TASCO : ผลประกอบการ 4Q เป็นไปตามคาด ; มีโมเมนตัมฟื้นตัวจาก 2Q เป็นต้นไป
Pent-up demand ในตลาดภายในประเทศน่าจะช่วยผลักดันกำไรในปี 2024F
ผลประกอบการใน 4Q ของ TASCO เป็นไปตามประมาณการของเรา แม้ว่าเราจะคาดว่าไม่มีการซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา แต่เราคาดว่ากำไรของบริษัทในปี 2024F จะเพิ่มขึ้น 22% โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายในประเทศที่มีอัตรากำไรสูงที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณทางการเงินปี FY2024 ที่ล่าช้าในที่สุด เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยอิงจากการคาดการณ์การเติบโตของกำไรในปีนี้และมี upside อยู่ 20% จากมูลค่าที่เหมาะสมของเรา

กำไรลดลง YoY และ QoQ ใน 4Q23 จากความล่าช้าของงบประมาณปี FY2024
TASCO รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 232 ล้านบาท ลดลง 78% YoY แต่เพิ่มขึ้น 15% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 221 ล้านบาท ลดลง 83% YoY และ 3% QoQ เนื่องจากยอดขายลดลง 33% YoY และ 3% QoQ จากยอดขายในประเทศที่มีอัตรากำไรสูงลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าของงบประมาณปี FY2024 อัตรากำไรขั้นต้นจึงหดตัว YoY จาก 20.1% เป็น 9.1% (แต่เพิ่มขึ้น QoQ จาก 7.8%) ปี 2023 กำไรปกติลดลง 6% เป็น 2.43 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 7% จากปริมาณการขายที่ลดลง (ยอดขายในประเทศลดลง) อย่างไรก็ตาม TASCO ยังประกาศเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ที่ 1.00 บาท สำหรับการดำเนินงาน 2H (XD เมื่อวันที่ 29 ก.พ.) ดังนั้นปี 2023 DPS คือ 1.25 บาท สูงกว่าประมาณการของเราที่ 1.10 บาท

คาดว่ากำไรจะยังคงอ่อนแอใน 1Q24F ก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใน 2Q-4Q24F
TASCO ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 1.25-1.3 ล้านตัน ขึ้นอยู่กับแผนการซื้อสินค้าน้ำมันดิบจำนวน 4 รายการในปีนี้ และปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันดิบในปัจจุบันที่เพียงพอต่อการผลิตจนถึงเดือนเมษายน ขณะนี้เราคาดว่าจะไม่มีการซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาเนื่องจากการสิ้นสุดการคว่ำบาตรชั่วคราวในเดือนเมษายนกำลังใกล้เข้ามา อย่างไรก็ตาม ยอดขายในประเทศที่มีอัตรากำไรสูงน่าจะเติบโตในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจาก pent-up demand จากงบประมาณการคลังปี 2024 ที่ล่าช้า (ซึ่งตั้งงบประมาณบำรุงรักษาถนนเพิ่มขึ้น 20%) ในขณะที่งบประมาณการคลังปี 2025 จะเริ่มในเดือนตุลาคม โปรดทราบว่าเนื่องจากอุปสงค์ในประเทศไม่น่าจะฟื้นโมเมนตัมจนกว่าถึง 2Q24F ทั้งนี้ กำไรของ TASCO น่าจะยังชะลอตัวใน 1Q24F ก่อนที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 2Q-4Q24F

คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ TASCO พร้อมปรับมูลค่าที่เหมาะสมเป็น 19.50 บาท
เราปรับประมาณการกำไรปี 2024-25F (+0.6% และ +0.4%) เพื่อสะท้อนถึงกำไรใน 4Q ดังนั้น มูลค่าที่เหมาะสมของเราซึ่งอิงตาม PER ที่ 11 เท่า ปี 2024F (จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของหุ้น) จึงปรับเล็กน้อยจาก 19.40 บาท เป็น 19.50 บาท ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยอิงจากการคาดการณ์การเติบโตของกำไรในปี 2024F ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญคือ ปริมาณการขายยางมะตอย ราคา และส่วนต่างราคาที่ต่ำกว่าที่คาดไว้