Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ทิสโก้ : BANKING ผลกระทบ 0.4% ต่อผลประกอบการจาก MRR ที่ลดลง

131


•    BANKING : ผลกระทบ 0.4% ต่อผลประกอบการจาก MRR ที่ลดลง 25bps สำหรับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยง
สมาคมธนาคารไทย (TBA) ประกาศในวันก่อนว่า ธนาคารพาณิชย์จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อย (Minimum Retail Rate หรือ MRR) ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงหลัก ลง 25 bps เป็นระยะเวลา 6 เดือน – สำหรับผู้กู้ยืมที่มีความเสี่ยงเท่านั้น

มุมมองของเรา
เราคาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อธนาคารที่เข้าร่วมในวงแคบมาก เนื่องจากขอบเขตของผู้กู้ที่จะได้รับประโยชน์มีจำกัด อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ทราบนิยามที่แน่ชัดของ "ผู้กู้ที่มีความเสี่ยง" โดยเราคาดว่าน่าจะหมายถึงผู้กู้ที่อยู่ในระดับ Stage II หรือ Stage III หรือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าจำนวนหนึ่ง (เช่น รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน) โดยนิยามในลักษณะนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการลดอัตรา MRR ครั้งก่อนๆ และมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในครั้งนี้ นอกจากนี้ MRR ถูกนำมาใช้เฉพาะกับบางผลิตภัณฑ์ โดยหลักคือสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมีบางส่วนที่ใช้กับสินเชื่อบุคคล/สินเชื่อ SME ในปริมาณที่น้อยกว่ามาก

โดยคาดการณ์ว่าการลดอัตรา MRR จะเป็นสำหรับผู้กู้ยืมที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เราจะวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับภาคธนาคาร ดังนี้

•    สินเชื่อที่อยู่อาศัย : ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 30% สามารถกู้ยืมสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ถึง 3 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 30% ของสต็อกสินเชื่อทั้งหมด และเราคาดว่ามีโครงสร้างคล้ายคลึงกันกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งหมด เราคาดการณ์ด้วยว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งหมดใช้อัตรา MRR ในการคำนวณดอกเบี้ย ดังนั้น จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร 7 แห่งที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรามีมูลค่ารวม 2.3 ล้านล้านบาท และสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจะมีมูลค่ารวม 6.94 แสนล้านบาท หากลดอัตรา 25 จุดพื้นฐานเป็นเวลา 6 เดือน ธนาคารจะสูญเสียรายได้ 900 ล้านบาท

•    สินเชื่อบุคคล : ปัจจุบันสินเชื่อบุคคลมีมูลค่ารวม 1.4 ล้านล้านบาท และเราประมาณว่าหากไม่รวมสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ซึ่งไม่ใช้อัตรา MRR) สินเชื่อบุคคลจะมีมูลค่าประมาณ 0.7 ล้านล้านบาท โดยน่าจะมีเพียงครึ่งหนึ่ง (0.35 ล้านล้านบาท) ที่ใช้อัตรา MRR และครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 'เสี่ยง' ดังนั้น สินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจะมีมูลค่า 1.35หมื่นล้านบาท หากลดในอัตรา 25 bps เป็นเวลา 6 เดือน ธนาคารจะสูญเสียรายได้ 200 ล้านบาท

•    สินเชื่อ SME : ส่วนนี้เป็นส่วนที่ยากต่อการประเมิน เนื่องจากเราขาดข้อมูลการแบ่งแยกอย่างละเอียด แต่เราเชื่อว่าน่าจะมีเพียง 5% ของสินเชื่อเหล่านี้เท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น ผลกระทบจากส่วนนี้จะประมาณ 300 ล้านบาท

ผลกระทบรวมทั้งหมดอาจอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท (900+200+300) ซึ่งถือเป็นการประเมินแบบ conservative ในมุมมองของเรา ผลกระทบที่ประมาณการนี้คิดเป็น 0.1% ของรายได้ดอกเบี้ยรวมประมาณการสำหรับปี 2024 และ 0.4% ของกำไรสุทธิประมาณการสำหรับปี 2024 หลังหักภาษี ดังนั้น ผลกระทบดูเหมือนจะจำกัดอยู่ในระดับที่ไม่มากนักต่อกลุ่มธนาคารโดยรวม บางธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อประเภทที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบุคคลสูงอาจได้รับผลกระทบมากกว่า แต่โดยภาพรวมแล้วผลกระทบน่าจะมีจำกัดมาก ไม่มีธนาคารแห่งใดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า 1% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TTB และ KKP โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 2.50 และ 60.00 บาท




Market Insight
     E- mail :tiscoresearch@tisco.co.th

 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้