เอสไอเอสบี
คาดกำไร Q1 เติบโต YoY, ทรงตัว QoQ
แนวโน้มกำไร 1Q24F เติบโต YoY และทรงตัว QoQ, คาดจะเห็นการเติบโตชัดเจนในครึ่งปีหลัง
เรายังคงคำแนะนำ“ซื้อ” จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาเดิมและการรับรู้รายได้สาขาใหม่เต็มปี ในขณะที่จำนวนนักเรียนรวมเพิ่มขึ้นเป็นไปตามที่คาดไว้ เราคาดผลประกอบการ 1Q24F เติบโต YoY และทรงตัว QoQ และคาดครึ่งปีหลังจะเติบโตชัดเจนจากการเปิดเทอมใหม่ จำนวนนักเรียนและค่าเทอมที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้น เราคาดผลประกอบการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 32% (CAGR 2Y)
คาดกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตแรง YoY และทรงตัว QoQ
เราคาดกำไรสุทธิ 1Q24F จะอยู่ที่ 212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%YoY และ 2%QoQ โดยกำไรเพิ่มขึ้นแรง YoY จากฐานจำนวนนักเรียนและค่าเทอมเฉลี่ยใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่ทรงตัว QoQ เนื่องจากไตรมาสนี้มีบันทึกการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญประมาณ 3 ล้านบาท และบันทึกค่าเสื่อมจากการเช่าสาขาธนบุรีที่เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท โดยจำนวนนักเรียนในไตรมาส 1 คาดเพิ่มขึ้นสุทธิราว 80 คน มาอยู่ที่ 4,278 มาจากสาขาสุวรรณภูมิ เชียงใหม่ นนทบุรี และระยอง ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ยกเว้นสาขาธนบุรีที่ค่อนข้างเต็มพื้นที่ และสาขาประชาอุทิศที่ลดลงเล็กน้อยจากการคัดเกณฑ์นักเรียนที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับสาขาใหม่นนทบุรีมีจำนวนเพิ่มขึ้น 35 คนเป็น 312 คน และระยอง เพิ่มขึ้น 13 คน รวมเป็น 121 คน คาดอัตรามาร์จิ้นลดลง YoY จากการบันทึกค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าบุคลากรและครูเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นใน 1Q23F อยู่ที่ 36.4%
คงประมาณคาดกำไรเติบโต 32% (CAGR2Y) จากขยายสาขาเดิมและสาขาใหม่
เราคาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q24F จะเพิ่มขึ้น YoY จากฐานนักเรียนใหม่ แต่อ่อนตัวลง QoQ จากรายได้กิจกรรมที่ลดลง และจะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากการเปิดเทอมใหม่ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-25F เพิ่มขึ้น +39%YoY และ +25%YoY ตามลำดับ คาดค่าเทอมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 7% จากการปรับค่าเทอมและโครงสร้างนักเรียนในระดับปฐมและมัธยมที่เพิ่มขึ้นที่มีค่าเทอมสูงกว่าจากการขึ้นระดับชั้นทุก 2 ปี คาดจำนวนนักเรียนปี 2024-25F เพิ่มขึ้น 405 คน และ 410 คน ตามลำดับ เราคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกคือ 1) ผู้ปกครองปัจจุบันที่ใส่ใจต่อการศึกษาให้บุตรเรียนหลักสูตรภาษาอินเตอร์มากขึ้น 2) หลักสูตรสิงคโปร์ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นและได้รับความนิยมและผลการทดสอบคะแนนเป็นอันดับ 1 ของโลก 3) นโยบายของประเทศจีนที่ลดความสำคัญของภาษาอังกฤษส่งผลมาเรียนต่อประเทศไทยมากขึ้น 4) ยังมี upside จากการที่บริษัทมีแผนจะเปิดโรงเรียนโครงการ Halving Project ทีค่าเทอมรองลงมาจากโรงเรียน Inter premium คาดหวังดึงส่วนแบ่งนักเรียนจากกลุ่ม English Program ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 20% ของในประเทศ
เรายังคงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 50 บาท
เราแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตของโรงเรียนทุกสาขาที่มีทำเลดีและค่าเทอมอยู่ระดับกลางในกลุ่มโรงเรียน Inter Premium รวมถึงมีหลักสูตรสิงคโปร์ 3 ภาษา ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นตอบโจทย์ผู้ปกครอง ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 50 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%, T-growth 1.5%) ราคาเป้าหมายเทียบเท่า PEG24F 1.3X, บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (net cash) ความเสี่ยง : 1) การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติ 2) การขาดแคลนบุคลากร