AT THE OPEN (#ATO)
SET ประคองฐานโซน 1350
กลยุทธ์ตั้งรับหุ้นพื้นฐานดี

Market Strategy
SET Index คาดประคองฐานตามกรอบ 1350-1370 จุด ความกังวลต่อการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ช้าและน้อยตลาดคาดยังมีอยู่ หลังคณะกรรมการ FED หลายรายวานนี้ให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน คือ ไม่เห็นสัญญาณการลดดอกเบี้ยฯ ณ ขณะนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดัน Bond Yield 2 และ10 ปีสหรัฐฯปรับขึ้น แต่ตลาดหุ้นเริ่มแกว่งผสมผสานโดยกลุ่ม Growth Stock ปรับลงแรงกว่า Value Stock สะท้อนจาก NASDAQ -0.52% สวนทาง Dow Jones +0.06%
สภาพแวดล้อมข้างต้นอาจสร้างแรงกดดันต่อ SET Index แต่เชื่อว่าผลกระทบจะไม่มากเท่าสหรัฐฯ เพราะโครงสร้างตลาดหุ้นบ้านเรามีน้ำหนักไปที่หุ้น Value มากกว่า ขณะที่ความกังวลต่อการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ จาก 3 ครั้งตอนต้นเดือน เม.ย. เป็น 1 ครั้ง ณ ปัจจุบัน เชื่อว่าสะท้อนไปพอสมควรแล้วหลังจาก Bond Yield 2 และ 10 ปีสหรัฐฯ ในเดือนนี้ที่ปรับขึ้นในช่วง 40-50 bps ทำให้พื้นที่ในการปรับขึ้นจากตรงนี้จะเริ่มจำกัด ซึ่งจะทำให้แรงกดดันในมุมของ Earning Yield Gap ที่แคบลงระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดตราสารหนี้ลดลง

ส่วนประเด็นอื่นๆ การประชุม ครม. วานนี้มีมติเห็นชอบ1) งบประมาณปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท 2) เห็นชอบฟรีวีซ่า ถาวร ไทย-คาซัคสถาน สำหรับประเด็นที่ติดตามวันนี้ให้น้ำหนักไปที่การรายงานงบ 1Q67 ของ SCB และ TTB กลยุทธ์การลงทุน มองแนวรับ 1350 จุด เป็นโซนสะสมหุ้นพื้นฐานดี

Market Summary
SET Index วานนี้ปรับลง -5.9 จุด อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่บวกได้เป็นส่วนใหญ่ โดยกลุ่มที่กดดันหลักมาจากกลุ่มพลังงาน (กดดันตลาด -5.3 จุด) และปิโตรฯ (กดดันตลาดไป -0.5) PTTEP -3% PTT -1.4% PTTGC -2.5% จากการปรับฐานของราคาน้ำมันดิบ ขณะที่กลุ่มอื่นๆ เริ่มสลับมารีบาวน์ เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL +0.9% BJC +1.6% กลุ่มอาหาร CPF +2.27 และ DELTA 1.4%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ ITC SCGP

SCGP จุดที่น่าสะสม
คาดกำไรปกติ 1Q67 อยู่ที่ 1,475 ล้านบาท (+25% YoY , +21% QoQ) ได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น คาดจะดีขึ้น 18% จาก 17.9% ใน 4Q66 และ 17.6% ใน 1Q66 แรงหนุนจากราคาขายที่ปรับขึ้น และ ใช้เศษกระดาษในประเทศสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปกติ 55% ช่วยลดต้นทุน ปริมาณขายเติบโตทุกประเทศ คือ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย จากการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม
ส่วนกำไรทั้งปี 67 คาดเติบโต 20% ราคาหุ้นปรับลงตั้งแต่ต้นปี 12% ทำให้Valuation ปี 2567 ที่น่าสนใจ คือ ซื้อขาย EV/EBITDA 10.2 เท่า (-1.5 SD) และ P/BV 1.3 เท่า (-1.75 SD)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 42.00

ITC Earnings Trend ดูดี
งบ 1Q67 มีแนวโน้มทำจุดต่ำสุดของปีตาม Seasonal effect แต่จะแฝงไปด้วยพัฒนาการบวกทั้งด้าน Sales volume End of destocking และยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นสอดรับไปกับยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือน ก.พ. ขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้เชื่อว่าประสิทธิภาพการทำกำไรจะดีขึ้นตามสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ระดับ Premium ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ 2Q67 แนวโน้มยอดขายยังขยายตัว YoY และ QoQ ตามคำสั่งซื้อลูกค้าและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่หักล้างผลจากการรับรู้ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น
ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า รวมถึงมีโอกาสที่จะถูกเข้าคำนวณใน SET50 Index รอบ 2H67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายย่อหลุด 1,350 จุด ในระหว่างวัน ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดเหนือ 1,360 จุด โดยมีแรงซื้อกลับในกลุ่ม ETRON FOOD HELTH COMM TOURISM ขณะที่ในระยะสั้นตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดีกว่าคาด 1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น +2.12 แสนราย ต่ำกว่าที่ตลาดคาด +2.15 แสนราย ก็ตาม 2) ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก อยู่ที่ 15.5 สูงกว่าคาด ที่ 2.5 และการส่งสัญญาณของคณะกรรมการและสมาชิก Fed ที่บ่งชี้โอกาสที่ดอกเบี้ยจะสูงนานกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามภาวะหุ้นไทยที่พลิกกลับมา Underperform ภูมิภาค ASEAN ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศน่าจะเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ในสัปดาห์หน้าจะมีการรายงานตัวเลขส่งออกของไทย เดือน มี.ค. รวมทั้งการรายงานงบฯ 1Q67 เร่งตัวมากขึ้นและเริ่มเข้าสู่กลุ่ม Real sector จึงน่าจะทำให้ตลาดจะเริ่มผ่อนคลายลงจากประเด็นดอกเบี้ย หันมาให้น้ำหนักปัจจัยเฉพาะตัวมากขึ้น

EYES ON
17 เม.ย. จำนวนผู้ขอสินเชื่ออสังหาฯของสหรัฐฯ, CPI Eurozone (ครั้งสุดท้าย)
18 เม.ย. ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
19 เม.ย. กลุ่ม Bank ประกาศงบ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ