ธนาคารเกียรตินาคินภัทร – KKP
คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นต่อเนื่อง
Key Point
NPL ใน 1Q67 เพิ่มขึ้นจากการจัดชั้นเชิงคุณภาพของลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่รายหนึ่ง อย่างไรก็ตามคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นต่อเนื่อง จากการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และมีรถยึดเข้ามาลดลง ซึ่งทำให้ผลขาดทุนรถยึดลดลง ทำให้การตั้งสำรองลดลง ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการการตั้งสำรองในปีนี้ลง และปรับประมาณการกำไรขึ้น และทำให้ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 54 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”

1Q67 NPL เพิ่มขึ้น แต่การตั้งสำรองกลับลดลง
1Q67 KKP มี NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.8% จาก 3.2% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการจัดชั้นเชิงคุณภาพของลูกค้าสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่รายหนึ่ง อย่างไรก็ตามทาง KKP ได้มีการตั้งสำรองลูกค้ารายนี้ไปแล้วในไตรมาสก่อน ทำให้ไม่มีผลต่อการตั้งสำรองเพิ่มเติมในไตรมาสนี้ โดย KKP มีการตั้งสำรองในไตรมาสนี้เพียง 609 ลบ. ซึ่งน้อยกว่า 4Q66 ที่มีการตั้ง 1.4 พันลบ. และ 1Q66 ที่มีการตั้ง 1.1 พันลบ. มาก


คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ทำให้การตั้งสำรองลดลง
หากไม่รวม NPL ที่เพิ่มขึ้นจากการจัดชั้นเชิงคุณภาพในไตรมาสนี้แล้ว คุณภาพสินทรัพย์ของ KKP นั้นดีขึ้นต่อเนื่อง จากการชะลอการปล่อยสินเชื่อ และเพิ่มความเข้มงวดมาตั้งแต่ปี 66 นอกจากนี้ NPL ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นมาจากปี 65 ซึ่งในขณะนี้ลดน้อยลงไปมากแล้ว และรถที่ยึดเข้ามาจากการเป็น NPL ก็ลดลง ซึ่งทำให้ผลขาดทุนรถยึดในไตรมาสนี้ลดลงจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัย โดยลดลงถึง 41% q-q และการที่คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นนี้เองทำให้การตั้งสำรองตาม ECL ในไตรมาสนี้ลดลง และถึงแม้ว่าสัดส่วนสำรองต่อ NPL จะลดลงไปเหลือ 83.5% จากไตรมาสก่อนที่มีอยู่ 112.6% ก็ตาม แต่ทาง KKP มองว่าไม่น่ากังวล เนื่องจากสินเชื่อส่วนใหญ่ของ KKP คือสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน


การที่สินเชื่อไม่โต อาจจะส่งผลดีต่อการปันผล
สินเชื่อของ KKP ในไตรมาสนี้หดตัว 0.7% q-q โดยเป็นการลดลงจากสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก ซึ่งเป็นแผนของ KKP ในการชะลอการเติบโตของสินเชื่อ เพื่อเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์ แต่ทาง KKP นั้นยังไม่ได้มีการปรับเป้าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 3% โดยทาง KKP จะยังคงนโยบายการเติบโตอย่างระมัดระวังไว้เหมือนเดิม ซึ่งหากสินเชื่อไม่ได้เติบโตมาก จะทำให้ไม่มีความต้องการเงินกองทุนมากนัก ทาง KKP อาจจะพิจารณานาไปจ่ายปันผลแทน เช่นเดียวกับปี 66 ที่มีการจ่ายปันผลด้วย pay out ratio 47% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่มีการจ่ายด้วย pay out ratio 36%

ปรับประมาณการกำไร และราคาพื้นฐานขึ้น ยังแนะนำ “ทยอยซื้อ”
ทางฝ่ายปรับประมาณการการตั้งสำรองปี 67 ลดลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และทำให้ประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 18.7% y-y จากเดิมคาดไว้ที่ 6.2 พันลบ. แต่ยังคงประมาณการปันผลไว้ที่ 3 บาท/หุ้น เท่ากับปี 66 ไว้ก่อน ซึ่ง KKP อาจมีการจ่ายสูงกว่านี้หากสินเชื่อไม่เติบโต จากการปรับประมาณการกำไรขึ้น ทำให้ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 54 บาท จากเดิม 49 บาท และคงคำแนะนำ“ทยอยซื้อ”


อดิสรณ์ มุ่งพาลชลนักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ # 18577โทร: 66 2 635 1700 # 4977