Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ทิสโก้ : กลุ่มFood & Beverage (Overweight)

132

 


คาดกำไร 1Q24F กลุ่มเครื่องดื่มเติบโตยกแผง และ 2Q24F โตต่อเนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อน

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q24F ของกลุ่มเครื่องดื่ม ยังคงสดใสต่อเนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกช่วงฤดูร้อนในประเทศไทยที่ยาวนานและการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการทำการตลาด พัฒนาสินค้า เน้นกลุ่มเรื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมถึงการขขายช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น ในส่วนอัตราทำกำไรขั้นต้นดีขึ้นจากต้นทุนส่วนใหญ่ลดลงยกเว้นราคาน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรสุทธิที่เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ได้แก่ OSP, ICHI, SAPPE สำหรับ CBG เราคาดยังเติบโตได้ YoY แต่ลดลง QoQ เราชอบ SAPPE และ ICHI จาก PER และ PEG ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และ Dividend Yield ค่อนข้างสูง

OSP: คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตมากกว่าที่เราคาดไว้

เราคาด OSP จะประกาศกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 846 ล้านบาท (+9%YoY, +95%QoQ) แนวโน้มดีกว่าที่เราคาดไว้เดิม จากเครื่องดื่มพลังงานทั้งในและต่างประเทศเติบโต มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 0.5% และ สำหรับกลุ่ม functional drink เติบโตเช่นกันมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2.7% ด้านธุรกิจ Personal Care เพิ่มขึ้นจากการออกพัฒนาสินค้าใหม่ แต่ธุรกิจ Supply Chain ลดลงจากรายได้ธุรกิจ OEM ลดลงหลังจากการปรับปรุงไลน์ผลิตขวดแก้ว อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุน commodities ที่ลดลง และการส่งออกที่เพิ่มขึ้นที่มีมาร์จิ้นมากกว่า

CBG : คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ

เราคาด CBG จะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 595 ล้านบาท (+126%YoY, -8%QoQ) เพิ่มขึ้น YoY จากฐานต่ำ แต่ลดลง QoQ จากคาดรายได้กลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศจะอ่อนตัวลงจากการทำโปรโมชั่นลดลง การขายเบียร์อ่อนตัวลงในเดือน ม.ค.-ก.พ.24 และมี.ค.คาดดีขึ้นจากใกล้เทศกาลสงกรานต์ ธุรกิจการส่งออกคาดมีแนวโน้มดีขึ้น YoY และ QoQ จากฐานต่ำ และประเทศกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม เริ่มดีขึ้น คาดอัตราทำกำไรลดลงจากส่วนประกอบของรายได้จากการรับส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ และรับจ้างผลิตขวด/กระป๋องที่มีอัตรามาร์จิ้นต่ำเพิ่มขึ้น

SAPPE : คาดกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตทำนิวไฮสูงสุด

เราคาด SAPPE จะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 345 ล้านบาท (+26%YoY, +105%QoQ) จากคาดรายได้เติบโตทั้งในประเทศและส่งออกจากการออกสินค้าใหม่ และการขยายตลาดส่งออกเพิ่มช่องทางจำหน่ายมากขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลางจากช่วงรอมฎอน ตามด้วยทวีปอเมริกาและยุโรป ส่วนทวีปเอเชียอ่อนตัวลงจากเกาหลีใต้ที่ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนส่วนใหญ่ลดลงยกเว้นราคาน้ำตาล โดยบริษัทมีการล็อคราคาแล้วถึงสิ้นปี

ICHI : คาดกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตทำนิวไฮในรอบ 10 ปี

เราคาด ICHI จะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 338 ล้านบาท (+52%YoY, +15%QoQ) จากยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 2 หลัก จากสินค้าหลักเครื่องดื่มชาเขียวเป็นหลัก ในขณะที่ธุรกิจรับจ้างผลิต OEM ทรงตัวเนื่องจากกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอส่งผลให้บริษัทเน้นผลิตสินค้าตนเองเพิ่มขึ้น และยอดขายต่างประเทศทรงตัว (สัดส่วนรายได้ 7%) จากภาพรวมเศรษฐกิจใน CLMV ยังชะลอตัว ในขณะที่บริษัทร่วมทุนอินโดนีเซียคาดรับรู้กำไรหลังจากบริษัทปรับกลยุทธ์การขาย คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง จากการใช้การตลาดผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า


OSP: คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตมากกว่าที่เราคาดไว้

เราคาด OSP จะประกาศกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 846 ล้านบาท (+9%YoY, +95%QoQ) แนวโน้มดีกว่าที่เราคาดไว้เดิม โดยหากไม่รวมรายการจากการบันทึกรายได้จากเงินปันผล Unicharm ใน 1Q23 จำนวน 300 ล้านบาท และบันทึกค่าใช้จ่ายการปิดโรงงานเตาหลอมขวดแก้ว รวมถึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมจำนวน 159 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรหลักเติบโต 75%YoY และ 41%QoQ โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) กลุ่มเครื่องดื่มพลังงานและ functional drink เพิ่มขึ้น จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศคาดเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดเครื่องดื่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น 4.1%YoY โดยในไตรมาสนี้ กลุ่มเครื่องดื่มพลังงานของบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 46.4% และยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเมียนมาเป็นหลัก จากการที่บริษัทมีโรงงานในประเทศเมียนมาโดยสินค้าแบรนด์ Shark มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 สำหรับกลุ่ม functional drink (สัดส่วน 14% ของกลุ่มเครื่องดื่ม) ยอดขายเติบโตจากแบรนด์ Civit มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2.7% 2) ด้านธุรกิจ Personal Care เพิ่มขึ้นจากการออกพัฒนาสินค้าใหม่ และธุรกิจ Supply Chain ลดลงจากรายได้ธุรกิจ OEM ลดลงหลังจากการปรับปรุงไลน์ผลิตขวดแก้ว ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุน commodities ที่ลดลง และการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิคาดอยู่ที่ 11.7% จาก 11.9%YoY และ 6.6%QoQ

คงประมาณการเดิม คาดกำไรหลักเพิ่มขึ้น 13% (CAGR2Y)

แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q24F คาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยบวกปีนี้มาจากตลาด energy drink อากาศที่ร้อนขึ้น และการท่องเที่ยวที่กลับมา อัตรามาร์จิ้นดีขึ้นจากต้นทุน commodities ที่เริ่มปรับลดลง เราคาดกำไรหลักเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 13% (CAGR2Y) คาดรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเติบโตปีละ 3% จากฐานกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานที่ใหญ่และคาดกลุ่ม functional drink เริ่มดีขึ้น, คาดกลุ่ม Personal Care และรับจ้างผลิต Supply Chain เพิ่มขึ้นปีละ 5% โดยคาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 35.4%-35.6% จากต้นทุนพลังงานและ commodities ที่เริ่มปรับตัวลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 25.1% และ 24.6% ส่งผลให้คาดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.3% และ 10% ตามลำดับ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มผลประกอบการธุรกิจหลักกลับมาเพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานที่คาดเริ่มดีขึ้น และ OSP มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศ ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 23.5 บาท อ้างอิง PER-1SD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ OSP ที่ 28X จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและธุรกิจ Personal Care มีการแข่งขันสูงและการส่งออกคาดชะลอตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER24F อยู่ที่ 24.1X Dividend Yield 2024F อยู่ที่ 4.1% โอกาส : การขยายตลาดส่งออก ความเสี่ยง : ต้นทุน commodities ที่สูงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัว

 

CBG : คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ

เราคาด CBG จะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 595 ล้านบาท (+126%YoY, -8%QoQ) จะดีขึ้น YoY จากฐานต่ำ แต่ลดลง QoQ จากคาดรายได้กลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศจะอ่อนตัวลงจากการทำโปรโมชั่นลดลง การขายเบียร์อ่อนตัวลงในเดือน ม.ค.-ก.พ.24 และมี.ค.คาดจะดีขึ้นจากใกล้เทศกาลสงกรานต์ ธุรกิจการส่งออกคาดมีแนวโน้มดีขึ้น YoY และ QoQ จากฐานต่ำ และประเทศกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม เริ่มดีขึ้น คาดอัตราทำกำไรลดลงจากส่วนประกอบของรายได้จากการรับส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ และรับจ้างผลิตขวด/กระป๋องที่มีอัตรามาร์จิ้นต่ำเพิ่มขึ้น คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจากการแบ่งค่าใช้จ่าย sponsorship ให้กับบ.ตะวันแดงในการทำการตลาดโปรโมทสินค้าเบียร์

คงประมาณการเดิม คาดกำไรเติบโตต่อเนื่องจากการทำการตลาดและแนวโน้มต้นุทนวัตถุดิบที่ลดลง

แนวโน้ม 2Q24F เราคาดกำไรจะเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จากการทำการตลาดกลุ่มเครื่องดื่มพลังงาน และรายได้รับจ้างสินค้าธุรกิจเบียร์ที่มีการทำการตลาดเข้มข้นขึ้น าเราคาดกำไรสุทธิปี 2024-25F ยังเติบโตได้ 29% และ 12% ตามลำดับ โดยคาดรายได้ธุรกิจเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 3% จากตลาดที่ใหญ่แล้วการเติบโตค่อนข้างนิ่งและการแข่งขันรายใหญ่ในประเทศยังสูง คาดธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้าเบียร์เติบโตปีละ 45% และ 34% ตามลำดับ โดยคาดธุรกิจเบียร์มีส่วนแบ่งการตลาด 2% ของมูลค่าตลาด 2.6 แสนล้านบาท โดยคาดเป็นกลุ่ม Traditional trade (TT) 60% และคาดปี 2025F มีส่วนแบ่งการตลาด 3% คาดเป็นกลุ่ม TT 75% และคาดรายได้ packaging ขวด กระป๋อง เติบโต 29% และ 22% ตามลำดับ คาดอัตรามาร์จิ้นลดลงจากรายได้กลุ่มรับจ้างส่งสินค้าธุรกิจเบียร์ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตรามาร์จิ้นที่ต่ำ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจากการแบ่งค่าใช้จ่าย sponsorship ให้กับบ.ตะวันแดงในการโปรโมทสินค้าเบียร์

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 75 บาท อ้างอิง PER-0.5SD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ CBG ที่ 30X เทียบเท่า PEG ปี 2024F ที่ 1X จากการเติบโตของกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าเบียร์มีการแข่งขันสูงและการส่งออกคาดชะลอตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ PER24F ที่ 25.3x, Dividend Yield 24F ที่ 2.4% ความเสี่ยง : ยอดขายและต้นทุน commodities ที่ไม่เป็นตามคาด, ภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซา


SAPPE : คาดกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตทำนิวไฮสูงสุด

เราคาด SAPPE จะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 345 ล้านบาท (+26%YoY, +105%QoQ) จากคาดรายได้เติบโตทั้งในประเทศและส่งออกจากการออกสินค้าใหม่ และการขยายตลาดส่งออกเพิ่มช่องทางจำหน่ายมากขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลางจากช่วงรอมฎอน ตามด้วยทวีปอเมริกาและยุโรป ส่วนทวีปเอเชียอ่อนตัวลงจากเกาหลีใต้ที่ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนส่วนใหญ่ลดลงยกเว้นราคาน้ำตาล โดยบริษัทมีการล็อคราคาแล้วถึงสิ้นปี ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับลดลงโดยเฉพาะ packaging ในส่วน pet rasin ในการผลิตขวด ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงจากสัดส่วนรายได้ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่าย

คาดผลประกอบการยังเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% (CAGR 2024-26F)

เราคาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q24F จะเติบโตต่อเนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อนยาวนาน การท่องเที่ยวกลับมา และการส่งออกในกลุ่มทวีปเอเชียเพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวเริ่มหมดลง ในส่วนทวีปอเมริกาและยุโรปเราคาดยังเติบโตจากการขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เรายังคงประมาณการปีกำไรยังเติบโต 20% (CAGR3y) คาดรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% (CAGR3y) จากคาดการส่งออกเติบโต 20% จากการส่งออกกว่า 98 ประเทศทั่วโลก ขยายตลาดใน Modern Trade และ Traditional trade สำหรับในประเทศคาดเพิ่มขึ้นปีละ 10% จากการทำการตลาดออกสินค้าใหม่ คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากต้นทุน packaging ที่ปรับตัวลดลงโดยบริษัทมีการล็อกราคาต้นทุนน้ำตาลและ pet resin แล้วถึงสิ้นปี

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากโอกาสการเติบโตในการขยายตลาดส่งออกต่อเนื่องทำการตลาดทั้ง offline และ online เข้าถึงช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 105 บาท อ้างอิง PER เฉลี่ยที่ 25X เทียบเท่า PEG 1.3X (eps growth = 20% (CAGR3Y) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PER24F อยู่ที่ 20.4x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยและภูมิภาคที่ 22.4x Dividend Yield 24F อยู่ที่ 3.7% ROE 24F อยู่ที่ 31.8% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E เพียง 0.3X ความเสี่ยง : เศรษฐกิจ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

 

ICHI : คาดกำไรสุทธิ 1Q24F เติบโตทำนิวไฮในรอบ 10 ปี

เราคาด ICHI จะมีกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 338 ล้านบาท (+52%YoY, +15%QoQ) จากคาดรายได้รวมที่ระดับ 2,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +20%YoY และ +4%QoQ โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 2 หลัก จากสินค้าหลักเครื่องดื่มชาเขียวเป็นหลัก ในขณะที่ธุรกิจรับจ้างผลิต OEM ทรงตัวเนื่องจากกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอส่งผลให้บริษัทเน้นผลิตสินค้าตนเองเพิ่มขึ้น และยอดขายต่างประเทศทรงตัว (สัดส่วนรายได้ 7%) จากภาพรวมเศรษฐกิจใน CLMV ยังชะลอตัว ในขณะที่บริษัทร่วมทุนอินโดนีเซียคาดรับรู้กำไรหลังจากบริษัทปรับกลยุทธ์การขายและไตรมาสนี้ไม่มีรับรู้ขาดทุนจากการตั้งด้อยค่าเหมือนใน 4Q23 คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง จากการใช้การตลาดผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า

คงประมาณการเดิม คาดกำไรเติบโตต่อเนื่องจากการพัฒนาสินค้าใหม่

แนวโน้ม 2Q24F คาดกำไรเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่ฤดูร้อนและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เรายังคงประมาณการเดิมปี 2024-25F คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,211 ล้านบาท (+10% YoY) และ 1,380 ล้านบาท (+14% YoY) ตามลำดับ จากการออกสินค้าใหม่ เน้นสินค้าเพื่อสุขภาพ และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค คาดการณ์ธุรกิจ non-tea เพิ่มขึ้น บวกกับเครื่องดื่มพลังงานคาดแบบอนุรักษ์นิยมอยู่ที่ 200 ล้านบาท และปีถัดคาดไปเพิ่มขึ้น 10% คาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23% และ 23.5% ตามลำดับ เนื่องจากการจ้างภายนอกผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท จากกำลังการผลิตไม่เพียงพอและการจ้างผลิตสินค้า energy drink ซึ่งคาดจะมีอัตรามาร์จิ้นต่ำกว่าการผลิตสินค้าเอง คาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปี 2024F อยู่ที่ 16.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 16.8% ส่งผลให้คาดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.5% และ14% ตามลำดับ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 21.00 บาท

คาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากเครื่องดื่มเน้นกลุ่ม healthy trend เพื่อสุขภาพ และยังมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงคาดปี 2024F ที่ 5.3% มากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่มอยู่ที่ 4.0% ในขณะที่ PER24F ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 17.9X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่มอยู่ที่ 21.4X ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 21.00 บาท อ้างอิง PER forward +1STD ของ ICHI เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 22.5X ความเสี่ยง : การแข่งขันเครื่องดื่มสูง, ภาพรวมเศรษฐกิจ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้