Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

164




"Selective Play"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ฟื้นตัว" ต้าน 1373/1378 จุด รับ 1356/1349 จุด เมื่อคินกรรมการ Fed 3 ท่าน ให้สัมภาษณ์ไม่เร่งลดดอกเบี้ยในปีนี้หนุน US Bond yields 2 ปีและ 10 ปีปรับขึ้นอีกครั้งเมื่อวาน +5 bps แต่มีข้อสังเกต คือ ตัวอายุอายุ 2 ปียังติดแนวต้านโซน 5%+- อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฝั่งแรงงานและที่อยู่อาศัยเมื่อคืนออกมาอ่อนตัว และราคาน้ำมันดิบโลกยังปรับลงต่อ หลังความตึงเครียดตะวันออกกลางผ่อนคลาย ยังมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย ที่เศรษฐฏิจมัพัฒนาการเชิงบวก ทั้งจีน(ยอดการใช้ไฟฟ้า เดือน มี.ค. +7.4%y-y) เช่นเดียวกับไทยโมเมนตัมการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยปี 2024 จะเติบโตเป็นขั้นบันได แรงหนุนหลักๆยังมาจากฝั่งการบริโภค(เมื่อวาน ครม. อนุมัติมาตรการ"โคแสนล้าน" ให้สินเชื่อกู้เยืมเกษตรกรเลี้ยงโค 1 แสนครัวเรือน ฯลฯ) ภาคท่องเที่ยว (ครม. อนุมัติ ฟรี VISA ถาวรนักท่องเที่ยวคาซัคสถานและลุ้น Upside เพิ่ม Entertainment Complex คาดชัดเจน กลางเดือน พ.ค.) โดยวันนี้ติดตามรายงบธนาคาร TTB, SCB มองหุ้นนำตลาดวันนี้ คือ กลุ่มอิงบริโภคและภาคบริการ และหุ้นที่เก็งจะเข้า SET50 วันนี้แนะ BJC, ICHI, CPALL เด่น

 

Daily outlook: "ฟื้นตัว" ต้าน 1373/1378 จุด รับ 1356/1349 จุด

What happened around the world ?

• (*/-) US Stocks Dow Jones +0.06%, S&P500 -0.22%, Nasdaq -0.52% โดยดัชนี S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ ICT, Utilities, Consumer staples, Financials ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ underperform คือ IT, Consumer Discretionary, Industrials ฯลฯ

•(*/-) Fed Speaks : วานนี้คณะกรรมการ Fed 3 ท่านให้ความเห็น โดยยังเป็นไปในลักษณะ Hawkish ได้แก่ 1.)คุณ John Williams (Voter) เผยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน 2.) คุณ Raphael Bostic(Voter) เชื่อว่าจะไม่ได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2024 และ 3) คุณ Neel Kashkari ให้ความเห็นว่ามีโอกาสที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันตลอดทั้งปีนี้

•(*) US Econ : 1.) สหรัฐเมื่อคืนรายงานยอดการขายบ้านมือ 2 เดือน มี.ค. พลิกลดลงครั้งแรก -4.3%m-m อยู่ที่ 4.19 ล้านหลังและต่ำกว่าตลาดคาด ประเมินเป็นสัญญาณที่ดีของแวโน้มเงินเฟ้อเดือน มี.ค. โดยเฉพาะหมวด Shelter ที่ Fed ให้น้ำหนัก 2.) ยอดขอรับสวัสดิการว่างงาน(Initial Jobless Claims) +2.12 แสนรายต่ำกว่าตลาดคาด และเท่ากับสัปดาห์ก่อน สะท้อนภาพภาคแรงงานสหรัฐฯประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง)

•(*/+) TSMC Earning 1Q24 : TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปไต้หวัน และผลิตชิปให้กับบริษัทต่าง ๆ เช่น APPLE และ NVDIA รายงานรายได้และกำไรสุทธิดีกว่าคาด กำไร 1Q24 ที่ 2.25 แสนล้านเหรียญไต้หวัน ดีกว่าตลาดคาดและ +8.9%y-y หนุนจาก Demand ชิปขั้นสูง โดยเฉพาะชิป AI สวนทางกับ ASML ผู้นำผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลกเผยสั่งซื้อล่าสุดต่ำกว่าตลาดคาดช่วงกลางสัปดาห์ โดยรวมงบ TSMC ที่ออกมาดีกว่าคาดลดแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ราคาอ่อนตัวลงมาจากประเด็น ASML และ Bond yields เร่งขึ้น มองมีโอกาสฟื้นตัว แนะตั้งรับหุ้นชิ้นส่วน เน้น HANA(TP@51.6)

•(*/+) Middle East Tension : สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอิสราเอลและอิหร่าน มีภาพผ่อนคลายขึ้นและมีโอกาสสูงที่จะไม่ลุกลามกลายเป็นสงครามในภูมิภาค สำนักข่าว ABC รายงานอิสราเอลไม่มีแนวโน้มที่โจมตีอิหร่าน จนกว่าจะสิ้นสุดเทศกาลปัสกา 22 -29 เม.ย. ฝั่งสหรัฐ ล่าสุด หลีกเลี่ยงคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันอิหร่าน เป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้น

•(*/+) China Consumption : สำนักบริหารพลังงานแห่งชาติจีนเผยการใช้ไฟฟ้าของจีนในเดือนมี.ค. อยู่ที่ 7.94 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง 7.4%y-y แบ่งเป็น การใช้ไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัย +158%y-y การใช้ไฟฟ้าของอุตสาหกรรม +7% สะท้อนการบริโภคภายในและการลงทุนเพิ่มขึ้นย้ำภาพเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว มองบวกต่อหุ้นทำธุรกิจเชื่อมโยงจีน เน้น SCGP, IVL และกองทุนหุ้นจีน เน้น KF-CHINA, KFACHINA-A (A-shares)

•(*/-) US-China : สหรัฐเตรียมพิจารณาขึ้นภาษีศุลกากรเหล็กและอลูมิเนียมจากจีน "สูงกว่าเดิม 3 เท่า เพื่อปกป้องธุรกิจเหล็กในสหรัฐและตลาดประเมินเป็นการเรียกคะแนนเสียงของประธานธิบไบเดนก่อนจะมีการเลือกตั้งสหรัฐในเดือน พ.ย.2024 ประเมินสร้างความกังวลการกีดการค้าเพิ่ม หนุนกระแสย้ายฐานการผลิต มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA

•(*) To monitor : ฝั่งญี่ปุ่น 19 เม.ย. ติดตามรายงาน CPI มี.ค. คาด +2.8%y-y เท่าเดือนก่อน

• (*) US Bond & Dollar : US Bond yields ระยะสั้นปรับขึ้นอีกครั้ง อายุ 10 ปีเมื่อวาน +5bps และปิดที่ 4.64% และอายุ 2 ปี พลิกปรับขึ้น 5 bps อยู่ที่ 4.98%(แนวต้าน 5.0+-) Dollar Index ฟื้นตัว 106.1+/- จุด ประเมินเป็นปัจจัยลบต่อ Fund Flow ในเอเซียและไทยในวันนี

•(*) Oil : น้ำมันดิบ Brent -0.21%d-d ปิดที่ US$ 87.11/barrel แนวต้านรอบนี้คือ 92 เหรียญฯ (High ล่าสุด) เช่นเดียวกับน้ำมันดิบ West Texas +0.05%d-d ปิดที่ US$ 82.73/barrel

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: SET Index ยังปรับลงต่อ– 5.9 จุด -0.43% ปิดที่ 1361.0 จุด สวนทางกับประเทศในเอเชียที่ปรับขึ้น Sector ส่วนใหญ่ปรับลง หลักๆคือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ลงแรง, กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) ถูกขายต่อหลังจากถูกเก็งกำไรขึ้นมาช่วงก่อน ฯลฯ กลุ่มหนุนดัชนีคือ กลุ่มการท่องเที่ยว (MINT) หนุนจากภาพท่องเที่ยวภายในฟื้นผสานแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปเริ่มฟื้นฯลฯ

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างชาติสุทธิ ขายหุ้น -9.3 ล้านเหรียญฯ แต่พลิกซื้อพันธบัตร +53.8ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Short ติดต่อกัน 4 วัน เมื่อวาน -34,293 สัญญา เงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่า 36.7 +/-บาท

• (*/+) Cabinet : ที่ประชุม ครม.เมื่อวานมีข้อสรุป 1.)ฟรี VISA ถาวรนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน (ก่อนหน้านี้เป็นการชั่วคราว เช่น ให้เข้ามาเป็นระยะเวลา 30 วัน ในรอบ 180 วันจะเข้ามากี่ครั้งก็ได้) นักท่องเที่ยวคาซัคสถาน ปี 2023 ราว 1.5 แสนคน KCS มองเป็น Upside เพิ่มเติมต่อคาดการณ์นักท่องเที่ยวทั้งปี 2024 ตลาดคาด 35 ล้านคน มองบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ เน้น AOT MINT BJC 2.)โครงการ "โคแสนล้าน" กรอบวงเงินสินเชื่อ ธ.ก.ส.5,000 ล้านบาท ให้สินเชื่อแก่กองทุนหมู่บ้านฯ กู้ยืมเพื่อเลี้ยงโค 1 แสนครัวเรือนฯละ 5 หมื่น บาท มองเป็นบวกต่อกำลังซื้อของเกษตรกรไทย บวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก และวัสดุก่อสร้าง เน้น CPALL, BJC GLOBAL DOHOME

• (*/+)SET50/100 2H24 Second update : เราคาดหุ้นที่จะเข้า/ออก SET50-SET100 ในรอบ 2H24 หลังตลาดเตรียมปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นใหม่ ดังนี้ โดยตลาดจะประกาศรายชื่อในช่วงกลางเดือน มิ.ย.24 และมีผลวันที่ 1 ก.ค. 2024 ➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%) - หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%) + หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS - หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

• (*) Bank result : เมื่อวาน BBL(TP@170) รายงานกำไร 1Q24 ที่ 1.05 หมื่นลบ. Inline เราและตลาดคาด กำไร +4%y-y จาก yield on loan ที่เพิ่ม กำไรเพิ่ม +19%q-q เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนและรายได้เงินปันผล แต่ NPL Ratio ที่ 3.0% สูงกว่าเราคาดที่ 2.8% จากการตกชั้นของลูกหนี้กลุ่มการผลิต การพาณิชย์ และการก่อสร้าง วันนี้ติดตามรายงาน งบ TTB คาดกำไรโต +24.6%y-y และ +9.9q-q ยังแนะนำซื้อเป็น Top pick ของกลุ่มธนาคาร SCB ทรงตัว y-y และ q-q

• (*) Energy : วันนี้ประชุมสำนักกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) จะเสนอ 3 มาตรการ 1.) ให้ปรับขึ้นราคาดีเซล 1 บาทต่อลิตร ยกเลิกลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 2.)ปรับขึ้นราคาดีเซล 0.5 บาทต่อลิตร 3.)ยังไม่ปรับขึ้นราคาดีเซล(หารือ ครม.ช่วยเหลือจากมาตรการอื่นๆนอกจากนี้) KCS ประเมินหากปรับขึ้น 1 หรือ 0.5 บาทต่อลิตร จะกดดันกำลังซื้อครัวเรือนและภาคธุรกิจ ให้น้ำหนักไปทางปรับขึ้น 0.5 บาท สูงกว่า ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับขึ้นมาในช่วงตั้งแต่ต้นปี แต่กรณี Best Case คือ หาก กบน. เลือกยังไม่ปรับขึ้นราคาดีเซล (ทางเลือกที่ 3) มองบวกต่อหุ้นกลุ่มอิงการบริโภคภายใน เน้น CPALL, CPAXT, BJC,

 

Daily Strategy : BJC, ICHI, CPALL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด ""ฟื้นตัว" เมื่อคินกรรมการ Fed 3 ท่าน ให้สัมภาษณ์ไม่เร่งลดดอกเบี้ยในปีนี้หนุน US Bond yields 2 ปีและ 10 ปีปรับขึ้นและ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฝั่งแรงงานและบ้านเมื่อคืนออกมาอ่อนตัว และราคาน้ำมันดิบโลกยังปรับลงต่อ หลังความตึงเครียดตะวันออกกลางผ่อนมีโอกาสไม่ลุกลามกลายเป็นสงครามในภูมิภาคเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย ซึ่งเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัวทั้งจีนเช่นเดียวกับไทยโมเมนตัมการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยปี 2024 จะเติบโตเป็นขั้นบันได แรงหนุนหลักๆยังมาจากฝั่งการบริโภค ภาคท่องเที่ยว มองหุ้นนำตลาดวันนี้ คือ กลุ่มอิงบริโภคและภาคบริการ และหุ้นที่เก็งจะเข้า SET50 มองหุ้นนำ 1) กลุ่มอิงบริโภค เน้น CPALL, CPAXT, BJC 2) กลุ่มบริการ อาทิ AOT 3.)หุ้นที่เก็งจะเข้า SET50 เน้น BJC

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, HANA, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KCS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• BBL (Buy, TP*170) เรามีมุมมองบวกต่อ CPF เพราะสถานการณ์ค่อยๆดีขึ้น คาดขาดทุนปกติ -2,561 ลบ. ใน 1Q24F ดีขึ้น q-q จากการฟื้นตัวของปริมาณไก่ส่งออก ราคาไก่ไทย+หมูเวียดนามเพิ่มขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง แนวโน้ม 2Q24F ฟื้นตัว q-q เป็นกำไรราว +1,700 ลบ. จากราคาหมูไทยฟื้นตัวใกล้เคียงต้นทุนการเลี้ยง ราคาหมูเวียดนาม/ส่งออกไก่ยังดีขึ้น ต้นทุนถั่วเหลืองยังต่ำ CPALL CPAXT เข้าสู่ high season ยอดขายดีหน้าร้อน ประเด็นราคาหมูจีนคาดฟื้นใน 2H24F ช้ากว่าประเทศอื่น แต่ยังน่าจะทำให้กำไรปกติของ CPF ดีขึ้น q-q ใน 3Q24F เราแนะนำ Trading Buy ด้วย TP 19.50 บาท คาดปี 2024F ฟื้นตัวจากขาดทุนในปี 2023 มากำไร เพราะ 1) การปรับโครงสร้างธุรกิจตัดธุรกิจที่ขาดทุนออก 2)ราคาหมู-ไก่ทั้งไทย+ต่างประเทศฟื้นตัวกลับมากำไร 3) ส่งออกไก่เติบโตทั้งไปญี่ปุ่น+ยุโรป 4) ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงจากแนวโน้มราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองลดลง

 


2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

Microsoft ลงทุนไทย By: แม่มดน้อย

ภาพรวมหุ้นไทยในภาคเช้าที่ผ่านมา แกว่งตัวซิกแซกขึ้น สงสัยตอบรับข่าวดี Microsoft ลงทุนไทย....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้