HotNews : PTG โต้ข่าวเพิ่มทุน ไร้มูลความจริง 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ 2 สิงหาคม 2562)  PTG ปฎิเสธข่าวเพิ่มทุน หลังมีข่าวลือ ร้อมแจงหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้น มาจากขยายกิจการ ระบุปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนมีสัดส่วน 1.6 เท่า ขณะที่คงเป้าขยายสถานีบริการเป็น 2,000 แห่ง - ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น 16-20%-EBITDA โต 40-50% ระบุบริษัทฯ ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจการให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

 

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG ชี้แจงประเด็นข่าวลือต่างๆ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ดังนี้

 

1. เรื่องการเพิ่มทุน โดยบริษัทขอยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีแผนการที่จะเพิ่มทุน และข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง

 

2. การเพิ่มขึ้นของหนี้สินสุทธิของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจาก 2,771 ล้านบาท ในปี 2557 เป็น 15,734 ล้านบาท ในปี 2561 ซึ่งบริษัทขอชี้แจงว่า 40% ของหนี้สินรวมเป็นเจ้าหนี้การค้า ซึ่งเพิ่มตามปริมาณการขายที่เติบโตขึ้น และเป็นหนี้สินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย ส่วนการเพิ่มขึ้นของหนี้สินระยะยาวนั้นเป็นการสนับสนุนการขยายกิจการของบริษัท

 

 

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนมีสัดส่วนเท่ากับ 1.6 เท่าอย่างไรก็ตาม ในส่วนของนโยบายภาครัฐ บริษัทเชื่อมั่นในกลไกทางการตลาดที่เป็นเสรี เพื่อความมีเสถียรภาพและความแข็งแรงของอุตสาหกรรมน้ำมันในประเทศไทย บริษัทขอยืนยันเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทตามที่ได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้นปี

 

 

ซึ่งได้แก่ การขยายจำนวนสถานีบริการเป็น 2,000 แห่ง การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ 16-20% การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊สแอลพีจีที่ 55-60% และการเติบโตของ EBITDA ที่ 40-50% ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่าบริษัทจะดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจการให้เติบโตอย่างยั่งยืนหากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่ม สามารถติดต่อส่วนงานนักลงทุนสันพันธ์ที่เบอร์ 0 2168 3377 ต่อ 260 และ 274 หรือทางอีเมล ir@pt.co.th

 

 

 

 

 

PTG ส่งซิกผลงาน Q2/62 โตกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน มั่นใจทั้งปีนี้รายได้โตทะลุเป้า 1.4 แสนลบ.

 

 

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส2/2562 จะเติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการบริษัทฯในครึ่งปีแรก(มกราคม-มิถุนายน62) บริษัทฯคาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ 21% ตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นรวมถึงค่าการตลาดในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างเนื่อง ดังนั้นบริษัทฯจึงคาดว่ารายได้ปี2562 จะสามารถทำได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 1.4 แสนล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 108,142 ล้านบาท

 

"ในส่วนของภาพอุตสาหกรรมของในประเทศโตประมาณ 3-4% เท่านั้นเอง ก็แสดงว่าเราสามารถเก็บส่วนแบ่งทางการตลาดได้เพิ่มขึ้น ในปีนี้อย่างที่ CEO ของเราวางเป้าหมายไว้ ปีนี้เราน่าจะขึ้นเป็นเบอร์สองในแง่ของตลาดรวม ด้านเป้ารายได้ 1.4 แสนล้านบาท เราคิดว่าน่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน และปีนี้ราคาน้ำมันไม่ได้สูงเหมือนปีที่ผ่านมาและถึงแม้เป้าหมายรายได้จะไม่เกินเป้า แต่ปริมาณลิตรยังไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดไว้ โดยเราตั้งเป้าโต 15-20 % และตอนนี้ครึ่งปีที่ผ่านมาเราโตแล้ว 21% ซึ่งเติบโตจากที่คาดหมายไว้ " นายรังสรรค์ กล่าว

 

ขณะที่น้ำมันไบโอดีเซล B20 ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันบริษัทฯมีสถานีจำหน่ายน้ำมัน 315 สาขา ภายในระยะเวลา 2 เดือน โดยมียอดจำหน่าย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน จำนวน 50.5 ล้านลิตร หรือเฉลี่ยนวันละ 1 ล้านลิตร อย่างไรก็ตามหากนโยบายดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐต่อ บริษัทฯมีแผนที่จะขยายให้ครบ 500 สาขาทั่วทั้งประเทศภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทมองว่าภาพรวมตลาดน้ำมัน B20 อีก 1-2 ปี ข้างหน้า จะขยายตัวมากขึ้นหากภาครัฐยังให้การสนับสนุนอยู่

 

 

 

ด้านโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ปัจจุบันบริษัทฯได้เดินเครื่องโรงสกัดน้ำมันปาล์ม โรงไฟฟ้าและ โรงกลั่นแล้ว 100% ในส่วนของไบโอดีเซล B100 ยังคงเดินเครื่องอยู่ที่ประมาณ 80% เนื่องจากการออกแบบของหอกลั่นในปัจุบันไม่สามารถรองรับการผลิตได้ถึง 100% ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มขนาดหอกลั่นคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้

 

นายรังสรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีนี้บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ที่ 3,500 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับรองรับการขยายธุรกิจทั้ง Oil และ Non-oil ที่จะเชื่อมต่อกับ MAX Card โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสมาชิก Max Card อยู่ที่ 12 ล้านราย ซึ่งบริษัทฯพยายามที่จะเชื่อมต่อสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมายให้แก่สมาชิกและพาร์ทเนอร์ของบริษัทฯที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนของสิทธิ Max Card มากขึ้น โดยสิ้นปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีสมาชิก Max Card อยู่ที่ 14 ล้านราย ตามการขยายสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะที่ ค่าเงินบาทในขณะนี้ที่แข็งค่าในระยะนี้ บริษัทฯมองว่าส่งผลดีต่อบริษัทฯเนื่องจากบริษัทฯเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันต่ำลง

 

 

 

 

 

PTG ประกาศ Q1/62 กำไรกระฉูด 93%

 

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)PTG เปิดเผยว่า ผลการดําเนินงานในไตรมาส 1/2562 พีทีจี ยังคงมีรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโตอยู่ที่ 28,655 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว จากการเติบโตของปริมาณการขายน้ํามันและแก๊ส LPG ที่เพิ่มขึ้น รวมถึง การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ Non-oil แต่รายได้จากการขายและการบริการลดลง 2.0% จากไตรมาสที่แล้ว จากราคา ค้าปลีกน้ํามันที่ปรับตัวลดลง

 

 

พีทีจีมีต้นทุนขายอยู่ที่ 26,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ลดลง 4.1% จากไตรมาสที่แล้ว โดยในไตรมาสนี้ ค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วและจากไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้กําไรขั้นต้นในไตรมาสนี้เท่ากับ 2,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน โดย กําไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-oil คิดเป็นสัดส่วน 9.6% เพิ่มขึ้นจาก 8.4% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการต่อยอด Non-oil ในพื้นที่ที่ มีศักยภาพ และการรับรู้ในแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น

 

 

ทั้งนี้ พีทีจี มีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเท่ากับ 1,875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว และ 3.7% จากไตรมาสที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีอัตราการเติบโตที่ ลดลงจากการพิจารณาคัดเลือกการลงทุนในการขยายสถานีบริการ และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ พีทีจีมี EBITDA เท่ากับ 1,435 ล้านบาท เติบโตขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาส ที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้พีทีจีมีกําไรสุทธิเท่ากับ 519 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 93% จากปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 195% จากไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ พีทีจีจะยังคงเน้นการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้และกําไรจากช่องทางอื่นๆ นอกเหนือจากการจําหน่ายน้ำมัน โดยการต่อ ยอดและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อลดความผันผวนของกําไรจากการมีธุรกิจน้ำมันเพียงธุรกิจ เดียว

 

PTG