Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: INTUCH โปรยเงิน 53.12 ลบ. ลงทุนโครงการ InVent -EPG มั่นใจปีนี้รายได้สู่ 1 หมื่นลบ. ทำดีล M&A อีก 4-5 ราย

1,243

 

 

 

 


HotNews: INTUCH โปรยเงิน 53.12 ลบ. ลงทุนโครงการ InVent

-EPG  มั่นใจปีนี้รายได้สู่ 1 หมื่นลบ.  ทำดีล M&A อีก 4-5 ราย


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  4  กันยายน  2560 ) --------  INTUCH ควักเงินสด 53.12 ลบ. เข้าลงทุนใน "อีเว้นท์ ป็อป โฮลดิ้งส์ พีทีอี ลิมิเต็ด"  ในโครงการ InVent   เผยอยู่ระหว่างลงทุนในธุรกิจสตาร์ท อัพ อีก 1-2 ราย คาดชัดเจนภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ 1 ราย 
EPG มั่นใจงวดปีนี้รายได้เข้าเป้า 1 หมื่นลบ. หรือโต 10-12% ตามทุกธุรกิจโตดีต่อเนื่องซุ่มเจรจาซื้อกิจการ 4-5 ราย ในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง แต่ยังไม่มีข้อสรุป รุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เร่งปั้น TJM ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ 4x4 ในออสเตรเลีย 

นายเอนก พนาอภิชน  รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร     บริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH  เปิดเผยว่า บริษัท โดยโครงการอินเว้นท์ ได้เข้าลงทุนในบริษัท อีเว้นท์ ป๊อป โฮสติ้งส์ พีทีอี ลิมิเต็ด (อีเว้นท์ป๊อป) โดยเข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน จำนวน 103,052 หุ้น คิดเป็น 17.96% ของทุนชำระแล้ว เป็นเงิน 53.12 ล้านบาท โดยจะชำระเป็นเงินสดทั้งจำนวนจากเงินทุนหมุนเวียนของบริาท และภายหลังจากการซื้อหุ้นนี้บริษัทยังมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ 
ทั้งนี้ อีเว้นท์ ป๊อป ดำเนินธุรกิจพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานอีเว้นท์และงานแสดงต่างๆ 
  นายคิมห์ สิริทวีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารการลงทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจการจัดงานอีเว้นท์ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามอง แต่ในปัจจุบันผู้ใช้บริการจองบัตรเกิดปัญหาความยุ่งยากจากระบบที่ไม่เสถียรทำให้ระบบการจองบัตรงานอีเว้นท์มีปัญหาระบบล่มโดยเฉพาะหากมีการจองเข้ามาพร้อมๆ กันในจำนวนมาก ดังนั้น บริการแพลตฟอร์มอีเว้นท์ครบวงจรที่อีเว้นท์ ป็อปมีอยู่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ซื้อบัตรเข้างาน ด้วยการพัฒนาระบบการขายบัตรที่ทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย รวมทั้ง มีระบบสรุปรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เข้าร่วมงานให้กับผู้จัดงานอีกด้วย” 
“ในขณะเดียวกัน อีเว้นท์ ป็อป มีการใช้ระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าร่วมงาน และยังมีการพัฒนากลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจากกลุ่มธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้ครอบคลุมกับความต้องการของผู้จัดงานและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อีเว้นท์ ป็อป ยังได้รับรางวัล National Award ในหมวด Rising Star จากงานสตาร์ทอัพ ไทยแลนด์ (Startup Thailand 2017) เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ” นายคิมห์ กล่าวเพิ่มเติม
นายภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อีเว้นท์ ป็อป โฮลดิ้งส์ พีทีอี ลิมิตเต็ด กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติ จาก 2 CVC เจ้าใหญ่ของไทย การระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของ อีเว้นท์ ป็อป ผมเชื่อว่าทั้งอินเว้นท์และบีคอนวีซีจะมาเป็น strategic partners ที่จะพาเราก้าวไปถึงจุดที่เราเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มช่วยจัดการงานอีเวนท์อย่างครบวงจรที่ดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทีมงานของเราพร้อมที่จะทำงานกันอย่างเต็มที่ บริษัท อีเว้นท์ ป็อป เพิ่งเปิดบริการมาได้เพียง 2 ปี เรามีผู้จัดงานที่ได้มาใช้บริการแพลตฟอร์มของเรามากกว่า 3,000     อีเว้นท์ ซึ่งรวมถึงงานเทศกาล, คอนเสิร์ต, กีฬา, ธุรกิจ และงานสัมมนาต่างๆ ที่ผ่านมาเราได้รับความร่วมมือในการทำงานจากฝั่งของผู้จัดงานที่ทำให้เราได้เข้าใจความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น มีการทำความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีต่างๆ ให้มีความทันสมัย ครบครันตอบสนองความต้องการของผู้จัดงานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ เรายังมีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การทำมาร์เก็ตติ้ง รวมไปถึงการให้บริการหลังงานอีเว้นท์สิ้นสุดลง โดยนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคและผู้เข้าร่วมงาน ทั้งส่วนออนไลน์และออฟไลน์”
“จากความสำเร็จของการเปิดตัว “Spark” ซึ่งเป็นระบบจ่ายเงินแบบไม่ใช้เงินสดของอีเว้นท์ ป็อบ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการทดลองใช้กับผู้เข้าร่วมงานกว่า 40,000 คน ระหว่าง 3 วันที่มีการจัดงาน ระบบสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ  สำหรับในปี 2017 อีเว้นท์ ป็อป  มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ 3 ด้าน ได้แก่ งานเทศกาล/ งานบันเทิง งานในส่วนของธุรกิจ และงานในส่วนด้านกีฬา ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำการตลาดออนไลน์ โดยใช้ข้อมูลความสนใจ พฤติกรรมการจ่ายเงิน หรือความคิดเห็นหลังจากการเข้าร่วมงานของผู้เข้าร่วมงานมาวิเคราะห์ข้อมูล ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับและถือว่าเป็นจุดมุ่งหมายในการจัดงานต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเห็นได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่เพิ่มมากขึ้น เราเชื่อว่าบริการของเราจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับบุคคลกลุ่มนี้ อีกทั้งยังช่วยสร้างมูลค่าให้กับวงการการท่องเที่ยวของไทยอีกด้วย” นายภัทรพร กล่าวเพิ่มเติม
 
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจรากับบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อเข้าร่วมลงทุนผ่านโครงการอินเว้นท์(InVent)โดยเป็นในกลุ่มเทเลคอม, ธุรกิจมีเดียและธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันเจรจราอยู่ 1-2ราย โดยบริษัทคาดเห็นความชัดเจนได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างน้อย 1 ราย  สำหรับงบลงทุนในการร่วมลงทุนผ่านโครงการอินเว้นท์ในปีนี้บริษัทยังคงนโยบายให้อยู่ภายในจำนวน 200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเหลืองบอยู่ไม่ถึง100ล้านบาท โดยบริษัทฯมีนโยบายการร่วมลงทุนในบริษัทสตาร์ทต่างๆให้มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 10% 
ขณะที่ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดิจิโอ ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงิน และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) ในประเทศไทย
สำหรับการลงทุนในบริษัทฯร่วมลงทุน หรือ เวนเจอร์แคปปิตอล(VC)ผ่านทางโครงการอินเว้นท์(Invent) มีอยู่ทั้งหมด 12 บริษัท ได้แก่ อุ๊คบี ,คอมพิวเตอร์โลจี ,เมดิเทคโซลูชั่น ,ซินโนส ,อินฟินิตี้เลเวล ,เพลย์เบลิส กอล์ฟดิกก์ ,ชอบสปอต, วงใน,โซเชียลเนชั่น,ดิจิโอและอีเว้นท์ ป็อป
แต่ในปัจจุบันเหลืออยู่ในมือ 10 บริษัทฯเนื่องมาจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการขายบริษัทที่ร่วมลงทุนไปจำนวน 2 ราย ได้แก่ คอมพิวเตอร์โลจี และชอบสปอต เนื่องจากเป็นการเข้าซื้อกิจการของนักลงทุนต่างชาติ และผู้ถือหุ้นเดิมซื้อคืนกลับไป ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เฉลี่ยมากกว่า 20%
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจของ EPG ในช่วงต่อจากนี้ว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยมุ่งเน้นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพของสินค้า และเร่งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศทุกช่องทาง 
โดยในส่วนของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex ช่วงไตรมาสแรก ปี 2560/61(เม.ย.– มิ.ย.2560) มีสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศ 26% และต่างประเทศ 74% ซึ่งมาจากตลาดสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าในครึ่งหลังของปีตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาจะขยายตัวขึ้น ซึ่งแอร์โรเฟลกซ์ได้มีแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงช่วงปลายปีนี้ สำหรับตลาดในประเทศจีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศ AEC ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มประเทศตะวันออกกลางหากเศรษฐกิจฟื้นตัว มีกำลังในการลงทุนจะทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้ากลับเข้ามา 
ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (AERO-ROOF) ได้มีการแนะนำสินค้าพร้อมส่งเสริมการขายซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรชั้นนำ ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560/61 (เม.ย.– มิ.ย.2560) มีสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศ 27% และต่างประเทศ 73% และได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตหลังคาครอบกระบะ (Canopy) เป็น 34,000 ชิ้น/ปี จากเดิม 28,000 ชิ้น/ปี เพื่อรองรับการเติบโต  ขณะเดียวกันเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรของ TJM ประเทศออสเตรเลีย โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการปรับปรุงตามแผนงาน อาทิ ย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังประเทศไทย แก้ไขสัญญากับร้านค้าแบรนด์ TJM เพื่อกระชับพื้นที่
ขายให้ครอบคลุมลดลง (Coverage area)  และใช้โปรแกรม Supplier Partner Programs (SPP) เพื่อบริหารจัดการสินค้าและทำให้รู้ว่าสินค้าชนิดไหนขายดีและชนิดไหนมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง รวมถึงได้เปิดสาขา TJM แห่งแรกที่ Western Australia เป็นร้านค้าต้นแบบ โดยตั้งเป้าขยาย Brand Distributors ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 63 แห่ง เป็นต้น
   สำหรับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มีการปรับกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น เนื่องจากมองว่าตลาดกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโต อีกทั้ง EPP ได้รับการรับรองมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยทางด้านอาหารโดยองค์กรชั้นนำหลายแห่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้ให้มีการเติบโต ขณะเดียวกันได้มีการเตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิตที่ 32,000 ตัน/ปี ซึ่งจะทำให้ EPP มีศักยภาพในการรองรับงานขนาดใหญ่ โดยคาดว่าการอุปโภคและบริโภคในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวช่วงปลายปีและน่าจะเริ่มมีออเดอร์จากเบียร์การเด้นท์ และกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ ที่จะเริ่มทยอยกลับเข้ามา
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2560/61 (เม.ย.– มิ.ย.2560) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,382.4 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,358.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% แบ่งเป็น ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 727.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeoroklas มีรายได้จากการขาย 1,053.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 601.5 ล้านบาท ลดลง 5.4% เนื่องจากยอดขายภายในประเทศลดลงตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ EPG มีกำไรสุทธิ 286.5 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 381.1 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 24.8% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 30.7% เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ รศ.ดร.เฉลียว กล่าว
  สำหรับปีนี้บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ (เม.ย.60-มี.ค.61)  เติบโต 10-12%  หรืออยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแนวโน้มไตรมาส 2/2560 ถึงไตรมาส 4/2560จะดีกว่าไตรมาสแรก และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องทุกธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในหลายอุตสาหกรรมคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีหลังจากช่วงเดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นผลบวกต่อรายได้ปีนี้อย่างเต็มที่เพราะเป็นไตรมาส 3 ของบริษัท และมีโอกาสโตต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 ด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่คาดหวังหลังเดือน ต.ค. จะมีงานเทศกาลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ 
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 60% ของรายได้รวม ซึ่งค่าเงินบาทปัจจุบันแข็งค่า และเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคาขายสินค้าประมาณ 3-7% เพื่อปรับตัวพอสมควร 
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการธุรกิจเกี่ยวเนื่องประมาณ 4-5 ราย แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะสรุปช่วงใด เพราะต้องดูศักยภาพ และโอกาสการสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งให้บริษัท
ทั้งนี้บริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการออกหุ้นกู้ไว้รองรับการซื้อกิจการประมาณ 2,000 ล้านบาท  โดยอยู่ระหว่างการทำเรทติ้ง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(ดีอี) 0.29 เท่า  
สำหรับในปีนี้บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจ แอร์โรเฟลกซ์ 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในลักษณะการเพิ่มเครื่องจักรความเร็วสูงและลดปริมาณแรงงาน ส่งผลให้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ตันต่อปี จากปัจจุบัน 18,000 ตันต่อปี และลงทุนในธุรกิจแอร์โรคลาส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 400 ล้านบาท 


-----จบ---- 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

หาฐาน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นกระดานหุ้นไทย ทั้ง SET และ ราคาหุ้น กำลังหาฐาน หาจุดสมดุล เพื่อเล่นและเทรดในกรอบเล็กๆ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้