Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PTG สร้างอาณาจักร ดันธุรกิจอาหาร, ปาล์มคอมเพล็กซ์, ธุรกิจ LPG เข้าตลาดหุ้น ในปี 64-65

4,144

HotNews : PTG สร้างอาณาจักร ดันธุรกิจอาหาร, ปาล์มคอมเพล็กซ์, ธุรกิจ LPG เข้าตลาดหุ้น ในปี 64-65

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 สิงหาคม 2562) PTG เดินหน้าสร้างอาณาจักร มีแผนดันธุรกิจอาหาร, ปาล์มคอมเพล็กซ์, ธุรกิจ LPG เข้าตลาดหุ้น ในปี 64-65 ด้าน กูรูเคทีบีฯ แนะซื้อ PTG เป้า 27.75 บาท คาดกำไรปีหน้าโต 18% YoY หลังเดินเครื่องปาล์มคอมเพล็กซ์ 100% ด้านกูรูทิสโก้คาดปีนี้ PTG ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,561 ล้านบาท โต 133% YoY

 


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนนำธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ และธุรกิจสถานีให้บริการก๊าซ LPG เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2564และจะนำธุรกิจอาหารและกาแฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 65 เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจด้วยตัวเอง

 

 

ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายปี 2563 มีส่วนแบ่งทางการตลาดสถานีบริการ LPG เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย หรือมีสัดส่วนอยู่ที่ 14-16% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 9% ส่วนสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,953 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงทุนขยายสาขาเพิ่มเติมเป็น 2,000 แห่งภายในสิ้นปี 2562 นี้ โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มเงินลงทุนเป็น 4,000-4,500 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3,500 ล้านบาท จากการชะลอการลงทุนในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา

 

 

 

ขณะที่โครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ในไตรมาส 3/2562 โครงการปาล์มคอมเพล็กซ์มีการเดินเครื่องแล้ว 80% และคาดว่าในไตรมาส 4/2562 จะสามารถเดินเครื่องได้เต็ม 100% ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 40%

 

 

อนึ่ง PTG ตั้งเป้าผลักดันและสร้างแบรนด์ธุรกิจ Non-Oil ให้เป็นธุรกิจหลักที่จะขับเคลื่อนบริษัทในอนาคต โดยในครึ่งปี แรกที่ผ่านมา พีทีจีได้ออกนโยบายและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ เพื่อมาสนับสนุนการขับเคลื่อนดังกล่าว ซึ่งได้แก่การเปิดตัวแฟรนไชส์กาแฟทั้ง 2 แบรนด์ และการสนับสนุนการแข่งขัน PT Maxnitron Racing Series 2019 เพื่อให้แบรนด์น้ำมันเครื่องของพีทีจีเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในส่วนของครึ่งปี หลัง พีทีจียังคงวางแผนงานเพื่อขับเคลื่อนและสร้างแบรนด์ธุรกิจ NonOil ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้ จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งภายในปี 2562 พีทีจีคาดว่าสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil จะสามารถเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15.0% ของกำไรขั้นต้นทั้งหมด

 



ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า เริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ" บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG ที่ราคาเป้าหมายปี 2020E ที่ 27.75 บาท อิง PER ที่ 25 เท่า (+0.5SD above 5-yr average PER) หรือคิดเป็น PEG ที่ 0.4 เท่า (CAGR ที่ 62% ในปี 2019E-2020E) เราประเมินกำไรปี 2020E โดดเด่นที่ 1,853 ล้านบาท +18% YoY โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินงานได้ 100-110% ตลอดทั้งปี 2020E และยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการ B10 จะทำให้เกิดสภาวะ B100 ตึงตัวและทำให้ราคา B100 ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ด้วย El Ni?o effect (สภาวะแห้งแล้ง) จะช่วยเพิ่ม upside ต่อราคาปาล์มปี 2020E

 

 

สำหรับธุรกิจสถานีน้ำมันยังคงขยายอย่างต่อเนื่องตั้งเป้า 2019E จะมีทั้งสิ้น 2,000 แห่ง และจะเติบโตปีละ 100 แห่ง เราประเมินกำไรสุทธิปี 2019E/20E ที่ 1,572 ล้านบาท และ 1,853 ล้านบาท หรือ +151% YoY และ 18% YoY ตามลำดับ โดยในปี 2019E มีกำไรเติบโตที่โดดเด่นรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา, ค่าการตลาดคาดว่าจะยังอยู่ประมาณ 1.8-1.9 บาทต่อลิตรในปี 2019E, และปี 2020E รับรู้กำไรจากปาล์มคอมเพล็กซ์ ราคาหุ้น 6 เดือนปรับตัวขึ้นกว่า 125% สะท้อนผลประกอบการ 1H18 ที่ฟื้นตัว แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ซึ่งยังมี upside ต่อ B100 ที่ตลาดยังไม่รับรู้

 



2020E เดินเครื่องปาล์มคอมเพล็กซ์ 100% หนุนกำไรโต 18%


สำหรับโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ มีกำลังการผลิตไบโอดีเซล (B100) 500,000 ลิตรต่อวัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค (โอเลอีน) 200,000 ลิตรต่อวัน ปัจจุบันบริษัทได้เดินเครื่องแล้วกว่า 70% และคาดว่าจะเดินเครื่องเต็ม 100% ในช่วง 4Q19E และรับรู้กำไร 2020E ได้เต็มปีซึ่งบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 40% หรือประมาณ 200-240 ล้านบาทต่อปี เราประเมินกำไรปี 2020E ที่ 1,853 ล้านบาท +18% YoY โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์และการขยายสถานีน้ำมัน

 

 

รัฐหนุน B10 แทน B7 เป็น upside ต่อราคา B100


ปัจจุบันปริมาณการบริโภค B100 อยู่ราว 4.5 ล้านลิตรต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 59% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งการที่รัฐจะผลักดันการใช้ B10 แทน B7 ในปี 2020E นั้นจะทำให้มีความต้องการ B100 เพิ่มอีกราว 2.2 ล้านลิตรต่อวันหรือเพิ่มขึ้นอีก 28% ซึ่งจะทำให้ utilization เพิ่มไปถึงระดับ 88-90% ส่งผลให้อาจจะทำให้เกิดสภาวะ CPO ตึงตัวได้ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงแค่ 2 รายที่สามารถผลิตได้ตามคุณภาพของ B10 คือ GGC และPTG เท่านั้น ที่เหลืออีกกว่า 10 แห่งจะต้องปรับสเปกให้ได้ตามมาตรฐาน ดังนั้นแล้วเราเชื่อว่าจะทำให้ราคาขาย B100 ในปี 2020E ปรับเพิ่มขึ้นได้ และการที่รัฐจะช่วยอุดหนุนราคาปาล์มก็จะช่วยผลักดันราคา CPO ได้อีกทางหนึ่ง และเป็น upside ต่อประมาณการของเรา

 

 

 

ประเมินกำไรสุทธิ 2019E/20E โต 151% YoY และ 18% YoY


ประเมินกำไรสุทธิปี 2019E/20E ที่ 1,572 ล้านบาท และ 1,853 ล้านบาท หรือ +151% YoY และ 18% YoY ตามลำดับ โดยในปี 2019E มีกำไรเติบโตที่โดดเด่นจาก 2018 เนื่องด้วยในช่วงปี 2016-2017 บริษัทมีการเร่งขยายสาขาจำนวนมากเฉลี่ย 250 สาขาต่อปี ทำให้ค่าเสื่อมราคา 2018 เพิ่มมาค่อนข้างมาก (37% YoY)

 

 

ในขณะปริมาณขายต่อสาขาต่อเดือนเพิ่มตามค่าเสื่อมไม่ทัน แต่ในปี 2019E นี้เองบริษัทเริ่มรับรู้ผลของการลงทุนดังกล่าว โดย 1H19 ปริมาณขายต่อเดือนปรับเพิ่มมาเป็น 190,000-200,000 ลิตรต่อสาขา จากปี 2018 ที่ 185,000 ลิตรต่อสาขา เรายังประเมินค่าการตลาดยังคาดว่าจะยังอยู่ประมาณ 1.8-1.9 บาทต่อลิตรในปี 2019E/20E จากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยประมาณ 25 บาทต่อลิตรซึ่งต่ำว่าระดับเพดานราคาที่รัฐพยายามควบคุมที่ 30 บาทต่อลิตร

 

Valuation/Catalyst/Risk


ราคาเป้าหมายปี 2020E ที่ 27.75 บาท อิง PER ที่ 25 เท่า (+0.5SD above 5-yr average PER) หรือคิดเป็น PEG ที่ 0.4 เท่า (CAGR ที่ 62% ในปี 2019E-2020E) PTG มี key catalyst ที่สำคัญจากธุรกิจไบโอดีเซลทั้งจาก upside ของราคาขายจากมาตรการผลักดันของภาครัฐ และกำลังการผลิตที่ 100% ในปี 2020E



รัฐหนุนน้ำมันดีเซล B10 แทนน้ำมันดีเซล B7


ปี 2020E ภาครัฐจะมีมาตรการใช้น้ำมัน B10 แทน B7 จะทำให้มีความต้องการ B100 เพิ่มอีกราว 2.2 ล้านลิตรต่อวันหรือเพิ่มขึ้นอีก 28% ทำให้ Utilization ของการผลิต B100 เพิ่มจาก 59% เป็น 88-90% ในปี 2020E ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะ CPO ตึงตัวได้ และส่งผลให้ราคา CPO ในประเทศปรับเพิ่มสูงขึ้นและเป็น upside ต่อธุรกิจ B100 ของบริษัท



El Nino effect ดันราคาปาล์มปี 2020E


ปรากฏการณ์ El Nino ซึ่งเกิดจากกระแสน้ำทะเลร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ทำให้ภูมิอากาศร้อนขึ้น กำลังจะกลับมาเป็นวงรอบ 3 ปีซึ่งเร็วที่สุดในรอบกว่า 50 ปีซึ่งจะส่งผลให้แถบเอเชียเกิดภัยแล้ทำให้ผลผลิตปาล์มออกมาน้อย โดยเราได้ไปทำการศึกษาปรากฏการณ์ El Nino ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา เคยปรากฏการณ์ El Nino ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกันคือ 2006-2007,2009-2010 และ 2015-2016 พบว่าผลผลิตปาล์มของมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตปาล์มอันดับ 2 ของโลกลดลงลดลงถึง 15-25% YoY ใน 8-12 เดือนถัดมา

 

 

 


ธุรกิจสถานีน้ำมันยังขยายต่อเนื่อง


รกิจสถานีน้ำมันยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง โดย PTG ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2019 จำนวนสถานีน้ำมันจะอยู่ที่ 2,000 แห่ง ล่าสุด ณ สิ้น มิ.ย. 2019 มีจำนวนสถานีแล้วทั้งสิ้น 1,953 แห่ง สำหรับการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสถานีน้ำมันเฉลี่ยปีละ 100 แห่ง หรือคิดเป็นอัตราเติบโตประมาณ 5%

 

 

ซึ่งอัตราการเพิ่มดังกล่าวน้อยกว่าช่วง 2017-2019 ที่ผ่านมาที่มีการเพิ่มจำนวนสถานีน้ำมันกว่า 200-250 แห่งต่อปี เนื่องด้วยปัจจุบันบริษัทเน้นการขยายสาขาใน กรุงเทพ และปริมณฑลมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งมีการแข่งขันค่อยข้างสูง ดังนั้นการขยายสาขาจึงมีความระมัดระวังมากขึ้น สำหรับปริมาณการขายเฉลี่ยต่อสถานีต่อเดือนมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

โดยยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนต่อสถานีอยู่ที่ 180,000-190,000 ลิตร และคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับดังกล่าวได้ เพราะบริษัทเน้นที่จะขยายในยังกรุงเทพ และปริมณฑลมากขึ้นซึ่งมีอัตราการบริโภคสูงกว่าต่างจังหวัด และค่าการตลาดยังคาดว่าจะยังอยู่ประมาณ 1.8-1.9 บาทต่อลิตรในปี 2019E/20E จากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยประมาณ 25 บาทต่อลิตรซึ่งต่ำว่าระดับเพดานราคาที่รัฐพยายามควบคุมที่ 30 บาทต่อลิตร

 

ขณะที่สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ยังคงแนะนำ "ซื้อ" PTG ด้วยราคาเป้าหมาย 24 บาท สำหรับ PTG ด้วย

 

1) เราคาดปีนี้ PTG จะทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,561 ล้านบาท เติบโต 133% YoY โดยปัจจัยผลักดันหลักยังมาจากปริมาณขายที่เติบโตและค่าการตลาดน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง

2) คาดไตรมาส 3 จะอ่อนตัวเพียงเล็กน้อย QoQ แต่ยังคงเติบโตได้สูง YoY และจะกลับมาเติบโตอีกครั้งใน 4Q จากเข้าสู่ช่วง high season

3) เริ่มเก็บเกี่ยวรายได้จากธุรกิจ Non-Oil จากแนวโน้มธุรกิจร้านกาแฟทั้งร้านกาแฟพันธุ์ไทยและ CoffeeWorld ที่คาดจะถึงจุดคุ้มทุนในปีหน้า และคาดจะเริ่มเห็นธุรกิจอื่นๆ เริ่มทยอยคุ้มทุนในปีต่อไป



ตั้งเป้าเป็นเบอร์ 2 ของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และเบอร์ 1 ในธุรกิจ LPG


ปริมาณขายน้ำมันของ PTG เติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม โดยใน 1H19 เติบโต 19.9% YoY มาที่ 2,311 ล้านลิตร เทียบกับอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 1.1% เท่านั้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดขยายตัวต่อเนื่องจาก 11.6% มาอยู่ที่ 13.5% อันดับ 3 ซึ่งใกล้เคียงอันดับ 2 ที่ 13.6% และด้วยคาดปริมาณขายน้ำมันที่เติบโต 19% YoY มาที่ 4,647 ล้านบาท จะทำให้ PTG มีส่วนแบ่งตลาดขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ ธุรกิจ LPG ยังเติบโต +47.6% YoY สวนทางกับอุตสาหกรรมที่ติดลบ -5.6% YoY ซึ่งด้วยการเติบโตสูงบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ใน LPG Auto

 



เข้าสู่ช่วง Low season ในไตรมาส 3 แต่จะแตกต่างจากปีที่แล้ว


โดยปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการของ PTG อ่อนตัวมากสุดของปี ด้วยปริมาณขายที่อ่อนตัวลงราว 5-10% QoQ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้การเดินทางและการขนส่งชะลอตัว แต่สำหรับปีนี้เราคาดจะเห็นภาพที่เปลี่ยนไปจากปีที่แล้ว โดยคาดปริมาณขายลดลงไม่มากคาดอยู่ที่ 1,113 ล้านลิตร (จาก 1,198 ล้านลิตรใน 2Q19) ลดลงราว -7% QoQ แต่เติบโตได้สูง19% YoY และด้วยค่าการตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับที่ดี 1.8-1.9 บาทต่อลิตรอยู่ในระดับสูงกว่าปีที่แล้วที่เพียง 1.62 บาทต่อลิตร ดังนั้นเราคาดจะเห็นกำไรเติบโตได้โดดเด่น YoY และอ่อนตัวเล็กน้อย QOQ และจะกลับมาเติบโตได้สูงอีกครั้งใน 4Q19F จากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเดินทางและขนส่ง

 


ยังคงแนะนำ "ซื้อ"


คาดผลประกอบการ PTG ปี 2019F จะเติบโตสูงถึง 133% YoY มาที่ 1,561 ล้านบาท และ 1,894 ล้านบาท (+21.4% YoY) โดยคาดจะเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้และกำไรเพิ่มเติมจากธุรกิจ Non-oil ที่จะเริ่มเห็นกำไรจากธุรกิจกาแฟตามการขยายสาขาในช่วงที่ผ่านมา และการเดินเครื่อง 100% ของ Palm Complex ที่จะเข้ามาช่วยส่วนแบ่งกำไรและช่วยลดต้นทุนน้ำมันของบริษัท

 

ดังนั้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 24 บาท (DCF) สำหรับ PTG ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PER 22.6x ปี 2019F และ PER 18.6x ปี 2020F ซึ่งอยู่ในระดับ -0.5 SD ปัจจัยเสี่ยงสำหรับ PTG ได้แก่ 1) ค่าการตลาดที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้ 2) ปริมาณขายน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และความล่าช้าของธุรกิจ non-oil

 

 

PTG

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

Microsoft ลงทุนไทย By: แม่มดน้อย

ภาพรวมหุ้นไทยในภาคเช้าที่ผ่านมา แกว่งตัวซิกแซกขึ้น สงสัยตอบรับข่าวดี Microsoft ลงทุนไทย....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้