TRUE Corp (TRUE TB)
แนวโน้มปี 67E ฟื้นตัว หนุนโดย Synergy
เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้น
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ TRUE เนื่องจากคาดว่า 1) ผลประกอบการจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/66E และปี 67E และ 2) EV/EBITDA ปี 67E ต่ำที่ 5.9 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ยของธุรกิจโทรคมนาคมในอาเซียนที่ 6.9 เท่า) ราคาเป้าหมายอิงวิธี DCF ของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 7.50 บาท (WACC 5.8%, Terminal Growth 2.0%) ปัจจุบัน เราคาดการณ์ผลขาดทุนสุทธิหลักจะลดลงเหลือ 2.6 พันล้านบาทในปี 67E จาก 7.6 พันล้านบาทในปี 66E โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ 1% และการประหยัดต้นทุนจากสร้าง synergy ในปี 67E ขณะที่ปัจจัยที่จะหนุนราคาหุ้นคือผลประกอบการรายไตรมาสที่ค่อยๆฟื้นตัว
ปรับลดประมาณการผลขาดทุนปี 66-67E ลง หลังลดประมาณการค่าใช้จ่าย SG&A
เราปรับลดประมาณการผลขาดทุนหลักในปี 66/67E เหลือ 7.6/2.6 พันล้านบาท จาก 8.1/3.1 พันล้านบาทเนื่องจากเราปรับลดประมาณการ SG&A ลง 5%/10% ตามลำดับ โดยประมาณการ SG&A ที่ลดลงเกิดจาก "การปรับปรุงองค์กรให้ทันสมัย" (Organisation Modernisation) ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว (เช่น การลดค่าใช้จ่ายทั่วไป ค่าเช่าร้านค้า และค่าเช่าสำนักงาน) ทั้งนี้ เราคาดว่าผลขาดทุนหลักจะลดลงเหลือ 1.7 พันล้านบาทในไตรมาส 4Q66E จาก 1.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 อันเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ 0.5% QoQ และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ลดลงเล็กน้อยเป็น 13.0% ในไตรมาส 4/66E จาก 13.2% ในไตรมาส 3/66
คาดผลขาดทุนหลักจะลดลงเหลือ 2.6 พันล้านบาทในปี 67E
ตอนนี้เราคาดการณ์ผลขาดทุนสุทธิหลักลดลงเหลือ 2.6 พันล้านบาทในปี 67E จาก 7.6 พันล้านบาทในปี 66E โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ 1% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เป็นเงินสดลดลง 2% ในปี 67E ซึ่งเป็นผลจากความต่อเนื่องของการปรับปรุงองค์กรให้ทันสมัยและการเลิกใช้เสาสัญญานโทรคมนาคม (ประหยัดค่าเช่าเสา) เราคาดว่าจำนวนเสาจะลดลง 3% ในปี 66E และ 13% ในปี 67E
หุ้นราคาถูกกว่าคู่แข่งในธุรกิจโทรคมนาคมในอาเซียน
TRUE ซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 67E ที่ 5.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ ADVANC ที่ 7.9 เท่า และค่าเฉลี่ยของกลุ่มโทรคมนาคมในอาเซียนที่ 6.9 เท่า เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ถูกเกิดจาก 1) ผลขาดทุนหลักรายไตรมาสจำนวนมากในงวด 9M66 และ 2) ข่าวคดีความ 2 คดีในช่วงปลายต.ค. 66 เราเชื่อว่ามีความเสี่ยงต่ำที่จะแพ้คดีเร็วๆนี้ เนื่องจากศาลปกครองกลางอาจใช้เวลา 2-3 ปีในการพิจารณาทั้งสองคดี ปัจจัยที่จะหนุนราคาหุ้น ได้แก่ EBITDA และผลขาดทุนรายไตรมาสที่ฟื้นตัวขึ้น
Wasu Mattanapotchanart
wasu.m@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1392