บอร์ด CHAYO ไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นหุ้นและเงินสด
/มั่นใจรายได้รวมปี 65 นี้ โตไม่ต่ำกว่า 25%

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 มีนาคม 2565)—— บอร์ด "ชโย กรุ๊ป" ชงจ่ายปันผล เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 30 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสด เพื่อรองรับการจ่ายภาษีให้กับผู้ถือหุ้น รวมการจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสดคิดเป็นการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.0185186 บาทต่อหุ้น เตรียมชงที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 อนุมัติในวันที่ 27 เมษายนนี้ ด้าน "สุขสันต์ ยศะสินธุ์" แม่ทัพใหญ่ประกาศตั้งงบซื้อหนี้ 3,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้รวมในปี 2565 นี้ โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 แน่นอน

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า หรือขายของผ่าน Call Center เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 27 เมษายน 2565 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 27 เมษายน 2565 และอนุมัติการจ่ายปันผล โดยจ่ายเป็นหุ้นปันผลและเงินสด จากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 30 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล จำนวนไม่เกิน 41,719,057 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 20,859,528.50 บาท หรือคิดเทียบเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผล 0.0166667 บาทต่อหุ้น และให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0018519 บาท รวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายเป็นหุ้นและเป็นเงินสดทั้งสิ้นหรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณไม่เกิน 23,177,314.50 บาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 เมษายน 2565 กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 (อย่างไรก็ตาม สิทธิในการรับปันผลดังกล่าวข้างต้นยังมีความไม่แน่นอน จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565)
ทั้งนี้หากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W1 และ CHAYO-W2 ใช้สิทธิในการแปลงสภาพหรือซื้อหุ้นสามัญ ในวันที่ 31 มีนาคม 2565 นี้ก็จะมีสิทธิในการรับหุ้นปันผลในครั้งนี้ด้วย เช่นกัน

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นเป็นหุ้นและเงินสด ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทคิดเทียบมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผล 0.0166667 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0018519 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นการจ่ายปันผลทั้งสิ้นในอัตรา 0.0185186 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ หากรวมการจ่ายปันผลที่เสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในครั้งนี้ รวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลข้างต้นจะคิดเป็นการจ่ายปันผลเป็นหุ้นทั้งสิ้นในอัตรา 0.0370372 บาทต่อหุ้น

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ได้เข้าเจรจาซื้อพอร์ตหนี้จากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุนอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะซื้อหนี้มาบริหารได้ประมาณ 10,000 – 14,000 ล้านบาท (ทั้งนี้ไม่รวม JV ที่จะจัดตั้งกับสถาบันการเงินตามนโยบายของ ธปท.) โดยปี 2565 ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 25%

TPOLY ลั่นปีนี้ ตั้งเป้าคว้างานใหม่ 3,300 พันลบ.
พร้อมขยายธุรกิจใหม่ สร้าง New S-Curve ต่อยอดธุรกิจหลัก

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(16 มีนาคม 2565)--------TPOLY เปิดแผนธุรกิจปี 65 มีทิศทางที่ดี ตั้งเป้าคว้างานใหม่ 3,300 ล้านบาท ฟากบิ๊กบอส “ปฐมพล สาวทรัพย์” รุกประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง เน้นงานก่อสร้างสาธารณูปโภค-มาร์จิ้นสูง พร้อมขยายธุรกิจใหม่ สร้าง New S-Curve ต่อยอดธุรกิจหลัก ผลักดันผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรับงานก่อสร้างใหม่เพิ่มขึ้น 10% จากแผนปีก่อน หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นรายได้หลัก โดยเป็นการเข้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจะเน้นงานด้านสาธารณูปโภคของเอกชนมากขึ้น ซึ่งมีการแข่งขันไม่มากและมีอัตรากำไรที่สูง

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารของ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีการ COD โรงไฟฟ้า 11 แห่ง ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและขยะ กำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์ ไปเรียบร้อยแล้ว

“ในปี 65 มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยเน้นไปในงานก่อสร้างของเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะงานก่อสร้างด้านสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง และบริษัทฯ มีความสามารถเข้าไปแข่งขันได้ รวมทั้ง งานก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล โรงแรมและคอนโดมิเนียม เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมี Backlog กว่า 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ เป็นต้นไป”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ TPOLY กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ 1.บริษัท ทีพีซี เม็ก จำกัด (TPCM) ผลิตและติดตั้งระบบจอดรถอัตโนมัติ ซึ่ง TPOLY เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 95% 2.บริษัท ทีพีซี เฟรชแอร์ จำกัด (TPCFA) จำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมระบบกำจัดมลภาวะทางอากาศ บริษัทฯ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 80% 3.บริษัท ว.ไชยา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (W.CHAIYA) ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานระบบ บริษัทฯ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 80% และ 4.บริษัท วาย.เอส.เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด ผลิตและจำหน่ายน้ำดิบภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บริษัทฯ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 20%

“การเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ สามารถควบคุมต้นทุนในการก่อสร้างได้ รวมถึงเป็นการขยายธุรกิจ สร้าง New S-Curve และมั่นใจว่า ธุรกิจเหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ผลงานของบริษัทฯ ในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว” นายปฐมพล กล่าว

---จบ---