Market Wrap-Up
- SET วันที่ 20 ก.ย.67 ปิด -3.15 จุด อยู่ที่ 1,451.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,537 ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,399 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 75 ลบ.สถาบันซื้อ 614 ลบ. รายย่อยขาย 2,089 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 870 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BANPU,KTB,BBL,DELTA,ITC และยอดขายในหุ้น BDMS,KBANK,TU,INTUCH,AWC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,901 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ GLOBAL,CRC,M โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 17,609 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 54,084 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,358 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.09%, S&P500 -0.19%, Nasdaq -0.36% ชะลอตัวหลังปรับขึ้นรับเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย 5% โดยคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ใน พ.ย. ส่งผลให้กลุ่มสาธารณูปโภค +2.69% ขณะที่ FedEx -15.2% หลังรายได้ปีนี้มีแนวโน้มต่ำกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.42% หลังหุ้น Novo Nordisk บริษัทยาเดนมาร์ก -5.4%, กลุ่มรถยนต์ -3.6% หลังหุ้นเมอร์เซเดส เบนซ์ -6.8% จากคาดการณ์กำไรปีนี้จะชะลอตัว และ ASML -4.1% หลังมอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคำแนะนำการลงทุน
Market View
- DJIA +1.62%,S&P500 +1.36%,Nasdaq +1.49% WoW หลังเฟดมีมติ 9 -1 ลดดอกเบี้ย 50% อยู่ที่ 4.75 – 5.0% และคาด GDP US ปี 67 – 69 ทรงตัวอยู่ที่ 2.0%, เงินเฟ้อสหรัฐ US PCE ปีนี้คาดลดอยู่ที่ 2.3% และอัตราว่างงานปี 67 – 68 คาดอยู่ที่ 4.4% บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวแบบ Soft Landing โดย Fed Dot Plot คาดเฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ลงอีก 0.50% ขณะที่ CME Fed Watch คาดมีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.75% เพื่อพยุงอัตราการจ้างงานไม่ให้ชะลอตัวมากเกินไป ปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth , สาธารณูปโภค สัปดาห์นี้ติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด, PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ก.ย., GDP สหรัฐ Q2/67 ครั้งสุดท้ายคาด +2.9% QoQ และ US PCE ส.ค.
- Stoxx600 ยุโรป -0.33% WoW จากแรงขายบริการสุขภาพ หลัง Novo Nordisk บริษัทยาเดนมาร์ก หลังผลทดสอบยาลดความอ้วน เฟส 2 ได้ผลไม่ดี และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกแรงขายทำกำไร ขณะที่ BOE อังกฤษมีมติคงดอกเบี้ยที่ 0% หลังเงินเฟ้อจากภาคบริการอังกฤษ ส.ค. สูงกว่าคาด +5.6%
- MSCI Asia Pacific X Japan +2.7 WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ หลังเฟดลดดอกเบี้ย 50% และเป็นสัญญาณเริ่มวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ส่วนดัชนีนิเกอิ +3.1% WoW หลัง BOJ มีมติคงดอกเบี้ย 0.25% แม้ว่าตลาดคาดมีโอกาส 33% จะปรับขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค. แต่ค่าเงินเยนกลับอ่อนค่าอยู่ที่ 143.8 เยน/ดอลลาร์ หลังค่าเงินเยนแข็งค่าค่อนข้างเร็วรับปัจจัยดังกล่าวแล้ว และ BOJ ยังไม่ได้เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
- ดัชนี SET +1.92% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 1 หมื่น ลบ. -5.9% WoW ต่างชาติซื้อ 5,865 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,168 ลบ. สถาบันขาย 1,265 ลบ. และรายย่อยขาย 5,768 ลบ. WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มปิโตรเคมี +7.1% WoW นำโดย IVL จากคาดการณ์กำไรปีนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว กอปรต้นทุนการเงินปรับลดลงหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย เช่นเดียวกับกลุ่มไฟแนนท์ +3.9%, อิเล็ก ฯ +3.5% WoW ได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ขณะที่กลุ่มธนาคาร -1.27% WoW จากคาดการณ์ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ NIM ลดลง โดยค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือน อยู่ที่ 32.85 บาท/ดอลลาร์ จากเม็ดเงินต่างชาติที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 5.8 พัน ลบ. และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 1.32 หมื่น ลบ. ขณะที่สรุปยอดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 1 รวมอยู่ที่ 1.9 แสน ลบ. โดยเม็ดเงินจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นใน ต.ค. นี้ ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ การประชุม ครม.ในการออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ, วันที่ 25 ก.ย. เริ่มแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางรายละ 1 หมื่น บาท และรายงานตัวเลขส่งออกไทย ส.ค. คาด 4.2% & ก.ค. +15.2%
Daily Strategy
- วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,460 – 1,475 คาดได้แรงหนุนจาก ม.จ่ายแจกสดกลุ่มเปราะบาง รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ใน ต.ค. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว กลุ่มอุปโภค CPALL,CRC,BJC,CBG/ ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,ERW และกลุ่มที่เป้าหมายการซื้อของกองทุนวายุภํกษ์ เช่น KBANK,BBL,KTB,MTC,ADVANC,GULF,BDMS/ เก็งกำไร PSL,RCL
- BA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 26.00 บาท) แนวโน้ม 3Q67-4Q67 คาดเห็นกำไรสุทธิเร่งขึ้น QoQ ตามฤดูกาลที่เป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยวเกาะสมุย และ high season ของการท่องเที่ยวไทย นอกจากนี้คาดว่าราคาค่าตั๋วโดยสารยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยทั้งปี 67 คาดว่าค่าตั้งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 4,000 บาท ต่อราย ขณะที่เป้าผู้โดยสาร 5 ล้านคน +13%YoY และ LF 85% ยังเป็นไปได้ และจะมีเครื่องบิน 2 ลำมาเพิ่มปลายปี ส่วนประเด็นความคืบหน้าการขออนุมัติเพิ่มเที่ยวบินจาก 50 เที่ยวบิน เป็น 73 เที่ยวบิน/วัน คาดว่ารู้ผลเร็วๆนี้ ทั้งนี้ตลาดทยอยปรับคาดกำไรสุทธิปี 67 ขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ราว 3.3 พันล้านบาท
- SAV (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 116 ลบ., +23%QoQ, +40%YoY ปัจจัยบวกหลัก คือ จำนวนเที่ยวบินที่ยังมี Gap การฟื้นตัวPost Covid-19 โดยเฉพาะเที่ยวบิน International ที่ +8%YoY และ Overflight ที่ +7%YoY ด้านการดำเนินงานระยะถัดไป 2H67 นี้ คาดว่าจะยังเป็นบวกฟื้นตัวต่อได้ YoY และมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจาก 1.AirAsia Cambodia ที่เริ่ม operate ในเดือนพ.ค.67Angkor AIR เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่าง นิวเดลี และ พนมเปญ ในช่วงเดือนมิ.ย.67 และ 3.การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา เช่น แคมเปญ Visit Siem Reap 2024 ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาด กำไรสุทธิ SAV ปี67 ที่ 507 ลบ.(+31%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ต.ค. -$0.03 อยู่ที่ $71.92 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.39 อยู่ที่ $74.49/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากอุปสงค์คาดฟื้นตัว หลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย กอปรกับปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางสูงขึ้น
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$31.60 อยู่ที่ $2,646.20 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยอัก 0.50% ใน พ.ย. และปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางสูงขึ้น
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +570.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +178.12 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +308.0 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +84.54 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 32.93 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.754 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +1 จุด อยู่ที่ 1,977
(+) BitCoinเช้านี้ +1.25% อยู่ที่ 63,842 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
24 ก.ย. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)
24 ก.ย. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ก.ย.)
25 ก.ย. US ยอดขายบ้านใหม่ ( ส.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
26 ก.ย. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)
US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
27 ก.ย. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ( ส.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th