Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : NER เล็งปรับเป้ายอดขาย ใน Q2 นี้หลังดีมานด์พุ่ง

4,614

HotNews : NER เล็งปรับเป้ายอดขาย ใน Q2 นี้หลังดีมานด์พุ่ง

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 มีนาคม 2564) บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ตอกย้ำปี 2564 คาดมีรายได้โตไม่น้อยกว่า 30% หรือที่ประมาณ 22,000 ล้านบาทและอาจมีการปรับเป้าประมาณการยอดขายใหม่ใน Q2 ตามความต้องการใช้ยางพาราในธุรกิจอุตสาหกรรมมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และราคายางเฉลี่ยปี 64 จะสูงกว่าปี 63

 

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยถึงเป้าหมายการเติบโตในปี 2564 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 22,000 ล้านบาท จากปริมาณการขายยางพาราอยู่ที่ 410,000 ตัน โดยบริษัทมีกำลังการผลิตทั้งหมด 465,000 ตัน จากการที่ทั่วโลกสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียรถยนต์สู่อากาศนั้น ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประเมินภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากปี 2563 และอาจทำให้บริษัทต้องมีการปรับเป้าหมายของยอดขายใหม่ใน Q2 และคาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2565

 

 

ด้านราคายางพาราเฉลี่ยในปี 2564 จะสูงกว่าปี 2563 จากภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนที่กลับมาเติบโตได้ดี โดยจีนเป็นหนึ่งในประเทศผู้บริโภคยางพารารายใหญ่ของโลก ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ยางเพื่อการผลิตยางล้อในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงได้รับผลดีจากการดึงความต้องการใช้ยางธรรมชาติ ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยาง หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

 

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติม สำหรับสัดส่วนรายได้ปี 2564 ทางบริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 60 : 40 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น จีน 60% , ญี่ปุ่น 20% และอื่นๆอีก 20% เช่น สิงคโปร์ บังคลาเทศ เป็นต้น ทางบริษัทมีประมาณการณ์ในการเพิ่มกลุ่มลูกค้าอินเดีย เพื่อให้เกิดส่วนแบ่งทางการตลาดอุตสาหกรรมยางธรรมชาติออกจากประเทศจีน ทั้งนี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาลูกค้าจากประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงอย่างเดียว มองว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมของลูกค้าในประเทศที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนย้ายมาตั้งโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่ แต่ปริมาณของผู้ส่งออกยางธรรมชาติในประเทศไทยมีปริมาณลดลง

 

 

นอกจากนี้สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ARPC) คาดการณ์ปี 2021 ความต้องการใช้ยาง ธรรมชาติของโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-10% (เทียบกับปี 2020 ปรับตัวลดลง -15%) ขณะที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มองว่าสถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกในปี 2021 ต่อเนื่องถึงปี 2022 จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้โดยเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปี 2020 ที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การใช้ยางธรรมชาติกลับมาดำเนินธุรกิจกันใหม่และต่างเดินเครื่องกันเต็มกำลังการผลิต ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วางเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยปี 2021 ที่ 1.5ล้านคันเพิ่มขึ้น 5.12 % จาก1.42 ล้านคันในปีก่อนสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยาง รถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าความต้องการใช้ถุงมือยางจะเติบโต 25% ในปี 2021 และ 20% ในปี 2022 จากปัจจัยทั้งหมดจะส่งผลให้ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันจะเป็นราคาเฉลี่ยที่ 65-70 บาทต่อกิโลกรัมนับจากนี้

 

 

 

เคทีบีเอสที แนะซื้อ NER เคาะเป้า 7 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ARPC) คาดการณ์ปี 2021 ความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-10% (เทียบกับปี 2020 ปรับตัวลดลง -15%) ขณะที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มองว่าสถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกในปี 2021 ต่อเนื่องถึงปี 2022 จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปี 2020 ที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางธรรมชาติกลับมาดำเนินธุรกิจกันใหม่ และต่างเดินเครื่องกันเต็มกำลังการผลิต

 

ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วางเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยปี 2021 ที่ 1.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5.12% จาก 1.42 ล้านคันในปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยางรถยนต์ทีเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจ (จีดีพี) โลกปีนี้จะขยายตัวที่ 5.49% จากที่ติดลบ 3.50% ในปีที่แล้ว และคาดว่าความต้องการใช้ถุงมือยางจะเติบโต 25% ในปี 2021 และ 20% ในปี 2022



จากปัจจัยทั้งหมดข้างต้นผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยคาดจะส่งผลให้ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันจะไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัมนับจากนี้ (source: ฐานเศรษฐกิจ)

 

NER และ STA ได้รับผลบวกโดยตรงจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นของราคายางธรรมชาติและสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง จะส่งผลดีต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของทั้งสองบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันราคายางแท่ง STR อิงตลาด SICOM ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 177 USD Cents/kg (+18% YTD) เรามองว่า NER จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มราคายางมากกว่า STA เนื่องจาก NER มีธุรกิจหลักเพียงธุรกิจเดียวการขายยางธรรมชาติ ทำให้เราประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2021 ของ NER จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 11.0% จาก 10.8% ของปีก่อนหน้า กอปรกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,433 ล้านบาท (+67% YoY) ขณะที่ส่วนของ STA มีธุรกิจขายยางธรรมชาติและถุงมือยาง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคายางจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตถุงมือยาง รวมถึงในปี 2022 แนวโน้มราคาถุงมือยางอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตาม STA มี upside จากธุรกิจกัญชงมากกว่า NER โดย STA ได้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชงและเตรียมก่อสร้างโรงเรือนแล้ว ซึ่งคาดว่าปี 2021 จะปลูกได้ 100-200 ไร่ จำนวน 1 crop



โดยเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ NER ที่ราคาเป้าหมาย 7.00 บาท และ STA ที่ราคาเป้าหมาย 65.00 บาท

 

บทความล่าสุด

เก็งกำไรงบ บจ. By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองห้วงการเก็งกำไร ประเด็นงบไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะเป็นสตอรี่ที่นักลงทุน ให้น้ำหนักการเก็งกำไร หรือ แม้งบอาจ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้