Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

101

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัพเดต Momentum Tracker และแนวโน้มตลาดหุ้นโลกและสินทรัพย์ต่างๆ
“Highlight”
1 สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกรีบาวด์ 2.6% หลังจากปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้สามสัปดาห์ติดต่อกัน หนุนโดยผลประกอบการของหลายๆบริษัทออกมาดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐ
2 สำหรับตลาดพันธบัตรสหรัฐแม้จะยังเผชิญกับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟัอและนโยบายดอกเบี้ยของเฟด แต่ก็เห็นสัญญาณของการซื้อคืนในพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ยีลด์โซน 4.6%-4.7% เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ทำให้ยีลด์ยังไม่สามารถฝ่าระดับ 4.7% ขึ้นไปได้
“ปัจจัยเศษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่”
วันอังคาร: Chinese Caixin Manufaturing PMI เดือน เม.ย. (consensus คาดขยายตัวที่ 51)
วันพุธ: (1) US ISM Manufacturing PMI เดือน เม.ย. (consensus คาดขยายตัวที่ 50.1) (2) US JOLTs Job Openings เดือน มี.ค. (consensus คาดชะลอตัวจาก 8.76 ล้านตำแหน่ง เป็น 8.68 ล้านตำแหน่ง) และ (3) ประชุมนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐ (consensus คาดเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ 5.5%)
วันศุกร์: (1) Nonfarm Payrolls เดือน เม.ย. (consensus คาดไว้ที่ 2.43 แสนตำแหน่ง ชะลอตัวลงจาก 3.03 แสนตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า) (2) US Unemployment Rate เดือน เม.ย. (consensus คาดทรงตัวที่ 3.8% จากเดือนก่อน) และ (3) US ISM Service PMI เดือน เม.ย. (consensus คาดขยายตัวที่ 52)
“แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ต่างๆในสัปดาห์นี้”
1 เราคาดว่าตลาดหุ้นโลกจะรีบาวด์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ Momentum Tracker ได้คลายความตึงตัวลงมาแล้ว และยังไม่พบสัญญาณของความตึงเครียดระลอกใหม่ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล
2 ราคาทองคำและเงิน (silver) มีแนวโน้มรีบาวด์ต่อเนื่องจากท้ายสัปดาห์ที่แล้ว โดยเราคาดว่า Gold Spot มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 2,400 เหรียญอีกครั้งในระยะอันใกล้ ส่วน Silver Spot มีลุ้นขึ้นทดสอบ 29 เหรียญได้เช่นเดียวกันในสัปดาห์นี้

สรุปภาพตลาดวานนี้
ศุกร์ที่แล้ว SET ย่อเล็กน้อย กดดันโดย GULF GPSC CPALL CPAXT BJC ADVANC TRUE BBL แต่หุ้น DELTA และธนาคารหลายแห่งรีบาวน์ KBANK SCB KTB BAY และพบเหล่าหุ้นโอกาสกำไรดีกว่าคาดเดิมบวกดี เช่น ITC AAI COCOCO SAFE YGG รวมหุ้นแรงซื้อกลับหุ้น Cover Short เช่น LH

แนวโน้มตลาดวันนี้ SET ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นจากหลุมได้สำเร็จ และดีกว่าที่คาด-กลับมายืนเหนือ 1,350 จุด อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่เทคนิคคอลส่วนใหญ่มองเป็นแนวรับสำคัญของดัชนีตลาดหุ้นไทยของปีนี้
โดยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลท.ได้ออกเกณฑ์ และมีผลใช้ทันทีเดือน มิ.ย.นี้ (เร็วกว่าคาด) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ซึ่งเชื่อว่าสามารถอุดรูรั่วของช่องโหว่ในเรื่องการ ขายชอร์ตเซลและโรบอทเทรด ที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยมหภาคในต่างประเทศดูจะเริ่มมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยน้อยลงตามลำดับ “ภูมิฯเริ่มขึ้น” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สงครามตะวันออกลาง (อิสราเอล-อิหร่าน ดูเงียบไปอาจเพราะช่วงเทศกาลทางศาสนา), ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ GDP 1Q24 แผ่วลง-แย่กว่าคาด, เงินเฟ้อ PCE ทรงตัวสูง (กลัวภาวะ Stagflation และ เงินฝืด), ข่าวเก็บภาษีกำไรจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเพิ่ม (หุ้นสหรัฐอาจจะร่วงแต่หุ้นไทยยืน)
ดังนั้นถ้าสถานการณ์มหภาคยังดำเนินไปแบบนี้และตลาดหุ้นไทยดูจะมีภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงาน บจ.ไทย 1Q24 รอบนี้จะเป็นตัวแปรบ่งชี้แนวโน้มหุ้นไทย Rally in May รอดจากฤดูกาล Sell in May ได้ เพราะเท่าที่เห็น การตอบสนองของราคาหุ้นที่บวกแรงตามงบดีกว่าคาด เช่น SCGP BH การทำ Preview งบที่ดีขึ้นกว่าคาดการณ์เดิม เช่น OSP SAFE พบว่าราคาหุ้นก็บวกรับแนวโน้มนี้ทันที เช่นกัน
ซึ่งจากการทำ Preview งบที่เราออกรายงานตลอดสัปดาห์ที่แล้ว เช่น กลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม, ILM, โรงพยาบาล พบแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้น เราคาดว่าหุ้นไทยรอบนี้เริ่มมีหวังที่จะฟื้นจากการปรับฐานได้ คาดการณ์กรอบสัปดาห์นี้ 1,345-1,385 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
การเลือกหุ้นเล่น ควรโฟกัสเป็นรายตัวไป

วิเคราะห์ทางเทคนิค SET week ปิดแท่งเขียวเล็กซ่อนอยู่ภายใต้แดงใหญ่…รูปแบบ “Bullish Harami” บ่งชี้สัญญาณกลับตัว กลับสู่ที่จุดเดิม หากไม่มีเหตุการณ์ข่าวร้ายให้ตกใจ เราคาดว่าจุดที่ดัชนีเคยลงไปทำ low 1,330 จุด (หลุดโซนรับ 1,350 จุด) อาจเป็นสัญญาณ false signal ไปแล้วนั่นเอง ส่วนระยะสั้น SET Index รีบาวด์ขึ้นมาแล้ว ½ ครึ่งทาง ใกล้โซนต้านที่ 1370-1375 จุด ส่งผลให้ตลาดชะลอตัว พร้อมกับลดความผันผวนลงไปด้วย! Note: จับตาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ คาดจะกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ หนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว....

 

What to watch
ฤดูกาลประกาศงบการเงิน บจ.1Q24: คาดวันอังคาร ADVANC พฤ ITC ศ TRUE และหุ้นที่คาดจะมีโอกาสรายงานงบดีขึ้นกว่าที่ตลาดคาด เช่น CPN ILM COCOCO OSP GFPT เป็นต้น
ความเสี่ยงฤดูแล้ง: อ่างเก็บน้ำโคราชวิกฤตเหลือน้ำใช้การได้เพียง 37.4% ด้านสถานการณ์ผลผลิตการเกษตรเริ่มได้รับกระทบ ทั้งสวนผลไม้ และ ปศุสัตว์
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ตลาดเริ่มไม่มั่นใจว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ หลังเงินเฟ้อสหรัฐยังไม่ยอมลดลง ทำให้การประชุมเฟดครั้งนี้ ถ้อยแถลงประธานเฟด กลับมามีผลต่อคาดการณ์ดอกเบี้ย และทิศทางตลาดหุ้นโลก
อิสราเอลเปิดฉากโจมตีที่พักอาศัยปาเลสไตน์เมื่อคืน ส่งผลผู้เสียชีวิตจำนวนมาก (สิ้นสุดช่วงเทศกาลทางศาสนาก็เริ่มเปิดฉากสงครามอีกครั้ง แต่เราเชื่อว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นจะยังจำกัด เพราะยังไม่มีการต่อสู้ระหว่างประเทศ)
Republic First Bank สหรัฐปิดกิจการประเดิมปี 2024 (คาดไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย)

หุ้นแนนำวันนี้
GFPT สถานการณ์ภัยแล้งจัดในประเทศหลังจากนี้เริ่มส่งผลกระทบต่ออุปทานไก่ และปศุสัตว์ (เห็นได้ชัดจากราคาไข่ไก่ที่พุ่งขึ้นรอบนี้
(S 12.3 R 13.5 SL 12)
BTG (S 23 R 25 SL 22.5)

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Bank Sector
แนวโน้มยังอ่อนแอ แนะเลือกกลุ่มที่ฐานกำไรแกร่ง
ธนาคารยังคงเป้าหมายทางการเงินปี 2024 และระมัดระวังต่อการดำเนินธุรกิจในปีนี้เช่นเดิม ทั้งนี้ เราคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไปเป็น 2H24 แทน ถือเป็นผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร
ปัจจุบันเราเห็นกำไรปี 2024 ของ KBANK และ KTB อาจมี upside จากประมาณการเรา 3-5% แต่เราเห็นกำไรปีนี้ของ SCB อาจมีความเสี่ยง downside ราว 3-5% ส่วนธนาคารอื่น เราไม่เห็น upside หรือ downside ของกำไรปีนี้มากนัก
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 ของกลุ่มธนาคารจะลดลง 6% YoY และ 10% QoQ จากกำไรจากเครื่องทางการเงินลดลง แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดกำไรปกติ 2Q24 ของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 6% YoY (NIM สูงขึ้น และ credit cost ลดลง) แต่ลดลง 6% QoQ (NIM ลดลง และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น)
Fundamental View: โดยเราเลือก KTB และ TTB เป็น Top picks ของกลุ่มธนาคาร

Industrial Estate Sector
คาดสถานการณ์หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ ฝั่งจีนจะถูกกดดันเพิ่มอีก
สำหรับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ปีนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เราคิดว่าฝั่งจีนก็จะถูกกดดันต่อ และนำไปสู่การกระจายฐานการผลิตเพิ่มเติม ซึ่งบวกกับหุ้นกลุ่มนิคมฯ ของเรา ที่แม้ว่าปีที่ผ่านมาเป็นเฟสของการที่บริษัท EV จีนเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทยพอสมควรแล้ว แต่จากสถานการณ์ดังกล่าว และข้อมูลจากการท Site visit บริษัทชั้นนำของจีน เราเชื่อว่าธุรกิจต่างๆ ในจีนมองและวางแผนเรื่องนี้ โดยถัดไปน่าจะเห็นกลุ่ม Supply-Chain ของ Electronics ที่เชื่อมโยงกับ EV ด้วยขยายตัว
ระยะสั้น เราคาดการณ์กำไรหลัก 1Q24 ของ AMATA ที่ 593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY จากยอดโอนและราคาขายเฉลี่ย และลดลง 19% QoQ ตามฤดูกาล ส่วน WHA คาดที่ 723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% YoY นอกจากการโอน ยังมีกำไรธุรกิจสาธารณูปโภคเติบโต แต่กำไรจะลดลง 71% QoQ จากฐาน 4Q23 ที่มีการขายสินทรัพย์เข้า REITs เป็นปกติ
แนวโน้ม 2Q24 คาดว่า AMATA จะส่งมอบกำไรหลักเติบโตทั้ง YoY, QoQ จากการโอนที่ดินและธุรกิจ JV โรงไฟฟ้าที่ได้อานิสงค์ต้นทุนแก๊สลง ส่วน WHA คาดทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ปัจจัยหนุนเดียวกัน
Fundamental View: เราปรับเพิ่มคำแนะนำ WHA เป็น ซื้อเก็งกำไร (จากถือ) และคงคำแนะนำซื้อ AMATA

ROCTEC
ร็อคเทค โกลบอล
ประเด็นสำคัญจากทริปฮ่องกง-มาเก๊า
ช่วงต้นสัปดาห์ก่อนเราได้เดินทางไปฮ่องกงและมาเก๊าเพื่อติดตามธุรกิจของ ROCTEC โดยสำหรับฮ่องกงเราได้พบกับผู้บริหารของทั้ง MTR และ HKIA (ที่ปรึกษาสนามบินอู่ตะเภา) โดยเราคาด ROCTEC สามารถนำความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีหลายๆส่วนที่ดำเนินการอยู่ในฮ่องกงมาใช้ในประเทศไทยโดยเฉพาะสำหรับสนามบินอู่ตะเภา
สำหรับมาเก๊าเราได้มีการเยี่ยมชม Galaxy Macau ซึ่งถือเป็น Integrated Resort ที่รูปแบบใกล้เคียงกับแผนงาน Entertainment complex ของประเทศไทยที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเรามองเห็นโอกาสสำหรับพื้นที่ในส่วนของ เมืองการบิน
สำหรับแผนงานของสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งหากเทียบเคียงกับการลงทุนในเฟส 1 ของ Galaxy Macau จะมีมูลค่าอยู่ที่ราว 7.8 หมื่นล้านบาทสำหรับ 3 โรงแรมและ 1 คาสิโน บนพื้นที่ 5.5 แสนตารางเมตร ใกล้เคียงกับกรอบแผนการลงทุนของไทยที่ 1 แสนล้านบาท
เราเชื่อว่ากลุ่มพาร์ทเนอร์สำหรับอู่ตะเภาทั้ง BA, BTS และ STEC มีโอกาสในส่วนนี้แต่น่าจะต้องมีพาร์ทเนอร์ระดับโลกเข้ามาเติมเต็มในบางส่วน เช่น ส่วนของโรงแรม


รายงานผลประกอบการวันนี้

DELTA
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
(0) DELTA รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY แต่ลดลง 9% QoQ กำไรสุทธิออกมาตามที่เราคาด หากตัดรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกำไรหลักจะอยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY แต่ลดลง 15% QoQ กำไรหลักออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด 12% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด เราประเมินกำไรหลัก 2Q24 เติบโตได้ YoY และ QoQ แนะนำ wait-and-see

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

BJC
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์
กำไร 1Q24 อาจไม่โตตามคาด
เช้านี้ราคาหุ้น BJC เปิดตลาดมาติดลบ 3-4% เราคาดว่าอาจเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับผลกำไร 1Q24 ที่อาจโดนฉุดจากอัตราภาษีจ่ายที่น่าจะเพิ่มขึ้น YoY ใน 1Q24 ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ ใน 1Q24
View From Fundamental: ราคาหุ้น BJC ยังขาดปัจจัยหนุน เราคาดกำไรหลักปี 2024 ของ BJC ที่ 4,924ลบ (โต 5% YoY) แต่จากความเป็นไปได้ที่งบ 1Q24 อาจจะออกมาต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ (negative surprise จากอัตราภาษีจ่ายที่สูงกว่าคาด) และอาจจะยังต้องรอความชัดเจนเรื่องอัตราภาษีจ่ายของปีนี้ (ใน assumption เรามองอัตราภาษีจ่ายปีนี้ 12% โดยทุกๆ 1% อัตราภาษีที่มากกว่าเราคาดมีผลกับกำไรปี 2024 ประมาณ -1%) อาจจะยังกดดันราคาหุ้น BJC โดย BJC จะประกาศงบ 1Q24 วันที่ 14 พ.ค. ในบรรดา Grocery retail เรายังชอบ CPALL CPAXT มากกว่าเนื่องจากน่าจะเห็นการเติบโตของกำไรปีนี้ที่โดดเด่นกว่า

PTT
ปตท
ข่าวการเรียกคืนค่า shortfall รอบสอง
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตรวจสอบพบค่า shortfall ระหว่างปี 2013-2020 ของ PTT รวมอีก 4,700 ล้านบาท
View From Fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น negative sentiment รวมทั้งเป็น overhang ต่อราคาหุ้น PTT ไปจนกว่าจะมีความชัดเจน เราจึงแนะนำ wait-and-see

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นตลาดหุ้นไทย ไร้ปัจจัยบวก ไร้แรงกระตุ้น ก็หมดเวลาได้ไปต่อ ด้วย งบบจ.แจ้งผลงานไตรมาสแรก....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้