สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 พฤษภาคม 2566)---------บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)RABBIT เปิดเผยว่า แผนธุรกิจและมุมมองในอนาคต

ก้าวเข้าสู่ไตรมาส 1 ปี 2566 สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้คาดการณ์ การเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในเชิงบวก โดยคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2566 จะขยายตัวในกรอบร้อยละ 2.7-3.7 เติบโต เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการขยายตัวร้อยละ 2.6 ในปี 2565 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเฉพาะในไตรมาสที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ กว่า 6.5 ล้านคน มากกว่าคาดการณ์ของรัฐบาลที่คาดไว้ 6 ล้านคน การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนี้เองได้กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

สําหรับความกังวลด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้น บริษัทฯ กลับมองว่าเป็นโอกาสเติบโตของธุรกิจ บริการทางการเงินของเรา โดยเฉพาะธุรกิจประกันชีวิต (แรบบิท ไลฟ์) ซึ่งเราคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย เนื่องจากแรบบิท ไลฟ์สามารถนําเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นแก่ผู้ถือกรมธรรม์ นอกจากนี้ เรากําลัง วางแผนเพื่อนําเสนอแพ็คเกจประกันชีวิตและโปรแกรมพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งประเมินแล้วว่าจะช่วยให้

ผลการดําเนินงานของธุรกิจประกันชีวิตแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

และเพื่อดําเนินตามแผนธุรกิจระยะยาว บริษัทฯ ได้ประกาศความตั้งใจเข้าลงทุนในบริษัทบริหารสินทรัพย์ ไพร์มโชน จํากัด ("ไพร์ม โชน") เพราะมองเห็นว่าธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์มีศักยภาพในการเติบโต
เนื่องจากหนี้ครัวเรือนของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 86.8 ของ GDP หรือ 14.9 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะมีการปล่อยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ออกสู่ธุรกิจบริษัท บริหารสินทรัพย์มากขึ้น
บริษัทฯ มั่นใจว่าจากความแข็งแกร่งด้านเงินทุน การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย 3M ของกลุ่มบีทีเอส ทั้งการสร้าง synergy และการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถนั้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนสําคัญสําหรับการเติบโต
ของไพร์ม โชนต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ส่งผลให้ แรบบิท โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทที่ขยายการเติบโตและสร้างความสําเร็จในภาคการเงินต่อไป

สําหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ เราคาดว่าโครงการ เดอะ ยูนิคอร์น ซึ่งเป็นอาคารมิกซ์ยูส สูง 51 ชั้น ประกอบด้วย ร้านค้า โรงแรม และพื้นที่สํานักงาน โดยมีกําหนดเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ จะได้รับประโยชน์อย่าง มากจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากช่วงเวลาของการเปิดตัวสอดคล้องกับความต้องการเดินทางและกิจกรรมทาง เศรษฐกิจที่มีคาดการณ์เพิ่มขึ้น นับเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทําให้โครงการนี้ประสบความสําเร็จ น

อกจากนี้ เรามั่นใจว่าโครงการ เดอะ ยูนิคอร์น จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด และมีส่วนสําคัญต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวนี้ ในปีนี้และต่อไปข้างหน้า

บริษัทฯ จะยังคงดําเนินการขายสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของเราต่อไปตามที่วางแผนไว้ และมุ่งมั่น ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจบริการทางการเงิน เพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของเรา