Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

150

What’s in store ?
แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ   โดยคุณชาญณรงค์ มีชัยเจริญยิ่ง
อัพเดตสถานการณ์น้ำมัน
ราคาน้ำมัน WTI เคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนในเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้นไปถึง 5.6% และทดสอบเป้าหมายของเราที่ 87 เหรียญในช่วงสัปดาห์แรก ก่อนที่จะเผชิญกับแรงขายในช่วงที่เหลือของเดือน ทำให้ผลตอบแทนลดลงมาปิด flat แม้ว่าจะเกิดความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอลขึ้นก็ตาม
สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี เราคาดว่าราคาน้ำมัน WTI จะผันผวนมากขึ้น และโอกาสที่จะฝ่าโซน 87-90 เหรียญขึ้นไปก็มีความเป็นไปได้น้อย รวมถึงมีโอกาสเช่นเดียวกันที่ราคาอาจพีคไปแล้วที่ 87 เหรียญในช่วงต้นเดือน เม.ย. จากเหตุผลดังต่อไปนี้..   (อ่านต่อหน้า 3)   
ภาพตลาดและแนวโน้ม  โดยคุณวิกิจ ถิรวรรณรัตน์
SET เลิก เชื่อมจิต(ตก) ตามดาวน์โจนส์
หุ้นสหรัฐ รวมถึงตลาดหุ้น DM อื่นที่ตกรอบนี้ก่อนจะถึงเดือน Sell in May เราคาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวสวนกับความรู้สึก อิงสมมุติฐานของเราที่ให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศ คือ แรงซื้อคืนหรือ Covered short ที่รออยู่เกือบแสนล้าน จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย เหตุจากGame stop “ซึ่งจะบังคับให้ นักขายชอร์ต ต้องรีบซื้อคืน” โดย ตลท.ประกาศใช้กฎ Uptick short sell แล้ว เริ่มปลายไตรมาส 2 หรือเดือน มิย. เป็นต้นไป พร้อมทั้งกฎคุมอื่นๆ ที่จะไม่เอื้อให้เกิดการ Short sell แบบผิดปกติเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป  
ส่วนประเด็น มหภาค เช่น GDP สหรัฐต่ำคาด เมื่อคืน จนนักลงทุนกลัวว่าจะเกิดภาวะ Stagflation รวมถึงกระแสข่าว ปธน.สหรัฐฯจะลงนาม กม.ปรับขึ้น ภาษีกำไรหุ้นสหรัฐฯนั้น เราก็ไม่ได้ให้น้ำหนักว่าจะกดดันหุ้นไทย ตรงข้าม อาจกลายเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างไทย ขณะที่ รมต.คลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ ถ้าเศรษฐกิจโตลดลง และเงินเฟ้อ (วันศุกร์ PCE สหรัฐ) ออกมาลดลง มีแววที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเร็วผิดไปจากที่ นักลงทุนคาด  
(อ่านต่อหน้า 4)   
หุ้นแนะนำวันนี้ : GFPT  CPF
วิเคราะห์ทางเทคนิค   โดยคุณธนรัตน์ อิศรกุล
แผนเทรด: หุ้น 3 สไตล์….ค่อยๆเก็บ / ซื้อไม้แรก / เก็งกำไร


What’s in store ?
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
    ติดตามพัฒนาการ ภาวะภัยสงครามในตะวันออกกลาง
    กระแสข่าวการปรับ ครม.ในประเทศ
    กบน. สุดอั้น ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่ม 50 สตางค์ และเล็งทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได คาด 50 สตางค์ เพิ่มต้นทุนขนส่งราว 3%
    วันที่ 23 เม.ย. นี้ กกพ. จะเปิดให้ยื่นข้อเสนอโครงการทางด่วน “จตุโชติ-ลำลูกกา” มูลค่าราว 1.9 หมื่นล้านบาท
    กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงว่าได้สั่งปรับ SCG Plastics Co จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 736 ล้านบาท  (บ.ร่วมทุนของ SCC ซึ่งปิดไปแล้ว และตั้งสำรองตั้งแต่ 4Q23 แล้ว)

รายงานวันนี้    โดยนักวิเคราะห์ทางด้านพื้นฐาน
    Healthcare – หลังผ่านรอมฎอน BH และ BCH จะกลับมาคึกคัก
    เน็กซ์ พอยท์: NEX (ซื้อ) – ประเด็นสำคัญจาก Virtual Conference
รายงานผลประกอบการ
    ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม: PTTEP (ซื้อ) – กำไรไตรมาส 1/67 เป็นไปตามคาด; กำไรไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มดียิ่งกว่า
สรุปประเด็นจาก Quick take
    ปูนซิเมนต์ไทย: SCC (ซื้อ) – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
    BANK – สมาคมธนาคารไทยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้รายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งรายย่อยและ SME
    Auto – ยอดผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคม

ปฏิทินหุ้น (XD, XR, XW) (อ่านต่อหน้า 18)
Market Statistics Daily
    (รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์, Short Sell, Warrants)

ภาพตลาดและแนวโน้ม    Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ    อัพเดตสถานการณ์น้ำมัน
ราคาน้ำมัน WTI เคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนในเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้นไปถึง 5.6% และทดสอบเป้าหมายของเราที่ 87 เหรียญในช่วงสัปดาห์แรก ก่อนที่จะเผชิญกับแรงขายในช่วงที่เหลือของเดือน ทำให้ผลตอบแทนลดลงมาปิด flat แม้ว่าจะเกิดความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอลขึ้นก็ตาม
สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี เราคาดว่าราคาน้ำมัน WTI จะผันผวนมากขึ้น และโอกาสที่จะฝ่าโซน 87-90 เหรียญขึ้นไปก็มีความเป็นไปได้น้อย รวมถึงมีโอกาสเช่นเดียวกันที่ราคาอาจพีคไปแล้วที่ 87 เหรียญในช่วงต้นเดือน เม.ย. จากเหตุผลดังต่อไปนี้
1  แม้ว่าไตรมาส 2-3 จะเป็น driving season ในสหรัฐ แต่การลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของกลุ่มโอเปกพลัสจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันที่จะสิ้นสุดลงในไตรมาส 2 จะทำให้ภาวะดีมานด์-ซัพพลายผ่อนคลายลง ไม่ตึงตัวเหมือนช่วงครึ่งแรกของปี
2  เริ่มเห็นสัญญาณลบจากการที่สต็อคน้ำมันดิบในสหรัฐ (ไม่รวมสำรองน้ำมันเขิงยุทธศาสตร์) มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2023
3  แม้ IEA จะคาดการณ์ว่าดีมานด์ของน้ำมันจะยังเติบโต 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 แต่หากเทียบกับอัตราการเติบโต 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2023 ก็ถือว่าชะลอตัวลงค่อนข้างมาก ซึ่งภาพดังกล่าวสะท้อนว่าแนวโน้มการบริโภคได้กลับเข้าสู่ historical trend แล้ว หลังจากเผชิญกับความผันผวนมาหลายปีนับตั้งแต่เหตุการณ์โควิดในปี 2020 นอกจากนี้ คาดการณ์การเติบโตของดีมานด์ก็มีดาวน์ไซด์อีกด้วย จากความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน จากสมมติฐานของการเติบโตในปีนี้ที่ส่วนใหญ่มาจากโซนเอเชีย โดยเฉพาะจีนและอินเดีย
4  อัตราการเติบโตของดีมานด์ทั้งหมดในปีนี้จะถูกกลบด้วยซัพพลายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม non-OPEC+ ที่ IEA คาดว่าจะมีการผลิตเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศกายอานา บราซิลและแคนาดา ดังนั้นหากโปรแกรม voluntary cuts สิ้นสุดลงและกลุ่ม OPEC+ ปรับกำลังการผลิตขึ้น (แม้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม) ก็จะทำให้ดีมานด์-ซัพพลายเปลี่ยนจากภาวะ tighten เป็น loosen
5  การที่สหรัฐเพิ่งประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านไปนั้น เราคิดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายน้ำมันในตลาดโลกจากเหตุผลดังนี้ (5.1) การบังคับใช้จะยังไม่เข้มข้นเหมือนยุคที่ทรัมป์เคยประกาศการแซงชั่นในปี 2018 เนื่องจากในปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี จึงทำให้ไบเดนคงไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจนไปเพิ่มความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อก่อนเลือกตั้ง (5.2) หนึ่งในลูกค้าหลักของอิหร่านคือ กลุ่มโรงกลั่นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน หรือที่เรียกว่า Teapots ซึ่งทางการสหรัฐไม่ได้มีฐานข้อมูลทางการเงิน จึงทำให้การบังคับใช้กฎหมายการคว่ำบาตรกับกลุ่มผู้ซื้อดังกล่าวทำได้ค่อนข้างลำบาก
6  แม้ว่าจะมีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แต่  war premium ที่มีต่อราคาน้ำมันไม่น่าจะสูงขึ้นในระยะสั้น บนเงื่อนไขที่ว่าสงครามในตะวันออกกลางยังไม่ได้ขยายตัวไปเป็นสงครามภูมิภาค


แม้จะไม่มีใครทายอนาคตได้อย่างแม่นยำว่าปัญหาจะไม่บานปลายไปสู่สุดนั้นหรือไม่ แต่หากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอยู่ เราเชื่อว่าสงครามใหญ่ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างน้อยคงยังไม่เกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้งในปลายปีนี้
จากการติดตามตัวเลข Managed Money Long-to-Short Ratio ล่าสุด พบว่าเทรดเดอร์น้ำมันไม่ได้ให้ war premium มากนัก เนื่องจากอัตราส่วนอยู่ที่เพียง 3.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 6.9 เท่า จึงเป็นการสะท้อนว่าตลาดน้ำมันยังไม่ได้ให้สมมติฐานเรื่อง regional war
7  เราคาดว่าวงจร sub-cycle manufacturing rebound จะแผ่วลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มเห็นสัญญาณลบนั้นแล้ว หลังจากที่ S&P Global รายงานตัวเลข Flash US Manufacturing PMI เดือน เม.ย. ชะลอตัวลงจากโซนขยายตัว 51.9 ในเดือนก่อนหน้า เข้าสู่โซนหดตัวบางๆที่ 49.9
สรุปเรามองว่า ราคาน้ำมัน WTI จะพีคในปีนี้ในไตรมาส 2 ที่โซนไม่เกิน 87-90 เหรียญ
    
สรุปภาพตลาดวานนี้    ดัชนียืน Sideways ต่อวานนี้ หุ้นงบออกมาเซร์ไพร์สอย่าง BH บวกร้อนแรง เก็งการ Upgrade จากตลาดเพิ่มด้วย รวมทั้ง SAFE บวกต่อเช่นกัน และช่วยดันกลุ่มการแพทย์อย่าง BDMS ขึ้นมาบวกด้วย และธีมฤดูแล้งพบ TFG บวกแรงสะท้อนราคาหมูกลับมาขึ้น นอกจากนี้ หุ้นบลูชิปหลายตัวสลับกันเล่นมาด้านบวก เช่น DELTA ADVANC INTUCH GPSC BGRIM CPALL สลับกับ PTTEP CPAXT TOP AOT TRUE เป็นต้น
    
แนวโน้มตลาดวันนี้    SET เลิก เชื่อมจิต(ตก)ตามดาวน์โจนส์.     
หุ้นสหรัฐ รวมถึงตลาดหุ้น DM อื่นที่ตกรอบนี้ก่อนจะถึงเดือน Sell in May เราคาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวสวนกับความรู้สึก อิงสมมุติฐานของเราที่ให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศ คือ แรงซื้อคืนหรือ Covered short ที่รออยู่เกือบแสนล้าน จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย เหตุจากGame stop “ซึ่งจะบังคับให้ นักขายชอร์ต ต้องรีบซื้อคืน” โดย ตลท.ประกาศใช้กฎ Uptick short sell แล้ว เริ่มปลายไตรมาส 2 หรือเดือน มิย. เป็นต้นไป พร้อมทั้งกฎคุมอื่นๆ ที่จะไม่เอื้อให้เกิดการ Short sell แบบผิดปกติเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป  
ส่วนประเด็น มหภาค เช่น GDP สหรัฐต่ำคาด เมื่อคืน จนนักลงทุนกลัวว่าจะเกิดภาวะ Stagflation รวมถึงกระแสข่าว ปธน.สหรัฐฯจะลงนาม กม.ปรับขึ้น ภาษีกำไรหุ้นสหรัฐฯนั้น เราก็ไม่ได้ให้น้ำหนักว่าจะกดดันหุ้นไทย ตรงข้าม อาจกลายเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างไทย ขณะที่ รมต.คลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ ถ้าเศรษฐกิจโตลดลง และเงินเฟ้อ (วันศุกร์ PCE สหรัฐ) ออกมาลดลง มีแววที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเร็วผิดไปจากที่ นักลงทุนคาด  
    
กลยุทธ์การลงทุน    การเลือกหุ้นเล่น ควรโฟกัสเป็นรายตัวไป ไม่เร่งซื้อแบบกระจาย
    
วิเคราะห์ทางเทคนิค    SET recovery! ฟื้นตัวต่อเนื่อง กลับสู่ที่เดิม หาก1-2 วันข้างหน้าไม่มีเหตุการณ์ข่าวร้ายให้ตกใจ เราคาดว่าจุดที่ดัชนีเคยลงไปทำ low 1,330 จุด (หลุดโซนรับ 1,350 จุด) อาจเป็นสัญญาณ false signal จุดสังเกตหุ้นมีการสลับเปลี่ยนมือ เปลี่ยนผู้เล่น โดยรอบนี้เป็นฝี่งสถาบันในปท.เป็นผู้ซื้อ net buy ตัวเลขรายสัปดาห์อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ส่วนภาพ SET Index รีบาวด์มาแล้ว ½ ครึ่งทาง ใกล้โซนต้านที่ 1370-1375 จุด อาจส่งผลให้ตลาดชะลอความผันผวน ล่าสุดเพิ่งประกาศตัวเลข US GDP ไตรมาส 1/24 เติบโตแบบชะลอตัวลง QoQ ขณะที่ Core PCE ปรับตัวขึ้น อาจส่งผลให้หุ้นโลกชะลอความร้อนแรง!
(อ่านต่อหน้า 11)


What to watch  
  ธปท.เผย จับตาดูค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเกือบ 37 บาทในช่วงนี้ และไม่ต้องการให้ผันผวนผิดปกติเกินกว่าภูมิภาค ด้าน Bank of America เผยค่าเงินในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลล์ เหตุเฟดมีแนวน้ม เลื่อนการลดดอกเบี้ย (ถ้าเงินบาทเริ่มกลับทิศ จากปัจจัยที่ไม่ได้เป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาด งานนี้หุ้นไทยมีพลิกฟื้น)
  ตลท.ออกกฎคุม Short sell ใช้ Uptick rule ห้ามโยนบิด และห้าม Short หุ้นที่ Market Cap ต่ำกว่า 7.5 พันล้านบาท ต้องโชว์หุ้นว่ามีของก่อนถึงจะ Short ได้ ป้องกันการขายแล้วมาซื้อคืนล่างจบในวัน และการใช้โรบอทเทรด HFT ต้องมาขึ้นทะเบียนทั้งหมด ห้ามส่งคำสั่งที่เร็วเกินผิดปกติ เริ่ม เดือน มิย.นี้    
  สมาคมธนาคารไทยประกาศธนาคารพาณิชย์ปรับบลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% ให้กับลูกหนี้ชั้นดี และกลุ่มเปราะบาง   
  บลูมเบิร์กรายงาน วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่าง กม.เพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินให้กับไต้หวัน รวมถึงยูเครน และอิสราเอล และ ปธน.ลงนามเรียบร้อย
  กระแสข่าว ปธน.สหรัฐเตรียมลงนาม กม.เก็บภาษีกำไรหุ้นสหรัฐเพิ่มเป็น 44.6% (มองเป็นบวกต่อหุ้นไทย)
  GDP 1Q67 สหรัฐเมื่อวานโต 1.6% ต่ำกว่าคาดที่ 2.3-2.5% วันนี้หากตัวเลขเงินเฟ้อแผ่วลงอีก คาดจะหนุนบรรยากาศลงทุนหุ้นไทย
 
    
หุ้นแนนำวันนี้    GFPT    สถานการณ์ภัยแล้งจัดในประเทศหลังจากนี้เริ่มส่งผลกระทบต่ออุปทานไก่ และปศุสัตว์ (เห็นได้ชัดจากราคาไข่ไก่ที่พุ่งขึ้นรอบนี้
(S 12.3 R 13.5 SL 12)
    CPF    (S 18 R 18.9 SL 17.5)   
                            


                           รายงานพื้นฐานวันนี้

Healthcare Sector
    หลังผ่านรอมฎอน BH และ BCH จะกลับมาคึกคัก
หลังจากเมื่อวานนี้ BH ประกาศกำไรออกมาสูงกว่าที่คาดอย่างมาก เลยเกิดคำถามมาว่า แล้วโรงพยาบาลอื่นที่ยังไม่ประกาศกำไรเป็นยังไงบ้าง
วันนี้เรามารวบรวมอีกสองโรงพยาบาล ที่กำลังจะประกาศกำไรในเดือนหน้า โดยเราคาด BDMS จะประกาศกำไรออกมาที่ 4.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY แต่ทรงตัว QoQ และทำ All time high ต่อเนื่องได้จากที่เคยทำไปใน 4Q23 ปีก่อน และ BCH เราคาดว่ากำไรหลักที่ 347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% YoY แต่ลดลง 19% QoQ จาก low season ของกลุ่มโรงพยาบาลกลาง
สำหรับแนวโน้ม 2Q24 เราให้น้ำหนักกับโรงพยาบาลที่มีรายได้จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางสูง เพราะ จะเป็นช่วงหลังเดือนรอมฎอน ที่ผู้ป่วยจะกลับมาใช้บริการ โดย BH และ BCH มีสัดส่วนรายได้จากตะวันออกกลางสูงถึง 30% และ 10% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากดูตัวเลขผู้เดินทางจากตะวันออกกลางทางเข้าประเทศไทยใน 1Q24 ออกมาที่ 8.8 หมื่นคน เพิ่มขึ้น 14% YoY เราจะพบว่าฐานของกลุ่มตะวันออกกลางยังสูงขึ้น หลักๆ มาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่เติบโตแข็งแกร่งถึง 29% YoY
Fundamental View: เราให้ BH เป็น top pick โรงพยาบาลระดับบน และ BCH สำหรับโรงพยาบาล ระดับกลาง
    

NEX
เน็กซ์ พอยท์    ประเด็นสำคัญจาก Virtual Conference
เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมาเราได้มีการจัด Virtual Conference กับผู้บริหารของ NEX โดยมุมมองออกมาเป็นกลางใน 1Q24 คาดมีรถ EV ส่งมอบกว่า 500 คัน และมี Backlog รอส่งมอบอีกกว่า 3,000 คัน ในช่วงเริ่มต้นของการรุกตลาด Mass โดยเฉพาะการขายรถกระบะ EV น่าจะยังมีอัตรากำไรไม่สูงมาก อีกทั้งโรงงานผลิตอยู่ระหว่างการเพิ่มไลน์การผลิตทำให้อัตรากำลังการผลิตลดลงในช่วงสั้น ภาพรวมเรามองว่า NEX ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในตลาด Commercial EV ที่จะได้รับแรงหนุนจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐที่จะมีการเปลี่ยนผ่านสู่ EV อย่างต่อเนื่อง
Fundamental View: เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท

รายงานผลประกอบการวันนี้

PTTEP
ปตท. สำรวจและ          ผลิตปิโตรเลียม      (0) PTTEP รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 18,683 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักอยู่ที่ 19,363 ล้านบาท ลดลง 3% YoY และ 10% QoQ เป็นไปตามที่เราคาด แต่สูงกว่าตลาดคาด 9% แนวโน้ม 2Q24 คาดกำไรหลักขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย (ที่เพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก) และหากราคาขายโดยเฉลี่ยยังสูง มี Upside ต่อประมาณการกำไรเพิ่มเติม เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 212 บาท


สรุปประเด็นจาก Quick take

SCC
ปูนซิเมนต์ไทย    ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมายืนยันมุมมองเชิงบวกของเราต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในช่วง 2H24 และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
View From Fundamental: มูลค่าหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายอยู่ที่ระดับ PBV ณ สิ้นปี 2024 ที่ 0.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ 1.7SD) น่าจะสะท้อนแนวโน้มกำไรช่วง 1H24 ที่ไม่น่าตื่นเต้นสะท้อนไปแล้ว    เรามองว่าคาดการณ์กำไรที่ปรับตัวดีขึ้น HoH ในช่วง 2H24 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป           เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 315 บาท)
    

BANK
    สมาคมธนาคารไทยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้รายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งรายย่อยและ SME
สมาคมธนาคารไทยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้รายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและ SME เป็นเวลา 6 เดือน
View From Fundamental: เราประเมินว่าประเด็นดังกล่าวเป็นลบต่อแนวโน้ม NIM ปี 2024 ของกลุ่มธนาคารบ้าง แต่เราประเมินประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2024 ของกลุ่มธนาคารจำกัด โดยหุ้นเราเลือก KTB และ TTB เป็นหุ้น top picks เพราะประเมินว่ามี downside           ต่อกำไรสุทธิปี 2024 จำกัด
    

Auto
    ยอดผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคม
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2567
View From Fundamental: เรามีมุมมองเป็นกลางโดยยอดผลิต ยอดขายในประเทศและยอดส่งออกพื้นตัวขึ้นมา MoM ตามที่เราคาด อย่างไรก็ตามยอดผลิตยังคงโดนกดดันจากปัญหาเดิมๆ ทำให้เรามีมุมมองระมัดระวังต่อยอดผลิตใน 2Q24 ซึ่งเป็น low season อยู่แล้ว เราชอบ NEX มากที่สุดในกลุ่ม Auto จากที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องจากการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นในประเทศ


    หุ้นมีข่าว
DITTO, Renewable Energy    "ภาคธุรกิจ" พร้อมดันเทคโนโลยีลดโลกร้อน "บิทคับ" จ่อเปิด "คาร์บอนเครดิต" เทรด มอง "เงินทุน" สำคัญ ระบุต้องลงทุน 5 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 5% ของจีดีพีทุกปี จนถึงปี 93 โลกถึงบรรลุเน็ต ซีโร่ "ซีเมนส์" ชี้เทคโนโลยีเก่าหรือใหม่ก็ขับเคลื่อนลดคาร์บอน สู่ความยั่งยืนได้เป็นรูปธรรม "บีไอจี" มองธุรกิจ ต้องวางแผนสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
"บีโอไอ" ชูไฟฟ้าสีเขียวลงทุนต่างชาติลงทุนไทย ตอบโจทย์กติกาการค้าโลก หนุนภาคธุรกิจใช้พลังงานสีเขียว 100% ดันเป้าหมายลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ "กรมโลกร้อน" ดันร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เตรียมเสนอ ครม.ภายใน 2 เดือน (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
+    

Market    ตลท. เตรียมใช้เกณฑ์ uptick rule สำหรับ "หุ้นทุกตัว" และหุ้นที่จะ ถูก short ได้ต้องมีมาร์เก็ตแคปอย่างน้อย 7.5 พันล้าน พร้อมกับคุมหุ้นราคาร้อนแรง ด้วยระบบ Auction เริ่มปลายไตรมาส 2 นี้ มั่นใจเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนได้ (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
+    

NEX    NEX เผยไตรมาส 1/2567 ส่งมอบรถไปกว่า 500 คัน เดินหน้าดีลลูกค้าในประเทศ-ต่างประเทศ คาดปีนี้ทำได้ไม่ต่ำกว่า 5 พันคัน แย้มกำลังเจรจาค่ายรถระดับโลก เพื่อผลิตรถให้ค่ายรถดังกล่าว คาดจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ เล็งขายรถให้ผู้ชนะดีล ขสมก. 350 คัน ชูศักยภาพและกำลังผลิตทำได้เดือนละกว่า 300 คัน ชูพร้อม TERA เข้าตลาดหุ้นโอกาสใช้ไอทีดันศักยภาพขนส่ง (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
0/+    

MASTER    "ลภัสรดา เลิศภานุโรจ" แม่ทัพใหญ่ MASTER มองธุรกิจศัลยกรรม Q2 ติดเครื่องวิ่งต่อ หลังลูกค้าอินโดนีเซียไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หนุนสัดส่วนขึ้นเป็นเบอร์ 1 จับตาครึ่งปีหลัง 2567 เก็บเกี่ยวรายได้ลงทุน "V Square" และ "S45 Clinic" เต็มสูบ (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
+    

Utilities    รัฐ-เอกชน ร่วมถกโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ เน้นความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน ด้าน สนพ.ระบุโลกเปลี่ยน ปรับทิศชี้วัดใหม่ จับเกณฑ์ไฟฟ้าดับไม่เกิน 17 ชม.ต่อปีเป็นฐานคิดไฟฟ้ามั่นคง ด้านเอกชนเสนอรัฐเลิกระบบเอฟที หันส่งเสริมทางเลือกผู้ประกอบการดันใช้เทคโนโลยีใหม่ผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดต้นทุน (หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
+/-    


    ตัวเลขเศรษฐกิจ
Previous    Consensus            
    MON        S.Korea Exports    11.2% y-y    12.9% y-y
            Indonesia Exports    -9.5% y-y    -10.9% y-y
                    
    TUE        US New Home sales    662k    670k
            EU PMI Composite    50.3    51.1
            Singapore CPI    3.4% y-y    3% y-y
            Hong Kong CPI     2.1% y-y    1.6% y-y
                    
    WED        US Durable goods order    1.3% m-m    2.5% m-m
            Indonesia BI rate    6%     6%
            Australia CPI    4.1% y-y    3.5% y-y
                    
    THU        US GDP 1Q    3.4% q-q    2.3% q-q
            S.Korea GDP 1Q    2.2% y-y    2.4% y-y
            Malaysia CPI     1.8% y-y    2.1% y-y
                    
    FRI        US Core PCE     0.3% m-m    0.3% m-m
            BOJ Policy meeting        
            Singapore Industrial production    3.8% y-y    -1.5% y-y

    วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA  นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้