Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PTG ติดปีกกำไร Q2/62 พุ่ง 142% YoY

2,253

HotNews: PTG ติดปีกกำไร Q2/62 พุ่ง 142% YoY

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 สิงหาคม 2562) PTG โชว์กำไรโค้ง 2/62 พุ่งแตะ 427.93 ล้านบาท โต 142% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 176.98 ล้านบาท พร้อมประกาศเพิ่มเงินลงทุนปีนี้เป็น4-4.5พันล้านบาท จากเดิม 3.5 พันล้านบาท ขยายสถานีบริการน้ำมันเป็นหลัก - คงขยายจํานวนสถานีบริการให้เป็น2สาขา ด้าน กูรูทิสโก้ แนะซื้อ PTG เคาะป้า 24 บาท/หุ้น

 

 

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)PTG รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/62 มีกำไรสุทธิ 427.93 ล้านบาท กำไรสุทธิจต่อหุ้น 0.26 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 176.98 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 947.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.57 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 446.26 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.27 บาท

 

 

ทั้งนี้รอบครึ่งปีแรกของปี 2562 พีทีจี มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 60,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแบ่งเป็นมา จากรายได้จากการขายและบริการในส่วนของธุรกิจน้ํามันเพิ่มขึ้น 16.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ในส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่นๆ มีการ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 36.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

 

 

การเพิ่มขึ้นของรายได้เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ 1. ปริมาณการจําหน่ายน้ำมันทั้งหมดในครึ่งปีแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,311 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 19.9% จากช่วง เดียวกันปีก่อน ซึ่งปริมาณการจําหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นตามการขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 8.3% จากช่วง เดียวกันปีก่อน และปริมาณการจําหน่ายน้ำมันต่อสถานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2562

 

 

 

 

ทั้งนี้ พีทีจี มีจํานวน สถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ทั้งสิ้น 1,953 สถานี 2. ราคาขายปลีกน้ำมันต่อลิตรของครึ่งปีแรกของปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 25.3 บาทต่อลิตร หรือลดลงเฉลี่ย 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 96.9% ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด

 

 

ในส่วนของต้นทุนขายและบริการเท่ากับ 55,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจาก ปริมาณการจําหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม ราคาต้นทุนน้ำมันดิบต่อบาร์เรลในครึ่งปีแรกของปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 57.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งลดลงจาก 65.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดียวกันปีก่อน หรือลดลงเฉลี่ย 11.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

 

 

ทั้งนี้ ต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ทําให้ไม่มีแรงกดดันค่าการตลาด ส่งผลให้กําไรขั้นต้น เท่ากับ 5,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

 

 

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 3,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมา จากการขยายสาขาในส่วนธุรกิจน้ำมัน และ Non-Oil เป็น 2,459 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 274 สาขา จึงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารในส่วนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเช่าและสิทธิการเช่า รวมถึงค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของ สาขาตามที่ได้กล่าวไว้

 

 

 

 

ทั้งนี้ บริษัทมี EBITDA สําหรับครึ่งปีแรก เท่ากับ 2,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสอดคล้อง เป้าหมายที่วางไว้คือ 40-50% และกําไรสุทธิ เท่ากับ 945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

 

 

งบกําไรขาดทุนของไตรมาส 2 ปี 2562 PTGระบุว่า รายได้จากการขายและการให้บริการ เท่ากับ 31,844 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 17.6% จากปีก่อน และเติบโต 11.1% จากไตรมาสก่อน โดยมาจาก 1. ปริมาณการขายในธุรกิจน้ำมันที่เติบโตขึ้น อยู่ที่ 1,202 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 22.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าการคาดการณ์ของปี 2562 ที่คาดว่าจะเติบโต 16-20% 2. การผลักดัน ธุรกิจ Non-Oil เพื่อให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุม โดยปัจจุบันมีสาขาของธุรกิจ Non-Oil ทั้งหมด 570 สาขา โดยรายได้ จากธุรกิจ Non-Oil เติบโต 29.0% จากปีก่อน

 

 

การปรับราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการโดยเฉลี่ยต่อไตรมาส ปรับลดลง 4.3% จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาสก่อน ต้นทุนการขายและการให้บริการ เท่ากับ 29,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.0% จากปีก่อน โดยหลักมาจากปริมาณ การขายที่เพิ่มขึ้น ดังกล่าวข้างต้น และเพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน โดยในไตรมาสนี้ ต้นทุนน้ำมันเริ่มปรับตัว กลับขึ้นมาเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน

 

 

 

 

 

โดยราคาน้ำมันดิบ WTI มีการปรับตัวขึ้นจาก 55 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1 ปี 2562 เป็น 60 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 ปี 2562 ทําให้ต้นทุนต่อลิตรเพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาสก่อน ประกอบกับในช่วงต้นไตรมาสมีการปรับราคาช้ากว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นผลให้ค่าการตลาดลดลง 9.3% จากไตรมาส 1 ปี 2562 ส่งผลให้กําไรขั้นต้น เท่ากับ 2,529 ล้านบาท เติบโตขึ้น 39.1% จากปีก่อน และลดลง 0.3% จากไตรมาส ก่อน โดยแบ่งเป็นกําไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ํามัน 89.1% และธุรกิจ Non-Oil 10.9%

 

 

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เท่ากับ 1,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7% จากปีก่อน แต่เติบโตเพียง 4.8% จากไตรมาส ก่อน ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังคงมีการเติบโตอยู่เพื่อรองรับการขยายธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ Non-Oil แต่ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ลดลงตามนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายหลัก ยังคงมาจาก ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเช่าและสิทธิการเช่า และค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน เท่ากับ 775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.9% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9.2% จากไตรมาสก่อน ปัจจัยหลักของการเติบโตค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานยังคงมาจาก

 

 

 

 

 

1. การขยายสาขาทั้งธุรกิจ น้ํามัน และธุรกิจ Non-On ปัจจุบัน พีทีจีมีจํานวนสาขาของธุรกิจน้ํามัน และธุรกิจ Non-Oilที่พีทีจีบริหารงาน เอง จํานวน 2,216 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการมุ่งเน้นการบริการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดี ที่สุดให้กับลูกค้า

 

2. ภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงานหลังการเกษียณอายุ ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ฉบับที่ 19 โดยปรับอัตราชดเชยจาก 300 วัน เป็น 400 วัน ทั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายที่ถูกบันทึกจากการปรับการคํานวณ (one time) เพิ่มขึ้นจํานวน 21 ล้านบาท และส่วนที่ตั้งสํารองตามปกติที่ถูกปรับเป็น 400 วันแล้ว จํานวน 13 ล้านบาท

 

ค่าเช่าและสิทธิการเช่า เท่ากับ 367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.0% จากปีก่อน และลดลง 0.3% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ พีทีจีให้ความสําคัญกับการบริหารค่าเช่าและสิทธิการเช่าตามเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยในไตรมาสนี้ พีทีจีมี สัดส่วน Coco (Company Owned Company operated) เท่ากับ 87% จากสาขาทั้งหมด

 

 

 

 

ค่าเสื่อมราคา เท่ากับ 391 ล้านบาท เพิ่ม 35.9% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10.2% จากไตรมาสก่อน จากการ ขยายสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมุ่งเน้นขยายสาขาที่มีประสิทธิภาพ สามารถเสริมสร้างรายได้ทั้งน้ำมันและ Non-Oil เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดเป็นสถานีบริการในรูปแบบครบวงจร โดยในไตรมาสนี้มีการเปิดสถานีบริการใหม่ที่พีทีจีบริหารงานเองทั้งหมด 35 สถานี EBITDA

 

 

และกําไรสุทธิ พี่ที่จีมี EBITDA เท่ากับ 1,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเกิด จากการผลักดันธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง และมาตรการการลดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ที่พีทีจีวางไว้คือ EBITDA เติบโต 40-50% แต่เติบโตลดลง 5.3%

 

จากไตรมาสก่อน จากค่าการตลาดที่อ่อนตัวลงช่วงต้น ไตรมาส ส่งผลให้กําไรสุทธิ เท่ากับ 426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 17.9% จาก ไตรมาสก่อน โดยพีทีจีมีกําไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.26 บาท เพิ่มขึ้นจาก 0.11 บาท ของไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจาก 0.31 บาท ของไตรมาสก่อน

 


PTG ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พีทีจี เห็นแนวโน้มที่ดีของการเติบโตของปริมาณการจําหน่ายน้ำมัน โดยไตรมาส 2 ปี 2562 มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 22.0% ในส่วนค่าการตลาดอยู่ในระดับที่ดี และมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับที่เหมาะสมไปตลอดทั้งปีบวกกับการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ทําให้พีทีจีเล็งเห็นโอกาสการขยายการลงทุนให้สอดคล้องไปกับช่วงที่ตลาด มีการเติบโต ซึ่งพีทีจี มีเป้าหมายที่จะเพิ่มเงินลงทุนจากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 3,500 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นธุรกิจน้ำมัน 2,500 ล้าน บาท ธุรกิจ Non-Oil 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท) เป็น 4,000-4,500 ล้านบาท

 

 

 

 

ทั้งนี้ เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้น จะเป็นการใช้เพื่อการขยายสถานีบริการน้ำมันเป็นหลัก โดยเพิ่มขึ้นจากการที่พีทีจี เข้ามาขยายสาขา บนถนนเส้นหลักมากขึ้น ซึ่งรูปแบบที่ขยายเป็นแบบ Minor Change และเป็นสาขาแบบครบวงจร เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นบนเส้นทางหลักที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ โดยจากการขยายที่ทําให้จํานวนสถานีบริการในกรุงเทพฯและ ปริมาณเติบโตขึ้น 6.8% จากปี 2561 ซึ่งแหล่งเงินลงทุนหลักจะมาจาก EBITDA ที่พีทีจีตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 40-50% หรือ อยู่ที่ประมาณ 4,000-5,250 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ พีทีจี ยังคงเป้าหมายการขยายจํานวนสถานีบริการให้เป็น 2,000 สาขา การเติบโตปริมาณของการจําหน่าย น้ำมันเท่ากับ 16-20% การเติบโตของปริมาณการจําหน่ายแก๊สแอลพีจีที่ 55-60% และการเติบโตของ EBITDA เท่ากับ 40-50% นอกจากนี้ พีทีจี ยังให้ความสําคัญกับการสร้างแบรนด์ธุรกิจ Non-Oil ซึ่งจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสําคัญของพีทีจีใน อนาคต และการพัฒนาการให้บริการผ่านบัตร PT Max Card ให้ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มและ ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

 

กูรูทิสโก้ แนะซื้อ PTG เคาะป้า 24 บาท/หุ้น


สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า PTG ประกาศกำไรสุทธิ 2Q19 อยู่ที่ 428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142% YoY แต่ลดลง 18% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ (422 ล้านบาท) แต่ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 17% และหากไม่รวมการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมาย 34.7 ล้านบาท กำไรปกติอยู่ที่ 463 ล้านบาท (+161% YoY, -11% QoQ) โดยการเติบโตของผลประกอบการหลักๆ มาจากรายได้ การควบคุมค่าใช้จ่ายอัตรากำไรที่เติบโตขึ้น

 

- รายได้เติบโตทั้ง Oil และ Non-Oil : รายได้ใน 2Q19 อยู่ที่ 31,844 ล้านบาท เติบโต 18% YoY และ 11% QoQ โดยธุรกิจน้ำมันเติบโต 18% YoY จากการขยายสถานีบริการน้ำมัน 11% มาอยู่ที่ 1,804 สาขา และปริมาณขายน้ำมันต่อสาขาที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,202 ล้านลิตร (+22% YoY และ +8% QoQ) และธุรกิจ Non-oil เติบโต 29% YoY ตามการขยายสาขา Non-Oil โดยมีสาขารวม 719 สาขา และยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และร้านสะดวกซื้อ

 

- ค่าการตลาดน้ำมันต่ำกว่าคาดเล็กน้อย : มาอยู่ที่ 1.87 บาทต่อลิตร (คาดไว้ที่ 1.90 บาทต่อลิตร) จาก 2.07 บาทต่อลิตรใน 1Q19 แต่ยังคงสูงกว่า 1.66 บาทต่อลิตรเท่านั้นใน 2Q18 เนื่องจากวันหยุดยาวในช่วงเดือนเมษายนที่ไม่มีการปรับราคาน้ำมัน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำมันลดลงมาอยู่ที่ 7.3% จาก 8.3% ใน 1Q19 สำหรับธุรกิจ Non-oil อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 29% จาก 25% QoQ และ 22% YoY และมีสัดส่วนราว 10.9% เมื่อเทียบกับ 9.6% ใน 1Q19 จากในแต่ละธุรกิจที่เริ่มดีขึ้น


- การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายเริ่มเห็นผลมากยิ่งขึ้น : โดยค่าใช้จ่ายการขายและบริหารไม่รวมการตั้งสำรองพนักงานฯ ใน 2Q19 อยู่ที่ 1,931 ล้านบาท ด้วย SG&A/Sale อยู่ที่ 6.1% เติบโตเพียง 3% QoQ เท่านั้น แต่ยังเติบโต 18.6% ตามการขยายสาขาและธุรกิจ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับในอดีตของบริษัท ทำให้รักษาระดับอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.5% ไว้ได้ นอกจากนี้ EBITDA เติบโตสูงกว่าเป้าที่ 53.6% มาที่ 1,359 ล้านบาท


- ผลประกอบการ 1H19 คิดเป็น 61% ของประมาณการทั้งปีของเรา สำหรับ 3Q19F เราคาดจะเห็นการอ่อนตัวเล็กน้อย QoQ เนื่องจาก Low Season และจะกลับมาเติบโตสูงอีกครั้งใน 4Q19F เราคาดปีนี้ PTG จะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,561 ล้านบาท เติบโต 149% YoY โดยเรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 24 บาท ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PER 20.4x ปี 2019F และ PER 16x ปี 2020F ซึ่งอยู่ในระดับ -0.5 SD ปัจจัยเสี่ยงสำหรับ PTG ได้แก่ 1) ค่าการตลาดที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้ 2) ปริมาณขายน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และความล่าช้าของธุรกิจ non-oil

 

PTG

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"สโตนวัน (STX)" ลั่นระฆังเทรด หุ้นเหมืองหินรายแรกในตลท.

"สโตนวัน (STX)" ลั่นระฆังเทรด หุ้นเหมืองหินรายแรกในตลท.

จบในวัน By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เมื่อข่าวบวก ข่าวดีมา เล่นหุ้น ก็ต้อง เผด็จศึก จบในวัน ทำกำไร ไม่ต้องรอ ฟ้าสาง เพราะฟ้า...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้