Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

184

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัพเดต Momentum Tracker แนวโน้มตลาดหุ้นโลกและทองคำ
“Highlight”
1 สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี MSCI All-Country World Equity ปรับตัวขึ้น 0.9% เป็นการปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน หลังจากที่เข้าสู่วงจรของการปรับฐานในเดือน เม.ย. และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี MSCI EM เริ่มมี Momentum Tracker ที่เพิ่มขึ้น Week on Week (WoW) ได้ดีกว่า MSCI DM แตกต่างจากไตรมาส 1 ที่ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมักปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า จึงเป็นการสะท้อนว่านักลงทุนกำลังค่อยๆปรับโฟกัสจากตลาดที่เป็นกลุ่ม leader ไปยังตลาด laggard จาก relative valuation ที่ถูกกว่า
2 สำหรับตลาดพันธบัตรสหรัฐ ก็เริ่มเห็นแรงซื้อคืนที่ผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ในช่วงระหว่าง 4.6%-4.7% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และแรงซื้อคืนก็มากขึ้นและชัดเจนขึ้นในวันศุกร์ที่ 3 พ.ค. หลังจากที่มีรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ออกมาต่ำกว่าที่ consensus คาด ทำให้ตลาดน่าจะเริ่มมีการปรับเปลี่ยนมุมมองการปรับลงอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งในระยะอันใกล้
เรามองว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดถูกครอบงำ (obsess) ด้วยเรื่องเงินเฟ้อและ Nonfarm Payrolls ที่ประกาศออกมาเป็นรายเดือนมากเกินไป ทำให้อารมณ์ผันผวนตามตัวเลขที่มากกว่าหรือน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ (more than expexted / less than expected)

ในภาวะที่ดีมานด์/ซัพพลาย เบี่ยงเบนไปจากสถานการณ์ปกติมากๆ อันเป็นผลกระทบจากวิกฤตในช่วงก่อนหน้า การปรับสมดุลมักจะใช้เวลา และระหว่างการปรับสมดุล ตัวเลขก็มักจะผันผวน ดังนั้นการคาดหวังที่จะเห็นประมาณการเงินเฟ้อออกมาสอดคล้องหรือต่ำกว่าที่คาดทุกเดือนจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้บนภาวะการจ้างงานเต็มที่ Nonfarm Payrolls จะเป็นดัชนีชี้นำที่มี predictive power ลดลง เพราะตัวเลขที่แข็งแกร่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนงานของพนักงานจากบริษัทนอกกลุ่มตัวอย่างมายังบริษัทในกลุ่มตัวอย่าง จึงอาจไม่ได้สะท้อนความต้องการแรงงานเพิ่มของผู้ประกอบการโดยรวมอย่างแท้จริง
ดังนั้นในภาวะการจ้างงานเต็มที่ จึงต้องติดตามและให้ความสำคัญกับตัวเลขที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มากขึ้น เพื่อให้สามารถประเมินแนวโน้มในอนาคตได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยไม่ได้มองข้ามสัญญาณเชิงลบอื่นๆ ที่มีโอกาสสร้างผลกระทบต่อตลาดแรงงาน โดยเราคาดว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตลาดน่าจะกลับมามองว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสอ่อนแอลงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในขณะนี้
“สำหรับปัจจัยเศษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่”
วันอังคาร: JP Jibun Bank Service PMI เดือน เม.ย. (consensus คาดภาคบริการของญี่ปุ่นจะยังขยายตัวที่ 54.6)
วันพฤหัสบดี: CN Exports เดือน เม.ย. (consensus คาดส่งออกของจีนจะขยายตัว 1% YoY)
วันศุกร์: US Michigan Consumer Sentiment เดือน เม.ย. (consensus คาดลดลงจากระดับ 79.4 ในเดือนก่อนเป็น 77.2)


“แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ต่างๆ ในสัปดาห์นี้”
1 เราคาดว่าตลาดหุ้นโลกจะปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี MSCI Asia ex Japan และ EM น่าจะปรับตัวขึ้นเด่นกว่ากลุ่ม DM เนื่องจาก มี Momentum Tracker ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และยังไม่ตึงตัวเท่ากับตลาด DM
2 ราคาทองคำและเงิน (silver) ก็มีโอกาสฟื้นตัวในสัปดาห์นี้เช่นเดียวกัน หลังจากพักฐานมาแล้วสองสัปดาห์ โดยเราคาดว่า Gold Spot จะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 2,400 เหรียญอีกครั้งในเดือน พ.ค. ส่วน Silver Spot ก็มีลุ้นขึ้นทดสอบ 29 เหรียญเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเราไม่แนะนำให้นักลงทุนที่มีต้นทุนสูงเข้าซื้อทองคำเพิ่มเพิ่ม เนื่องจากคาดว่า Gold Spot กำลังอยู่ในช่วงปลายวงจรขาขึ้นในปีนี้แล้ว จึงทำให้มีโอกาสผันผวนขึ้นและเสี่ยงต่อการปรับฐานในช่วงครึ่งปีหลัง เราแนะนำให้รอจังหวะที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นนี้เพื่อขายทำกำไร (sell into strength)

สรุปภาพตลาดวานนี้ สุดสัปดาห์ที่แล้วดัชนี Sideway up โดย PTTEP PTT AOT BH BDMS CPAXT DELTA SCC TRUE GULF กลับมานำบวก และกลุ่มเดินเรือ TTA PSL ราคาบวกพร้อม Volume เข้า นอกจากนี้หุ้นกลาง-เล็กบวกแรง เช่น JKN ITTHI MGI MCA ส่วนด้านลบกดดันตลาด เป็นแรงขายทำกำไร ITC LH CPN CPF BTG CPALL CK STEC

แนวโน้มตลาดวันนี้
ข่าวดีให้ซื้อ ข่าวร้ายก็ซื้อ
เมื่อปลายสัปดาห์สัญญาณเชิงบวกต่อตลาดทุนโลก จากตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคผ่าน การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด และแผนการลด QT ของเฟด ที่ตลาดให้น้ำหนักมากขึ้น เชื่อว่าทิศทางนโยบายการเงินจะมีลักษณะผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน ทำให้สัปดาห์นี้เรามองดัชนียังคงเป็นลักษณะ Sideways Up ต่อ กรอบ 1360-1380 แต่กลุ่มธีมหุ้นที่จะโดดเด่น แบ่งเป็น
1 Rate-Cut: หุ้นกลุ่มรับประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ย โดยหากมองจาก US10Y ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วปลายสัปดาห์ กอรปกับทิศทางนโยบายของเฟด คาดกลุ่มไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า และเทคฯ จะได้รีบาวน์
2 Earnings play: เข้าสู่ช่วงประกาศงบ 1Q24 ของ Real Sector เราออกรายงาน Tactical play วันนี้ พบว่าสัญญาณการปรับกำไรช่วงที่ผ่านมาเป็นบวกมากกว่าลบ และยังมีหุ้นที่กำไรหลักมีโอกาสดีกว่าตลาดคาดเดิม เช่น AAV ILM DITTO YGG TFG
3 Covered Short: เรา Head-up ธีมนี้ไว้ล่วงหน้าสำหรับเดือน มิ.ย. ที่จะมีการใช้มาตรการ Uptick เรามองหุ้นกลุ่มนี้ที่เคยถูกขาย Short และยังมีสถานะค้างอยู่ จะถูกกลับมาโฟกัสหลังจบเทศกาลงบฯ ที่เข้าข่าย เช่น MTC SAWAD TIDLOR BTS BEM AOT CBG EA GULF GPSC COM7 ฯลฯ

กลยุทธ์การลงทุน
การเลือกหุ้นเล่น ควรโฟกัสเป็นรายตัวไป

วิเคราะห์ทางเทคนิค จับตา 3 เงิ่อนไข สัญญาณกลับตัวของ SET Index 1.ดัชนีกำลังทดสอบเส้น EMA 25 วันหากทะลุขึ้นไปได้จะบ่งชี้ภาวะกระทิง….ขาขึ้น 2. เครื่องมือ RSI หาก > 50 จะแสดงภาวะความแข็งแกร่ง ส่วนใหญ่จะมาพร้อมสัญญาณ breakout (ทะลุต้านสำคัญ) 3. ตลาดขาขึ้น วอลุ่มจะต้องเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ย > 5 หมื่นล้านบาท
สรุป: หากดัชนีเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อมีโอกาสกลับตัวเปลี่ยนเป็นขาขึ้นรอบใหม่ โดยให้น้ำหนักมากกว่า 65%....สัปดาห์นี้เรามาลุ้นกันครับ

 

What to watch
ฤดูกาลประกาศงบการเงิน บจ.1Q24: คาดวันอังคาร SPRC MTC DOHOME AP พุธ OR INTUCH SNNP THCOM TU พฤ. GFPT BTG KCE GULF GPSC CPAXT TOP ศุกร์ WHA COCOCO ILM TAN IVL CPALL CBG YGG BANPU
ถ้อยแถลงหรือการให้สัมภาษณ์ของกรรมการเฟด โดยตลาดมองลักษณะท่าทีล่าสุดแข็งกร้าวน้อยกว่าที่ตลาดคาด (Less-Hawkish) แต่เรามองว่าความจริงดูเอียงไปในทิศทาง Dovish ด้วยซ้ำ แต่ยังระมัดระวัง (Cautiously Dovish) เพราะมีการลด QT ทั้งนี้ อิงจาก US10Y ตอนนี้กลับมาเป็นทิศทางลงชัดขึ้นอีกรอบ
จับตา Fund flow หลังจากเห็นสัญญาณอัตราแลกเปลี่ยนขยับกลับทิศ โดย Dollar Index อ่อนค่าลง หนุนบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค-ไทย, อัตราการขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (หลังเห็นเลข Non-farm ต่ำกว่าคาดไป) เป็นต้น


หุ้นแนนำวันนี้
GULF เริ่มรับฟังความเห็น PDP ใหม่สัปดาห์นี้
(S 40 R 43 SL 39)
BGRIM (S 26 R 29 SL 25)

รายงานพื้นฐานวันนี้

Tactical Plays
ลุ้นโค้งสุดท้ายก่อนประกาศงบ
หลังจากนักวิเคราะห์ Preview โดยละเอียดอีกครั้งจนถึงวันนี้ (เทียบรายงานวันที่ 17 เม.ย.) ในบรรดาหุ้นที่ยังไม่ประกาศกำไร จำนวน 81 บริษัท มีหุ้นที่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลัก 1Q24 ขึ้น (มากกว่า 5%) หรือ Upwards revision อยู่สัดส่วน 30% ที่สำคัญๆ (มากกว่าสถิติครั้งอื่นๆ) ที่ชัดเจน ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม ปศุสัตว์ โครงสร้างพื้นฐาน โรงกลั่น โรงแรม เทคโนโลยี-คอมเมิร์ช บาง บจ. ในขั้วตรงข้าม เราพบว่ามี 25% ที่ปรับลดประมาณการกำไรลง (Downwards revision) อาทิ รับเหมาฯ ยานยนต์ อสังหาฯ มีเดีย-พลังงานบาง บจ. และอื่นๆ
ถัดจากนี้ลุ้นกำไร Beat/Missed โดยเราประเมินจากความเห็นนักวิเคราะห์ ประกอบกับ Bloomberg Consensus คาดโอกาส Beat ตลาด เช่น AAV (แต่อาจขาดทุนสุทธิจาก FX) CPAXT ILM TFG MINT HUMAN YGG COCOCO ขณะที่ต้องระวังจะ Missed เช่น BJC JMT BEC เป็นต้น
Tactical view: เมื่อนำมาประกอบกันภาพทางเทคนิค และปัจจัยแวดล้อม คัดมา 5 หุ้น น่าเล่นดักประกาศงบฯ ได้แก่ AAV ILM DITTO YGG TFG (สังเกตุว่าส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลาง-เล็กด้วย)

Construction Sector
กำไร 1Q24 ถูกกดดัน แต่หวังการฟื้นตัวได้
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นรับเหมาส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยขึ้นนัก (ยกเว้น ITD ที่รีบาวน์จากข้างล่าง) แต่หมายถึงโอกาสในการหาจังหวะลงทุน เพราะตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นไป จะมี Story บวกการเร่งรัดโครงการก่อสร่างต่างๆ และมีข่าวออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับผ่านช่วงงบฯ 1Q24 ที่จะไม่ค่อยดี โดยเฉพาะรับเหมาฯ ใหญ่ โดยเราคาดการณ์ผลประกอบการหลักของ CK STEC ขาดทุนใน 1Q24 จากบริษัทร่วมทุนเป็นหลัก ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ (CKP และหลวงพระบาง) ของ CK และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชุมพู ที่ STEC เข้าร่วม JV ด้วยรับรู้ขาดทุนเต็มๆ 2 สาย ทั้งไตรมาส อย่างไรก็ตาม รับเหมาฯ กลาง-เล็กอย่าง CIVIL คาดกำไรทรงตัว QoQ ได้ (ดีกว่าเดิมที่คาดจะลดลง QoQ) เพราะจะได้รับค่า K ที่รอมาเข้ามาชดเชยของเดิม ทำให้ GM ยังสูงต่ออีกไตรมาส เราแนะนำ รอสะสมเมื่ออ่อนตัวสำหรับ STEC และ CK และ/หรือ รอซื้อหลังประกาศงบฯ และการปรับประมาณการของตลาด
อย่างไรก็ตาม หากมองหาหุ้นรับเหมาฯ นอก Coverage เราพบ RT น่าจะมีแนวโน้มกำไรน่าสนใจ เพราะจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า 1Q24 น่าจะมีกำไรราวๆ 20-30 ล้านบาท Turnaround YoY และฟื้นจากฐานต่ำ QoQ รวมทั้งปีกำไรกลับไป Pre-covid ราวๆ 120-130 ล้านบาทได้ (จากขาดทุน 312 ล้านบาทในปี 2022 และกำไรเพียง 40 ล้านบาทในปี 2023) หนุนโดย Backlog ที่รองรับกว่า 8.5 พันล้านบาทโดยงานส่วนใหญ่เป็นงานที่สะท้อนต้นทุนใหม่ คิดย้อนกลับมาเป็น Valuation ปัจจุบันเทรด PER ที่ 7.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 18 เท่า ซึ่งหากประเมินราคาเหมาะสมเบื้องต้นอิงกรอบ PER ต่ำสุดของกลุ่มที่ 12 เท่า จะคิดเป็นราคาเหมาะสมที่ราว 1.10 บาท จึงเป็นหนึ่งในหุ้นรับเหมาฯ ที่จะเก็งกำไรในช่วงประกาศงบรอบนี้ได้
Fundamental view: ระยะสั้นอาจจะรอจังหวะสะสมเมื่ออ่อนตัวสำหรับ STEC CK เชื่อว่าหลังประกาศงบ และการปรับประมาณการจบลง ราคาหุ้นจะกลับมาเล่นตามข่าวงานประมูล ส่วนนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรตามผลประกอบการ เรามองว่า RT อยู่ในกลุ่มที่น่าสนใจ

 

Auto Sector
เป็นฤดูกาลที่ค่อนข้างอ่อนแอ
ภาพรวมธุรกิจ 1Q24 ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศลดลง 18.4% YoY (ฐาน AH และ SAT ปีที่แล้วสูง) และ 7.8% QoQ (ตามฤดูกาล) ทำให้เราคาดว่ารายได้ และ GM ของ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศลดลง
SAT: คาดกำไรที่ 188 ล้านบาท ลดลง 31% YoY 14% QoQ กดดันจากรายได้ลดลง 19% YoY (จากชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักรเกษตร) และ 3% QoQ และ GM ลดลงจากรายได้ส่วนชิ้นส่วนฯ ที่ GM สูงลดลง เรามีการปรับลดประมาณกำไรปี 2024 ลง 13% เหลือ 863 ล้านบาท (ลดลง 12% YoY) และราคาเป้าหมายใหม่เป็น 16.20 บาท
AH: คาดกำไรที่ 350 ล้านบาท ลดลง 41% YoY และ 17% QoQ แม้ว่ารายได้จะมีการเพิ่มขึ้นได้ QoQ จาก โรงงานที่จีนและโปรตุเกสที่ยังโต แต่เราคาดว่า GM จะลดลงจากส่วนของในไทย เรามีการปรับกำไรปี 2024 ลงมา 7% เหลือ 1,606 ล้านบาท และกำหนดราคาเป้าหมายใหม่เป็น 27.10 บาท
NEX: คาดกำไรที่ 184 ล้านบาท เติบโต 21% YoY และ 19% QoQ โดยคาดยอดส่งมอบรถจำนวน 500 คัน หนุนรายได้เติบโต 21% YoY และ 19% QoQ และในส่วนแนวโน้ม 2Q24 คาดว่ากำไรจะเติบโตต่อ QoQ ได้ และความชัดเจนของ Backlog เพิ่มมากขึ้น แม้ EV Pick up อาจจะยังต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ
Fundamental View: เรายังคงชอบ NEX มากที่สุดในกลุ่ม

ITEL
อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม
แนวโน้ม 1H24 ค่อนข้างดี
สำหรับคาดการณ์กำไรหลัก 1Q24 อยู่ที่ 64 ล้านบาท เติบโต 10% YoY แต่ลดลง 22% QoQ (ปัจจัยฤดูกาล) อย่างไรก็ตาม จะมีกำไรพิเศษจากการบันทึกรายการเกี่ยวข้องกับการซื้อ GLS ราว 20 ล้านบาท คาดกำไรสุทธิจึงน่าจะอยู่ที่ 84 ล้านบาท เติบโต 49% YoY และ 2% QoQ จุดสำคัญถัดไป แนวโน้ม 2Q24 เราคาดว่ากำไรหลักจะกลับมาเติบโตทั้ง YoY และ QOQ หนุนโดยงาน Data Service และงานโครงการที่อยู่ใน Backlog ถัดไป เรามองว่าควรจะเห็นทิศทาง Backlog ที่ดีขึ้นในปีนี้ หลังจากงบประมาณภาครัฐผ่านแล้ว และเห็นแนวโน้มธุรกิจกลุ่ม Connectivity ที่ดีขึ้น เช่น Data Center และ Virtual Banking ซึ่งจะทำให้ ITEL มีโอกาสรับงานมากขึ้น
Fundamental View: เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3 บาท

JMT
(Idea Shorted)
เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส
แนวโน้มธุรกิจ ดูอ่อนแอกว่าที่เคยมอง
เราออกบทวิเคราะห์ Idea เพื่อแนะนำขาย JMT พร้อม โดยวันนี้การปรับปรับลดคำแนะนำเป็นขาย เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง กดดันให้ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ฟื้นตัวช้าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เรายังคาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 470 ล้านบาท (ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 500 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 13% QoQ ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 9% จากเดิม
ด้าน Valuations เรามองว่าแพงกว่ากลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน ทำให้เราชอบ TIDLOR และ MTC มากกว่า
Fundamental View: เราปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” (เดิม”ซื้อ”) และราคาเป้าหมายใหม่เหลือ 20 บาท (เดิม 25 บาท)


SAWAD
ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น
Catch-up play
เราคาดกำไรสุทธิ 1Q24 จะอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ แม้สินเชื่อจะเติบโต แต่จะถูกชดเชยด้วย NIM ลดลง ทั้งนี้ เราคาดทิศทางคุณภาพสินทรัพย์ของ SAWAD จะทยอยฟื้นตัวใน 2H24 หลังจากที่ SAWAD ได้ปรับกลยุทธ์จากการปรับลด LTV สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนและเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ลงตั้งแต่ต้นปี 2023 และเร่งยึดรถจักรยานยนต์ของสินเชื่อเช่าซื้อที่มีความเสี่ยงเป็น NPL ตั้งแต่ 3Q23 แล้ว ซึ่งคาดว่าการยึดรถจักรยานยนต์จะเริ่มลดลงใน 2Q24 ทำให้แนวโน้มผลขาดทุนจากการขายรถยึดจะทยอยลดลงตั้งแต่ 2Q24 หนุนแนวโน้มกำไร 2Q24 จะฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ
Fundamental View: แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 46 บาท

สรุปประเด็นจาก Quick take

ITC
ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น
เห็นสัญญาณเติบโต YoY และ QoQ สำหรับ 2Q24
สาระสำคัญจากการประชุมอัพเดทข้อมูลผลการดำเนินงาน เช้าวันนี้ ผู้บริหารมั่นใจว่า แนวโน้ม 2Q24 ทั้งยอดขายยังโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ และอัตรากำไรขั้นต้น (GM) อยู่ในระดับสูงใกล้เคียง 1Q24 โดยยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นทุกไตรมาส ทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาสที่เหลือของปี
View From Fundamental: เราคาดการเติบโตของกำไร 39.7% ในปี 2567 ซึ่งหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ!!


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้