•    KKP : ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

ความคิดเห็นหลังการประชุม : สถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามไตรมาสก่อนที่สถานการณ์การยึดรถคืนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เราคาดว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นมาจากระดับต่ำในปัจจุบัน คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ KKP โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 60.00 บาท

กลยุทธ์
•    ธนาคารมีเป้าหมายที่จะขยายงบดุลของตนอีกครั้ง แต่จะเป็นการคัดเลือกอย่างระมัดระวัง โดยอาจจะกระจายความเสี่ยงออกจากสินเชื่อผ่อนรถ (อาจเป็นส่วนธุรกิจแทน)
•    ในระหว่างนี้ ธนาคารจะพยายามเพิ่มผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ โดยการให้สินเชื่อแก่ส่วนที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำซึ่งมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำมาก
•    เนื่องจากงบดุลของ KKP อาจไม่ขยายตัวมากนักในปีนี้ อัตราการจ่ายเงินปันผลจึงน่าจะคงที่

ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)
•    KKP ประสบกับการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประจำ (+3ppt เป็น 54% ของเงินฝากรวม) ซึ่งช่วยผลักดันต้นทุนทางการเงินให้สูงขึ้น  
•    ผู้บริหารระบุว่าระยะเวลาของสินทรัพย์ไม่ยาวนัก ดังนั้น ผลกระทบจากการปรับราคาจึงไม่ได้อยู่เพียงด้านหนี้สินเท่านั้น ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบต่อ NIM

คุณภาพสินทรัพย์  
•    ตัวชี้วัด (จำนวน NPL, coverage ratio) มีความผันผวนใน 1Q เนื่องจากส่วนของธุรกิจขนาดใหญ่ (ดูเหมือนจะเป็นภาคพาณิชย์ ไม่ใช่ ITD ซึ่งดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน) KKP ได้กันสำรองเงินทั้งหมดใน 4Q23 (ส่งผลให้ coverage ratio พุ่งสูงถึง 156%) แต่ลดระดับลูกค้ารายนี้เป็น NPL ใน 1Q24 ทำให้อัตราลดลงมาเหลือ 133%
•    KKP พอใจกับ coverage ratio ประมาณ 140% เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อปัจจุบันมีหลักประกันสูง จึงไม่ได้กังวลกับการลดลงของ coverage ratio
•    สต็อกรถที่ยึดคืน (repo cars) เพิ่มขึ้น 25% qoq และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ (ปัจจุบัน 3,448 คัน เทียบกับ 4,600 คันใน 4Q23) สนับสนุนโดยการลดลง 8% ของการยึดรถคืน คู่ขนานกับการเพิ่มขึ้น 2% ของการขายรถที่ยึดคืน ใน 1Q24 อย่างไรก็ตาม รถยึดคืนมีจำนวน 7,189 คัน (7,785 คันใน 4Q23) ขณะที่การขายรถยึดคืนเพิ่มเป็น 8,340 คัน (เทียบกับ 8,180 คันใน 4Q23)  
•    ราคารถมือสองยังคงอ่อนแอ และผู้บริหารคาดว่าจะไม่มีการฟื้นตัวที่น่าสังเกตในปีนี้
•    ลูกค้าบางรายที่เข้าร่วมโครงการคลังสินทรัพย์เริ่มซื้อสินทรัพย์คืน ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับธนาคารเนื่องจากบ่งชี้ถึงคุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้าที่ดีขึ้น




สรุปธุรกิจตลาดทุน
•    สภาวะตลาดโดยรวมยังคงซบเซาอยู่ (เช่น มูลค่าการซื้อขายรายวันต่ำลง) แต่ธนาคารสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ดี โดยปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติยังคงอยู่ในระดับเดิม อย่างไรก็ตาม รายได้รวมยังคงไม่ฟื้นตัว แต่ไม่มีแรงกดดันด้านอัตรากำไรขั้นต้นของ KKP
•    ธุรกิจการธนาคารเพื่อธุรกิจยังคงท้าทายเนื่องจากสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย
•    Dime มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 30,000 รายต่อเดือน โดยฐานลูกค้ารวมในปัจจุบันอยู่ที่ 2.7 แสนราย 

Market Insight
     E- mail :tiscoresearch@tisco.co.th