TMT คำแนะนำ ซื้อ (เดิมถือ)
ราคาปิด 6.95 บาท ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท
ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว...เข้าสู่โหมดฟื้นตัวใน 2H23F
• ราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มนิ่งหลังจีนระบายสต็อกออกไปมากใน 2Q23
• คาดไทยจะประกาศเรียกเก็บอากร AC เหล็ก HRC นำเข้าจากจีนอัตรา 30-40% ในสิ้น ส.ค.นี้ ซึ่งเร็วกว่าคาด
...ราคาเหล็กในประเทศเริ่มปรับขึ้น
• ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q23…คาด GPM 3Q23F ฟื้นเป็น 6% จาก 4.9% ใน 2Q23
• ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท คาด DY ปี 23F-24F ไว้ 4.9%/6.6% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)

Recap กำไรสุทธิ 2Q23 - มาร์จิ้นที่แคบลงกดดดันผลประกอบการ บริษัทมีกำไรสุทธิ 2Q23 เท่ากับ 35 ล้านบาทลดลง -79% YoY และ -83% QoQ แม้ว่าปริมาณขายแข็งแกร่งที่ 1.8 แสนตัน (+10% YoY) แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลง -21%YoY และ -3% QoQ เป็น 27.4 บาท/กก. ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลงมาเหลือเพียง 4.9% จาก 6.9% ใน 2Q22และ 8.6% ใน 1Q23

สถานการณ์การขายในช่วง 2Q23 - เนื่องจากลูกค้าดีลเลอร์สะสมสต็อกไปมากใน 1Q23 ทำให้ยอดซื้อ ใน 2Q23 แผ่วลงQoQ, Mega project ซื้อ น้อยลง เพราะมีความไม่แน่นอนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลในช่วง 2Q23, ลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตชิ้น ส่วนยานยนต์ซื้อ น้อยลง YoY และ QoQ, กลุ่มผู้ผลิตชิ้น ส่วนอุตสาหกรรมและอะไหล่ต่างๆ ซื้อ น้อยลง QoQ แต่ลูกค้ากลุ่มFabricator ซื้อ มากขึ้น เพื่อผลิตส่งออก

ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล (1H23) เท่ากับ 0.15 บาท ขึ้น XD ไปเมื่อ 24 ส.ค.23 ชำระเงิน 8 ก.ย.23ส่วนแบ่งการตลาดของ TMT เพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง - ในงวด 6M23 การบริโภคเหล็กของไทยลดลง -3.1% YoY เป็น 8.5 ล้านตัน ส่วนการใช้ HRC ทั้งหมดลดลง -5.8%YoY เป็น 2.3 ล้านตัน ส่วนการใช้ HRC ที่ไม่รวมการนำเข้า HRC คาร์บอนและอัลลอยด์ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.3 ล้านตัน ลดลง -20% YoY แต่ปริมาณขาย TMT ในหมวดนี้เพิ่ม +7.6% YoY เป็น 3.3 แสนตันยังผลให้ส่วนแบ่งการตลาดบริษัทเพิ่มเป็น 26.1% ในสิ้น 2Q23 (จาก 21.8% ในสิ้น ปี 22)

ราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มนิ่ง หลังจากลดลงใน 2Q23 เพราะการใช้เหล็กในประเทศจีนซบเซา จึงส่งออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น ขณะนี้สต็อกโรงงานใหญ่ๆ ในจีนอยู่ในระดับต่ำแล้ว เพียงแต่อุปสงค์ที่ซบเซาทำให้การสะสมสต็อกรอบใหม่จะยังไม่เกิดขึ้น เร็วราคาเหล็กในประเทศเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่ปลายส.ค.23 ผู้บริหารระบุว่าเหล็กนำเข้าจากจีนจะเข้ามาตีตลาดในประเทศน้อยลงไปมาก เพราะคาดว่าทางการไทยกำลังจะประกาศเรียกเก็บอากรตอบโต้สินค้าหลบเลี่ยง (Anti-Circumvention:AC.) เหล็กจากจีนในอัตรา 30-40% ภายในสิ้น ส.ค.23 นี้ ซึ่ง เร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ซับพลายเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ตึงตัว ยังผลให้ราคาเหล็กกำลังขยับขึ้น ตั้งแต่ปลายส.ค.23

จากประเด็นการเรียกเก็บอากร AC ทำให้ผู้นำเข้าบางรายมีการขอยกเลิกการนำเข้าระหว่างทาง (ยอมเสียค่าปรับกับโรงงานในจีน) และผู้ผลิต HRC ในประเทศเริ่มปรับขึ้น ราคาสินค้าขึ้น ส่วนปริมาณผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น ได้ไม่มากเพราะยังมีข้อจำกัดในการผลิต (กลุ่ม SSI มีวัตถุดิบไม่พอ ส่วนกลุ่ม GSTEEL & GJS ก็ไม่ได้เตรียมซื้อ เศษเหล็กไว้) อย่างไรก็ตามเนื่องจาก TMT เป็นลูกค้ารายหลักของทั้งสองกลุ่มผู้ผลิต HRC ก็จะได้โควต้าในการซื้อ ก่อน จึงไม่ถูกกระทบจากซับพลายHRC ในประเทศที่ตึงตัวธุรกิจ TMT ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q23 และมีแนวโน้มดีขึ้น ใน 2H23F เราคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q23F จะดีขึ้น มีนัยสำคัญ QoQ เป็นผลจาก 1) ส่วนแบ่งตลาดลูกค้ากลุ่มดีลเลอร์เพิ่มขึ้น และสต็อกดีลเลอร์ต่ำ จึงมีกลับมาซื้อ , Moderntrade เริ่มกลับมาซื้อ , ลูกค้า Fabricator ยังซื้อ ต่อเนื่องเพื่อการส่งออก, กลุ่มอุตสาหกรรม (โกดังสินค้า) กลุ่มต่อรถบรรทุกและเครื่องจักรกลการเกษตรมีการซื้อ เพิ่ม รวมถึงการซื้อ ท่อเหล็กไปได้ดีต่อเนื่อง ผู้บริหารคาด GPM งวด 3Q23F จะฟื้นตัวเป็น 6% เพราะต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ต่ำลง (จาก 4.9% ใน 2Q23) ส่วน 4Q23F ประเมินว่า GPM มีโอกาสขยับขึ้น สู่ระดับ 7%ได้เมื่อพิจารณาจากราคาเหล็กที่ปรับขึ้น และการได้รัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้ว

ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ (เดิมถือ) ให้ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท อิง P/BV ปีนี้ที่ 2.17 เท่า (Mean 5 ปี) ราคาหุ้นได้ถอยลงจากระดับสูงสุดของปีนี้ (ในเดือนม.ค.23) แล้วกว่า -18% ซึ่ง สะท้อนปัจจัยลบไปพอควรแล้ว ขณะที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ใน 2H23F เราคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้โต +73% จากฐานต่ำปีก่อน และขยายตัว +36% ในปี 24F (ซึ่งลดจากคาดการณ์เดิม -20%/-7% สะท้อนกำไร 2Q23 ที่ต่ำกว่าคาด) คาดการณ์ Dividend yield ปี 23F-24F ไว้ที่ 4.9%และ 6.6% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง )
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@th.dbs.com : Tel. 02 857 7829