TIDLOR คำแนะนำซื้อ
ราคาปิด 22.30 บาท ราคาพื้นฐาน 27 บาท (เดิม 24 บาท)
Credit Cost สูงสุดแล้วใน 4Q23F
- คาดกำไรสุทธิ 4Q23F ไว้ที่ 922 ล้านบาท (+12.8%YoY, -8.5%QoQ) ส่วนทั้งปี 23F มีกำไรสุทธิรวม 3.8 พันล้านบาท (+4.7%YoY)ซึ่งการเติบโตมาจากการขยายสินเชื่อ, รายได้จากธุรกิจประกันเพิ่มขึ้น แม้ตั้งสำรองฯ สูงขึ้นก็ตาม
- สินเชื่อ 4Q23F ขยายตัวดี +19.3%YoY, +5.5%QoQ โดยการเติบโต QoQ น าโดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถกระบะและรถซีดาน ตามมาด้วยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ และบัตรติดล้อที่กดขอสินเชื่อส่วนบุคคล ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกและสินเชื่อเช่าซื้อชะลอตัวลง
- NIM ลดลงจากต้นทุน การเงนิสูงขึ้นโดยคาดการณ์ไว้ที่ 15.64% ใน 4Q23F ส าหรับทั้งปี 23F คาดว่า NIM ลดลงจากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น ใน 4Q23F โดยหลักมาจากการขายประกันและบริการ และ 4Q เป็น peakseason คาดรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 7%YoY และ 8.8%QoQ ใน 4Q23F ส่วนทั้งปี 23F ขยายตัว 20.1%YoY
- C/I ratio ลดลง เป็นผลจากรายได้เติบโต มี economy of scale ถึงแม้ว่า 4Q23F จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น, มีผลขาดทุนจากการขายรถยึดก็ตาม
- ปี 23F ตั้งสำรอง ECL สูง (credit cost 3.00-3.35%) แม้ว่า NPL ratio น่าจะ peak ไปแล้วใน 2Q23 ทั้งนี้บริษัทจะมีการตัดหนี้สูญที่อยู่ในโครงการผ่อนปรนฯช่วงโควิดจำนวน 400-500 ล้านบาทในช่วง 4Q23F-2Q24F เราประมาณการว่า NPL ratio จะทรงตัวที่ 1.50% ในสิ้น 4Q23Fและให้ credit cost3.3% ซึ่งน่าจะ peak แล้วในไตรมาสนี้
- ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 24F ลง -8% สะท้อนการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 24F จะอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท (+19.7%YoY)
- คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท อิงกับ P/BV ที่ 2.4 เท่า (Mean 5 ปี -0.5SD)
นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@th.dbs.com : Tel. 02 857 7837