ต่อจากการประกาศเมื่อวานนี้โดยสมาคมธนาคารไทย (TBA) ว่าธนาคารพาณิชย์ได้ตกลงที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (MRR) ลง 0.25 bps เป็นเวลา 6 เดือน - สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือเปราะบางเท่านั้น วันนี้ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ได้กลายเป็นธนาคารแรกที่ลดอัตรา MRR ลง 0.25 bps อย่างไรก็ตาม สำหรับธนาคารกรุงเทพแล้ว การลดอัตราดังกล่าวใช้กับผู้กู้ทุกราย ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม "เปราะบาง" เท่านั้น

ผลกระทบโดยรวมยังคงมีจำกัดในกรณีของธนาคารกรุงเทพ
ใน 4Q23 สินเชื่อรายย่อยมีมูลค่า 3.21 แสนล้านบาท คิดเป็น 12% ของสินเชื่อรวมของธนาคาร โดย 10% ของสินเชื่อรายย่อย หรือ 2.57 แสนล้านบาท เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งสามารถคาดได้ว่าใช้อัตราดอกเบี้ย MRR ทั้งหมด ในขณะที่สินเชื่อ SME ที่ใช้อัตรา MRR ถือว่ามีน้อย ดังนั้น ผลกระทบจากการลดอัตรา MRR จึงประมาณการได้ที่ 321 ล้านบาท (2.57 แสนล้านบาท x 0.25% x 1/2 ปี) คิดเป็น 0.2% ของรายได้ดอกเบี้ยขั้นต้นประมาณการปี 2024 และ 0.6% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีประมาณการปี 2024

การดำเนินการของธนาคารกรุงเทพจะเพิ่มแรงกดดันให้กับคู่แข่งมากขึ้น
ธนาคารกรุงเทพระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะผู้กู้ที่เปราะบางออกจากผู้กู้ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เนื่องจากธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยต่ำเพียง 10% ของสินเชื่อรวม จึงสามารถลดอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้กู้ที่ใช้อัตรา MRR ทุกรายได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ธนาคารอื่นๆ จะรู้สึกถูกกดดันมากขึ้นจากข้อเสนอที่ให้ประโยชน์มากกว่าของธนาคารกรุงเทพ

แม้ในกรณี 'ที่แย่ที่สุด' ผลกระทบต่อภาคธนาคารน่าจะไม่น่ากังวล
ยังไม่มีธนาคารอื่นประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เขียนนี้ แต่เราคาดว่าจะมีข่าวในประเด็นนี้อย่างเร็วๆ นี้ หากคาดว่าในกรณีที่แย่ที่สุดที่อัตรา MRR ใช้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งหมด และการลดอัตราดอกเบี้ยมีผลกับผู้กู้ทุกราย ผลกระทบก็ยังคงมีจำกัด ธนาคารส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบระหว่าง 0.2-0.6% (เฉลี่ย 0.3%) ของรายได้ดอกเบี้ยขั้นต้นประมาณการปี 2024 และ 0.6-1.8% (เฉลี่ย 1.2%) ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีประมาณการปี 2024 แม้หากรวมผลกระทบจากสินเชื่อแก่ผู้บริโภคและ SME ด้วย ผลกระทบรวมที่ประมาณการได้ก็จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TTB และ KKP โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 2.50 และ 60.00 บาท