
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 มกราคม 2568)--------QTC ส่ง บ.ย่อย “QTCGP” ร่วมมือ “MOVE EV X” ลุยเปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น พร้อมมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีและสร้างระบบ Ecosystem อย่างยั่งยืนประเดิมเปิดให้บริการ 7 สถานี -กาง Roadmap ปั้นรายได้ปี 68 แตะ 1,800 ล้านบาท
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน (กลางซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายเรืองชัย กฤษณเกรียงไกร (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC และ นางสาวศศิกาญจน์ ตันธนสิน (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) (บริษัทย่อย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับ คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา (กลางขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะมูฟ ธันเดอร์ จำกัด (MOVE EV X) เพื่อลงทุนเปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ประเดิมเปิดให้บริการ 7 สถานี ได้แก่ สาขาเฉลิมพระเกียรติ์ 67 สาขาสุขสวัสดิ์ 14 สาขาลาดพร้าววังหิน สาขาพัฒนาการ 20 สาขาวิภาวดีรังสิต 1 สาขาหลานหลวง และสาขาสุขุมวิท 101/1 เป็นที่เรียบร้อย
โดยการลงทุนครั้งนี้ บริษัท คิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดในหลากหลายรูปแบบ ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องมลพิษทางอากาศ อาทิ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตประชากรหนาแน่น จึงร่วมมือกับ MOVE EV X ในครั้งนี้เพื่อมีส่วนช่วยในการลดค่าครองชีพให้กับกลุ่มไรเดอร์ที่เข้ามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เข้าถึงพลังงานในราคาประหยัด
QTCGP มุ่งมั่นที่จะขยายสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อดำเนินธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีและสร้างระบบ Ecosystem อย่างยั่งยืน
ก่อนหน้านี้ นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งสร้างโอกาสการเติบโตธุรกิจสู่ความยั่งยืนในอนาคต ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล สู่เป้าหมาย Carbon Neutrality & Net Zero ภายในปี 2050 ผ่านการ Transformation 3 Business ของบริษัทฯ ได้แก่ ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ธุรกิจโซล่าร์ และ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน ดังนี้
ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า : บริษัทฯ วาง Growth Strategy สำหรับปี 2568 ผ่านการขยายตลาดในต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูง โดยพัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุน เพื่อสร้างความแตกต่างด้านประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ ยังมีแผนการบริการที่เป็นเลิศ (Services No.1) ด้วยระบบ online Transformer Smart Monitoring ที่จะติดตั้งให้กับหม้อแปลงขนาดใหญ่
- ตลาดในประเทศ บริษัทฯ คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในด้าน PPA สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน อาทิ Solar Farm , Biomass , Biogas นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้า ได้แก่ หม้อแปลง Unit Substation สำหรับงานระบบสายไฟใต้ดิน รวมถึงหม้อแปลง Super Low Loss ซึ่งจะเพิ่มยอดขายในปีนี้ให้กับบริษัทฯ สำหรับงานภาครัฐ งบประมาณจัดซื้อปีนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตด้านการใช้พลังงานสูงขึ้น โดยคาดว่าการไฟฟ้านครหลวงจะเริ่มมีการประมูลหม้อแปลง Super Low Loss ในสัดส่วนเพิ่มขึ้นของงบประมาณการจัดซื้อหม้อแปลง นับจากปี 2568 เป็นต้นไป
- ตลาดต่างประเทศ ยังคงมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นในพื้นที่ใหม่ เนื่องจากมีโอกาสที่จะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่จากประเทศในกลุ่มยุโรป รวมถึงการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ขนาด10MVA-30MVA) ไปยังประเทศออสเตรเลีย
ธุรกิจโซล่าร์ : บริษัทฯ วางกลยุทธ์การขยายตลาดด้วยการเพิ่มคู่ค้าที่มีศักยภาพ ทั้ง Global Partner และ Local Partner และเพิ่มประเภทสินค้าให้ครอบคลุมธุรกิจโซล่าร์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้าที่หลากหลายในแต่ละกลุ่มสินค้า จากปัจจุบันที่เป็นตัวแทนการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ Inverter และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่าง HUAWEI, LONGI, FOX ESS และ SolarEdge เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและสอดรับการขยายตัวของการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าโซล่าร์บนหลังคา (Solar Rooftop) โดยเฉพาะที่พักอาศัย และโครงการขนาดใหญ่ทั้งในภาครัฐ - ภาคเอกชน จากนโยบายผลักดันของทางภาครัฐ
ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า : บริษัทฯ เดินหน้าขยายการลงทุนในทุกกลุ่มของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าและทำสัญญาระยะยาว และให้ความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตร (Local Partner) ที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้จัดจำหน่าย Commercial EV, Logistics รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยการเปิด Charging Station for Passenger EV ยังคงเน้นการลงทุนในสถานีบริการน้ำมัน และ Community Mall ซึ่งมีแผนขยายต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 4 สถานี จากปี 2567 ที่มีการติดตั้งแล้ว 3 สถานี ส่วนการให้บริการ Charging Solution for Commercial EV จะเน้นการลงทุนในพื้นที่ของลูกค้า หรือเช่าพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ บริเวณนิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือ เป็นต้น โดยในปี 2567 ได้รับอนุมัติติดตั้งแล้ว 3 สถานี และมีแผนขยายสถานีเพิ่มขึ้นปีละ 10 สถานี
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยการขยายธุรกิจในเชิงรุกของบริษัทฯ และนโยบายแผนพลังงานแห่งชาติของภาครัฐที่ผลักดันให้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินอัตราการเติบโตของรายได้ ในปี 2568 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตแตะที่ระดับ 1,800 ล้านบาท
///จบ///