6%YOY รายงานดังกล่าวช่วยคลายความวิตกในตลาดการเงินที่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อสูง (STAGFLATION) ได้เป็นอย่างดีหลังจากเมื่อพฤหัสบดีที่ผ่านมา สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP งวด 1Q67ขยายตัวแค่ +1.6%QOQ ซึ่งต่ำตลาดคาดที่ +2.5%QOQ และชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน +3.4%QOQ


ทำให้ตลาดคาดว่า FED มีโอกาสคงดอกเบี้ยไปจนถึงเดือน ก.ย.67 มากขึ้นเรื่อยๆโดยล่าสุดมีความน่าจะเป็นที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.67 42.6% ซึ่งก่อนหน้าหน้านี้ในช่วง ต้น เม.ย.67 ยังมีความน่าจะเป็นไม่ถึง 10%ส่วนในมุมทั้งปี ตลาดยังคาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง หรือ 0.25% เท่าเดิม

 

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุม FED วันพฤหัสบดีนี้ที่ตลาดคาดว่าคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.50%(โอกาส 97.6%) ส่วนในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขนำเข้า/ส่งออก ที่ตลาดคาดว่าอยู่ที่ระดับ +6.0%YOY(เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน) และ -4.0%YOY(ลดลงจากเดือนก่อน) ตามลำดับ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ปัจจัยภายนอกและภายในไม่ได้มี MOMENTUM หนุนนำมากนัก เน้นหุ้นกำไร 1Q67 เติบโตเด่น คาดสามารถ OUTPERFORM SET ได้ในช่วงนี้ อาทิ SCC TPIPL TOPDOHOME ADVANC เป็นต้น

สรุป ปัจจัยภายนอกที่เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ รอดูตัวเลขนำเข้าส่งออกไทย เดือน มี.ค. 67 คาดไม่ได้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ SET คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET วันนี้อยู่ที่ระดับ 1354-1369 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ปัจจัยภายนอกและภายในไม่ได้มี MOMENTUM หนุนนำมากนัก เน้นหุ้นกำไร 1Q67 เติบโตเด่น(QOQ หรือ YOY) คาดสามารถ OUTPERFORM SET ได้ในช่วงนี้ อาทิ SCC TPIPL TOP DOHOME ADVANC เป็นต้น

 

แรงกระตุ้นภาครัฐเดินหน้า หวังเยียวยาเศรษฐกิจไทย 2H67
บทบาทของนโยบายการคลังที่ทยอยเดินหน้า มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดเมื่อ 26 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ได้มีการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ 2567 ลงมาแล้ววงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท (+9.3%YOY) และงบลงทุน 7แสนล้านบาท (+4.1%YOY) ซึ่งจะมีช่วงระยะเวลาการเบิกจ่ายเพียงแค่ 5 เดือน (สิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย.2567) ทั้งนี้หากพิจารณาถึงความต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงปี 2567-68 รวมระยะเวลา 17 เดือน น่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ภาคการลงทุนค่อนข้างสูงราว 1.6 ล้านล้านบาท เชื่อว่าโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ของภาครัฐ จะถูกเร่งดำเนินการ ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC, SCCC, TASCO, STEC, CK เป็นต้น


นอกจากนี้ การปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ในตำแหน่ง รมว. และ รมช. คลัง น่าจะเห็นความพยายามในการขับเคลื่อนโครงการ DIGITAL WALLET อย่างเป็นเต็มที่ ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์นี้จะมีการประชุมอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต รอติดตามความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งในส่วนของร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ แหล่งเงินที่นำมาใช้ และระบบที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ ตลอดจนแนวทางป้องกันการทุจริตต่าง ๆ มองว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC, CPALL, CRC, HMPRO เป็นต้น

สรุป นโยบายการคลังกำลังเดินหน้า ที่จะต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภายใน 17 เดือน(G) บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการ DIGITALWALLET 10,000 บาท (C) ถือเป็นแรงหนุนสำคัญต่อ GDP GROWTH บ้านเราในช่วง 2H67 และน่าจะช่วยผลักให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้ เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มDOMESTIC PLAY

ปัจจัยกระตุ้น + ตลาดฯ เรียกความเชื่อมั่น หวังต่างชาติสลับมาซื้อหุ้นไทยเพิ่มขึ้น
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ย่อตัวลงเล็กน้อย 4.33 จุด มาอยู่ที่ 1359 จุดหลังจากขึ้นติดต่อมา 4 วันทำการ +31 จุด ส่วนสัปดาห์นี้ คาดหวังตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อ ทั้งจากการปรับเปลี่ยน ครม. โดยรัฐบาลเพิ่มรัฐมนตรการคลังแสดงให้เห็นว่าให้น้ำหนักกับเรื่องเศรษฐกิจและกระเป๋าตังค์ดิจิตอลมากขึ้น รวมถึงงบประมาณปี 2567 เริ่มเบิกจ่ายได้แล้ว อีกทั้งกำไรงบ 1Q67 มีโอกาสฟื้นตัวดีนอกจากนี้นักลงทุนอาจจะค่อยๆ มีความเชื่อมั่นมากขึ้นกับมาตราการควบคุมSHORT SELL ของตลาดฯ อาทิ การใช้กฏ UPTICK ช่วงปลายไตรมาส 2 เพราะถ้าเปรียบเทียบกับช่วงโควิดปี 2563 หลังมีการใช้กฏ UPTICK มูลค่า SHORT SELLลดลงจาก 3,992 ล้านบาทต่อวัน เหลือเพียง 850 ล้านบาทต่อวันเท่านั้น หรือลดลงไปกว่า 79% ขณะที่มูลค่าซื้อขายรายวันไม่ได้ลดลงตาม

สรุปปัจจัยหนุนที่นักลงทุนเฝ้ารอทยอยเข้ามาหนุนตลาดฯ ในช่วงนี้ รวมถึงตลาดทรัพย์เรียกความเชื่อมั่นด้วยมาตการควบคุม SHORT SELL คาดหนุน FUND
FLOW มีโอกาสทยอยสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยเพิ่มขึ้น

 

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นตลาดหุ้นไทย ไร้ปัจจัยบวก ไร้แรงกระตุ้น ก็หมดเวลาได้ไปต่อ ด้วย งบบจ.แจ้งผลงานไตรมาสแรก....

ตามผลงาน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม วันนี้ จะเล่น จะเทรดหุ้นเก็งกำไร ก็ควรเลือกหุ้น ตัวที่มีผลกำไรดีกว่าตลาดคาด เหนือกว่าตลาดหวัง .....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้