SCC คำแนะนำ ซื้อ
ราคาปิด 259 บาท ราคาพื้นฐาน 289 บาท
คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ใน 2H67F

* ผลประกอบการ 1Q67F ดีขนึ้ QoQ จากธุรกิจซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ เราคาดการณ์กำไรสุทธิ1Q67F ไว้ที่ 1.84 พันล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 1.13 พันล้านบาทใน 4Q66 แต่หดตัวมากจากกำไรสุทธิ 16.52พันล้านบาทใน 1Q66 ปัจจัยที่ช่วยหนุนการฟื้นตัว QoQ คือ 1) ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษก้อนใหญ่ , 2) ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างดีขึ้นจากต้นทุนต่ำลง (ราคาถ่านหินลดลงกว่า 20%QoQ และการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์กรีนซีเมนต์ที่ใช้พลังงานในการผลิตต่ำ), 3) คาดมีกำไรสต๊อก 320 ล้านบาท และ 4) ปริมาณขายบรรจุภัณฑ์ดีขึ้นทั้งในไทยและอินโดนีเซีย ราคาขายเฉลี่ยขยับขึ้น และต้นทุนพลังงานลดลง (คาดกำไรสุทธิ SCGP งวด 1Q67F จะเติบโต+21%YoY, +22%QoQ)ส าหรับธุรกิจปิโตรเคมี ยังถูกกดดันจากต้นทุนแนฟทาที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน และอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ คาดการณ์สเปรด HDPE, PP และ PVC ใน 1Q67F เปลี่ยนแปลง -2%, +12% และ -17%QoQ ส่วนปริมาณขายโพลิเมอร์คาดลดลง -2%YoY, -22%QoQ เป็น 3.4 แสนตัน เพราะโรงงาน ROC ปิดซ่อมบำรุงคาดการณ์ EBITDA รวมใน 1Q67F ไว้ที่ 8.91 พันล้านบาท ลดลง -13%YoY แต่ฟื้นตัว +47%QoQ

* คาดอปุสงค์และอุปทานปิโตรเคมีจะเข้าสู่สมดุลขนึ้ ใน 2H67F หลังจากมาร์จิ้น้ PE ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน แม้ว่าจะมีก าลังการผลิต PE/PP ใหม่เข้ามาในปี 67 ราว 1.3/6.2 ล้านตัน/ปี และในปี 68 ราว 1.3/3.5 ล้านตันต่อปีแต่คาดว่าจะเห็นมาร์จิ้น PE ค่อยๆดีขึ้นใน 2H67F เนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายหยุดผลิตและออกจากธุรกิจ และบางรายผลิตน้อยลงหลังจากมาร์จิ้นต่ำกว่าระดับคุ้มทุนที่ 400 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่อุปสงค์ฟื้นตัวจากการลดดอกเบี้ยของ
สหรัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ นอกจากนั้น SCC คาดว่าจะมีกำลังผลิตเอธีลีนใหม่เข้ามาเพิ่มน้อยลงในช่วงปี 67-69

* ผู้บริหาร SCC คาดอุปสงค์ซีเมนต์เท่าปี67 จะเพิ่มขนึ้ 3-4% หนุนดโดยโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ และการเร่งใช้งบประมาณปี 67 ขณะที่ความต้องการใช้ซีเมนต์ในอินโดนีเซียยังเติบโตพอๆกับช่วงปลายปี 66

* ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67F-68F ลง -36%/-34% สะท้อนสมมติฐานสเปรด HDPE, PP และ PVC ที่ต่ำลงจากคาดการณ์เดิม และค่าใช้จ่ายของโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์(LSP) ในเวียดนามเพิ่มขึ้น ยังผลให้ราคาตามพื้นฐานลดลง -13% เป็น 289 บาท (อิง SOTP)

* คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานใหม่ 289 บาท เนื่องจากราคาหุ้นอ่อนตัวลงรับปัจจัยลบไปแล้วพอควร ณ ราคาปัจจุบันมี P/BV ปี 67F ที่ 0.9 เท่า (เทียบกับกลุ่มที่ 1.2 เท่า) ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มฟื้นตัวรวมถึงต้นทุนพลังงานลดลง นอกจากนั้นธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตดีขึ้น ส่วนธุรกิจ PE มาร์จิ้นมีโอกาสฟื้นตัวใน 2H67F

นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethb@th.dbs.com : Tel. 02 857 7833