Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

160

 


"Selective Play"

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1401/1410 จุด รับ 1384/1376 จุด ช่วงวันหยุดตลาดหุ้นต่างประเทศมีแรงกดดันทั้งความตึงเครียดตะวันออกกลางอิหร่าน-อิสราเอลกลับมาอีกครั้ง แต่สถานการณ์ยังไม่บานปลาย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งทั้ง Retail sales เดือน มี.ค. หนุนโอกาสสหรัฐลดดอกเบี้ยปี 2024 เหลือ 1.6 ครั้ง แต่ตลาดรับรู้ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ฝั่งเอเชียจีน รายงาน GDP 1Q24 โต 5.3%y-y สูงกว่าตลาดคาด บวกต่อไทยซึ่งมีการค้ากับจีนอันดับ 1 ราว 18.6% ประเมิน SET Index วันนี้กลยุทธ์ มองย่อ เป็นโอกาสซื้อ ด้วยพื้นฐานภายในที่มีพัฒนาการบวก จาก 1.)ภาคท่องเที่ยวไทย 8-14 เม.ย. คึกคักอยู่ที่ 7.35 แสนคน +19%w-w จีนเด่น 1.5 แสนคน(vs ค่าเฉลี่ยไม่รวมช่วงตรุษจีนปี 24 ที่ 1.27 แสน) 2.)Moody's คง Credit Rating ไทยที่เดิม Baa1 ส่วนประเด็นที่ต้องตามจากนี้คือ งบธนาคาร 1Q24 และ Hearing จากตลาดหลักทรัพย์ 11-26 เม.ย. เรื่องเกณฑ์คัดเลือกหลักทรัพย์เข้าดัชนี SET50/100 มองหุ้นนำตลาดวันนี้ คือกลุ่มอิงจีน, กลุ่มพลังงาน กลุ่มบริการ วันนี้แนะ BJC, MINT, AOT เด่น

 

Daily outlook: "Sideways" มองย่อซื้อ ต้าน 1401/1410 จุด รับ 1384/1376

What happened around the world ?

• (*/-) US Stocks ตลาดหุ้นสหรัฐช่วงหยุดยาวเป็นภาพขาลง รับข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งและประธาน Fed Powell เมื่อคืนให้สัมภาษณ์ในโทนโอกาสลดดอกเบี้ยน้อยลง โดยเมื่อวาน Dow Jones +0.17%, S&P500 -0.21%, Nasdaq -0.12% โดยดัชนี S&P500ปรับขึ้นเกือบทุก Sector โดยกลุ่มที่ Outperform มีเพียง IT, Consumer staples, Health care ส่วนกลุ่มที่ underperform คือ Real estate, Utilities, Energy ฯลฯ

•(*/-) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐช่วงวันหยุดออกมาตอกย้ำภาพของภาวะ Goldilocks คือ เศรษฐกิจขยายตัวแกร่ง แต่เงินเฟ้อค่อยๆลดลง สะท้อนผ่านรายงาน 1.)ยอดค้าปลีกสหรัฐ(Retail Sales) เดือน มี.ค.+4%y-y สูงสุดในปีและ Real Retail Sales 1 ใน 4 Indicator ที่ทางการสหรัฐฯใช้วัด Recession ล่าสุดขยายตัวต่อเนื่อง +0.5%y-y และ +0.34%m-m โดยการบริโภคขยายตัว 8 หมวดจาก 13 หมวด หลักๆมาจากกลุ่ม E-commerce และพลังงาน 2.)ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน มี.ค. -2%m-m และต่ำกว่าตลาดคาดมาอยู่ที่ 77.9 จุด 3.)คาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้า 3.1%y-y มากกว่าเดือนที่แล้วและมากกว่าคาด และคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าที่ 3%

•(*/-)Fed Speak : คุณ Powell ให้สัมภาษณ์วานนี้ในโทน Hawkish คือ "เงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงช้ากว่าคาดและส่งผลให้ Fed อาจต้องใช้เวลาเพื่อดูข้อมูลให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะชะลอลงได้นานขึ้นกว่าเดิม" KCS มองปัจจัยดังกล่าวมีผลกระทบจำกัดต่อ SET Index เนื่องจากตลาดได้ปรับมุมมองอัตราดอกเบี้ยมาใกล้เคียงกับ Fed แล้วในช่วงก่อนหน้า กล่าว คือมองลดอัตราดอกเบี้ย 1 – 2 ครั้ง (จากเดิม 5 – 6 ครั้งในช่วงต้นปี) ต้องติดตามสภาวะเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ และตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินจังหวะในการเริ่มลดอัตราเบี้ยนโยบายต่อไป

• (*)China Econ : 1.)GDP Growth 1Q24 โต 5.3%y-y สูงกว่าตลาดคาดที่ 4.8% และเร่งขึ้นจาก 5.2%y-y ในงวด 4Q23. 2.)Industrial Production เดือน มี.ค. + 4.5% ต่ำกว่าคาดที่ 5.4% 3.) Retail Sales เดือนเดียวกัน +3.1% ต่ำกว่าคาดที่ 5.1% 4.) Fixed asset investment + 4.5% สูงกว่าคาดที่ 4.0% โดยรวม GDP จีนที่ดีกว่าคาดดังกล่าวและหลายดัชนีเศรษฐกิจออกมาในโทยบวกมองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นจีน มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน แนะนำหุ้น PTTGC, IVL, SCGP, HANA เน้น IVL(TP@26.5), HANA(TP@51.6)

•(*/-) Middle East Tension : 1.)13 เม.ย.กองกำลังการปฏิวัติอิหร่าน(IRGC) แถลงว่าได้ยึดเรือขนส่งสินค้าตู้ Container ของบริษัทเดินเรือขนส่งสินค้า Zodiac Maritime (สัญชาติอิสราเอล) ซึ่งอยู่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุสตั้งอยู่ระหว่างอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมาน (เป็นช่องทางขนส่งน้ำมันราว 20%ของปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลก) 2.) 14 เม.ย. อิหร่านโจมตีด้วยการส่งโดรนติดระเบิดกว่า 100 ชุดบินเข้าอิสราเอการโจมตีดังกล่าวได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้าแล้ว 3.)เมื่อคืน 16 เม.ย. สหรัฐนำโดย Janet Yellen รมว.คลังสหรัฐ เผยว่ากำลังเตรียมมาตรการทางการค้าเพื่อจะ Sanction อิหร่านเพิ่ม ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินผลกระทบระยะสั้นต่อ 1.) ราคาโภคภัณฑ์ : โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับขึ้นต่อในช่วงต้นสัปดาหห์หน้าจากความกังวลสงครามจะตึงตัวและกระทบกับ Supply น้ำมันในตะวันออกกลาง (อิหร่านกำลังการผลิตรวมกันราว 11.8% ของ OPEC +) โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่าสุดอยู่ที่ 90.15 เหรียญณ มองแนวต้าน โซน 95 เหรียญฯ เบื้องต้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTT, PTTEP และมองเป็นหุ้นนำตลาด 2.)กลุ่มเรือ Container : หากสถานการบานปลายและกระทบไปถึงการปิดช่องแคบฮอร์มุส มองมีโอกาสที่ World Container index มีโอกาสดีดตัวระยะสั้น หลังจากก่อนหน้าปรับลงมา 8 สัปดาห์ติด เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL แนะนำเพียง Trading ระยะสั้น 3.) สินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำ มีโอกาสปรับขึ้นต่อระยะสั้น มองแนวต้านระยะสั้นคือ 2448 เหรียญ(High ล่าสุดที่ไม่ผ่าน) ส่วนหุ้นไทยมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ AURA

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 18 เม.ย. ยอดการขายบ้านมือสอง มี.ค. 4.09 ล้านหลัง vs prev. 4.38 ล้านหลัง ฝั่งยุโรป 17 เม.ย. เงินเฟ้อ CPI มี.ค. เดือนก่อน +2.4%y-y, +0.8%m-m ญี่ปุ่น 19 เม.ย. ติดตามรายงาน CPI มี.ค. คาด +2.8%y-y เท่าเดือนก่อน

• (*) US Bond & Dollar : US Bond yields ระยะสั้น ยังเป็นขาขึ้น อายุ 10 ปีปรับขึ้นติดต่อกัน 3 วันเมื่อวาน +4 bps และปิดที่ 4.67% และอายุ 2 ปี ปรับขึ้น 4 bps อยู่ที่ 4.97%(แนวต้านถัดไป5.0+-) ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าแรงต่อเนื่องขึ้นมาบริเวณ 106.3+/- จุด ประเมินเป็น เป็นปัจจัยลบต่อ Fund Flow ในเอเซียและไทยในวันนี

•(*) Oil : ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวออกข้างไม่ได้ตอบรับความตึงเครียดตะวันออกกลาง Brent -0.09%d-d ปิดที่ US$ 90.02/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.13%d-d ปิดที่ US$ 85.25/barrel

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: SET Index ปรับลง -0.84% ปิดที่ 1396.38 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.26 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 156 บริษัท จำนวนปรับลง 300 บริษัท) Sector ที่กดดัชนีหลักๆ คือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, HANA, KCE) มีจิตวิทยาลบ ตามกลุ่ม Semiconductor สหรัฐปรับลงหลังจาก US bond yield ที่เป็นขาขึ้นแรงรับเงินเฟ้อสหรัฐ สูงกกว่าคาด และเงินบาทช่วงวันศุกรฺแข็งค่า กลุ่มการเงิน(MTC, SAWAD ) ถูกกดดันจาก yield ที่ฟื้นตัว ฯลฯ กลุ่มที่หนุนดัชนีคือ กลุ่มโรงกลั่น TOP, SPRC แรงหนุนราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวสูง และค่าการกลั่นงวด 1Q24 อยู่ในระดับสูงหนุนแนวโน้มกำไรโดดเด่น

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างชาติสุทธิ ขายหุ้น -49.7 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -209.7 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Short -42,326 สัญญา เงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่า 36.68 +/-บาท

• (*/+) Hearing : ตลาดเปิดรับฟังความคิดเห็น (11-26 เม.ย.) เพื่อปรับปรุงเกณฑ์คัดเลือกหลักทรัพย์เข้าดัชนี SET50/100 ให้เหมาะสมตามภาวะตลาดปัจจุบัน 1.) จากเกณฑ์สภาพคล่องเดิม จะกำหนดระดับสภาพคล่องเริ่มต้น(50% มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของหุ้นทุกตัวใน SET, Turnover Ratio 2%) และค่อยๆ คลายเกณฑ์ลดระดับลงเพื่อให้มีหุ้นผ่านครบจำนวน 105หุ้น *จากเกณฑ์สภาพคล่องใหม่ จะเปลี่ยนเป็นกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ (Minimum Requirement) กล่าวคือ (25% มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของหุ้นทุกตัวใน SET, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1% ) เมื่อผ่านการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวจะเริ่มใช้ในการปรับดัชนีครั้งถัดไป 2H24 ผลกระทบ KCS ประเมินหากเกณฑ์ดังกล่าวบังคับใช้ หุ้นได้ประโยชน์ SET50: BJC (ปกติจะไม่ติดเนื่องจากอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์สภาพคล่องปัจจุบัน) SET100: MBK CKP QH (มีความเสี่ยงจะหลุดรอบนี้ แต่หากปรับตามเกณฑ์ใหม่จะไม่หลุด) หุ้นที่เสียประโยชน์ SET50: BANPU (เป็นตัวที่มี Market Cap เฉลี่ยลำดับที่ 50) กลยุทธ์ : แนะนำซื้อ BJC(TP36บาท)

• (*/+)Tourism : สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวงวด 1Q24 อยู่ที่ 81 จุด สูงสุดในรอบ 4 ปี และงวด 2Q24 จะเร่งขึ้นมาที่ 83.0 จุด แรงหนุนจากการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผสานนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8-14 เม.ย. คึกคักสอดคล้องการผลักดันเทศกาลมหาสงกรานต์ของรัฐฯอยู่ที่ 7.35 แสนคน +19%w-w นักท่องเที่ยวจีนเด่น 1.5 แสนคน (vs ค่าเฉลี่ยไม่รวมช่วงตรุษจีนปี 24 ที่ 1.27 แสน) รองมาคือ มาเลเซีย 1.48 แสนคน โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ เน้น AOT, MINT

(*/+) Thai Credit rating : Moody's ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ( Credit Rating) ที่เดิม Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับมีเสถียรภาพ(Stable Outlook) KCS ประเมินสะท้อนมุมมองความแข็งแกร่งประเทศไทยเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นไทย

• (*) Tomonitor : 1.) รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ทุกวันอังคาร) 2.) 17 เม.ย. เราคาดธนาคารที่เราศึกษาจะเริ่มรายงานกำไรสุทธิ งวด 1Q24F เราประเมินโดยรวมที่ 5.03 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +1% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของ NIM จาก yield on loan กำไรเพิ่มขึ้น +18%q-q เพราะการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน(OPEX) ตามปัจจัยฤดูกาล และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จาก 4Q23 โดยกลุ่มธนาคาร เน้น KTB, TTB

 

 

Daily Strategy : BJC, MINT, AOT

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" แรงกดดันทั้งความตึงเครียดตะวันออกกลางอิหร่าน-อิสราเอลกลับมาอีกครั้งแต่สถานการณ์ยังไม่รุนแรงบานปลาย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งทั้ง Retail sales เดือน มี.ค. หนุนโอกาสสหรัฐลดดอกเบี้ยปี 2024 เหลือ 1.6 ครั้ง แต่ฝั่งจีน รายงาน GDP 1Q24 โต 5.3%y-y สูงกว่าตลาดคาด บวกต่อไทยซึ่งมีการค้ากับจีนอันดับ 1 ราว 18.6% ประเมิน SET Index วันนี้มองย่อซื้อ ด้วยพื้นฐานภายในยังแกร่งหนุนจาก มองหุ้นนำ 1) กลุ่มอิงบริโภค เน้น CPALL, CPAXT, BJC 2) หุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงจีน SCGP, IVL, PTTGC 3.)กลุ่มบริการ อาทิ AOT

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, HANA, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : SET 50/100 Rebalance Update

KCS ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 (ประกาศกลางเดือน มิ.ย. 2024 มีผล 1 ก.ค.) โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 4 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 8 สัปดาห์)

➕หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 มี 3 บริษัท คือ BCP (โอกาสเข้า 80%), TIDLOR (โอกาสเข้า 80%) และ ITC (โอกาสเข้า 60%)

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 3 บริษัท คือ SAWAD (โอกาสหลุด 50%), KCE (โอกาสหลุด 80%) และ COM7 (โอกาสหลุด 80%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 9 บริษัท คือ BA, SKY, DITTO, COCOCO, STEC, KAMART, PTG, THCOM, PSL

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 9 บริษัท คือ AEONTS, AURA, BLA, BTG, FORTH, M, STGT, THG, TOA

 

▫️หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 กว่า 70% ของทั้งหมด จะปรับตัวขึ้นราว 6.97% ในช่วง 45 วันก่อนถูกนำเข้าคำนวณจริง สวนทางกับหุ้นที่ถูกคัดออกมักปรับตัวลงล่วงหน้าเฉลี่ยราว -2.8% ในช่วงเดียวกัน

▫️หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET100 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบในช่วง 45 วัน ก่อนวันมีผลคำนวณจริง ในขณะที่หุ้นที่ถูกคัดออกมักปรับตัวลง

 

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไร BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, STEC และ THCOM

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• SCC (Trading Buy, TP*340.0) เรามอง slightly positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F ของ SCC ที่ 2,489 ลบ. (-85% y-y, พลิกกำไร q-q) ดีกว่าที่เคยประเมิน จากธุรกิจ CBM ฟื้นตัวดีกว่าคาด โดยกำไรยังลด y-y เพราะ ธุรกิจ CBM ยังถูกฉุดจาก demand โครงการรัฐที่ลดลง และ ธุรกิจปิโตรเคมี ยังเผชิญ oversupply รวมถึงราคา feedstock ที่สูง ส่วนการฟื้น q-q ได้ธุรกิจ CBM ที่ตลาดอสังหาฯฟื้นตัว และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่สภาวะการแข่งขันลดลง หนุนทั้งปริมาณขายและอัตรากำไร เราคาด 2Q24F จะฟื้นตัวต่อ q-q ได้แรงหนุนจากฝั่งปิโตรเคมีมากขึ้น หลังโรงผลิต ROC กลับมาเปิดเต็มไตรมาส ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP24F = 340.0 บาท/หุ้น รอโครงการ LSP กลับมาเปิดดำเนินการจึงเป็นจังหว่ะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่เร่งขึ้นใน 2H24F จากทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี

 

 

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

ไปไม่ไกล By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ภาพรวมหุ้นไทย คงวิ่งไม่ไกล ไม่แรง ด้วยทั่วโลก จับตา ประธานเฟด แถลงผลประชุม 1พ.ค.67 ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้