Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

126

 

 


DOWNSIDE ของ GDP เปิดอีกครั้ง
ตัวเลขการส่งออกเดือน มี.ค.67 กลับมาสร้างแรงกดดัน โดยปรับลดลง10.9% YOY ต่ำกว่า CONSENSUS ที่คาดว่าจะหดตัว 4.0% ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดทำให้ สศค. ออกมาปรับลดคาดการณ์GDP GROWTH ปี2567 ลงจากเดิม 2.8% มาอยู่ที่ 2.4% ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะทำให้เห็น DOWNSIDE ที่สำนักวิจัยเศรษฐกิจต่างๆ จะออกมาปรับลดประมาณการอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นแรงกดดันของตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามยังมีความหวังเชิงบวก 2 เรื่องคือ ผลประกอบการงวด 1Q67 ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งจากการทำ EARNING PREVIEW พบว่าน่าจะเห็นการเติบโต QOQ อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นการเบิกจ่าย
งบประมาณปี 2567 ที่คาดหมายว่าน่าจะเห็นเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และอาจมีมาตรการกระตุ้นอื่นๆ เสริมตัวเลขการส่งออก และการปรับลดคาดการณ์ GDP น่าจะสร้างแรงกดดันให้SET INDEX ปรับฐานลงได้ แต่DOWNSIDE จำกัด คาดกรอบ1351 –1367 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CPN, TIDLOR และ SCCC

 

 

เศรษฐกิจโลกโตอาจโตช้า กดดันสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้น
วานนี้ ประธานการประชุมเศรษฐกิจโลก (WEF) ได้แสดงมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยกล่าวว่า โลกจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดในรอบ10 ปีหากไม่มีการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจอย่างถูกต้อง โดยมีเหตุผลสนับสนุนว่าอัตราส่วนหนี้สินทั่วโลก (GLOBAL DEBT RATIO) ใกล้แตะระดับสูงสุดตั้งแต่ทศวรรษที่ 1820(ใกล้แตะ 100% ของ GDP โลก) และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อกลับสูงขึ้น (STAGFLATION) โดยคาดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 3.2% ซึ่งแม้จะไม่ถือว่าแย่ แต่ก็ไม่เคยเห็นการเติบโตที่ระดับต่ำเช่นนี้ โดยแนวโน้มการเติบโตเคยอยู่ที่ระดับ 4% มานานหลายสิบปีขณะที่แนวทางการดำเนินนโยบายของ FED ตลาดคาดว่ามีโอกาสคงดอกเบี้ยนานขึ้น ล่าสุดจะเริ่มลดดอกเบี้ย คือ เดือน ก.ย.67 ส่วนในมุมทั้งปี ตลาดยังคาดว่า FEDจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง หรือ 0.25% เท่าเดิม ซึ่งต้องติดตามผลการประชุม FEDวันพฤหัสบดีนี้ที่ตลาดคาดว่าคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.50%(โอกาส 97.6%) ว่าจะเป็นไปตามตลาดคาดหรือไม่

ส่วนประเทศไทย วานนี้ผู้ว่าฯ ธปท. ให้สัมภาษณ์พิเศษ CNBC ย้ำว่าแรงกดดันทางการเมืองจะไม่ทำให้ ธปท.เสียความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย และแม้จะมีแรงกดดันอย่างมากให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ ธปท. ก็ไม่ได้ดำเนินการตามหากไม่ใช่การดำเนินการอย่างเป็นอิสระ โดยชี้แนะว่าเศรษฐกิจไทยต้องเพิ่มการลงทุนมากกว่ากระตุ้นระยะสั้น(ลดดอกเบี้ย) แต่หากมีตัวเลขเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ก็พร้อมที่จะดำเนินโยบายให้สอดคล้องกับภาวะดังกล่าว

สรุป ภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว กดดันสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้น อย่างไรก็ตามเม็ดเงินไม่น่าไหลออกจากไทยมากนัก เนื่องด้วยค่าเงินบาทมีโอกาสน้อยที่จะอ่อนค่าไปมากกว่านี้ ตามส่วนต่างของดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทยที่ยังคงระดับเดิม

เศรษฐกิจไทยเสี่ยงโตต่ำ อาจกดดัน SET ขยับขึ้นยาก
วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงาน ตัวเลขส่งออกไทยเดือน มี.ค. 67 หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน -10.90%YOY ซึ่งติดลบมากว่า CONSENSUS คาดไว้ที่ -4% จากฐานการส่งออกที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดส่งออกมีมูลค่า 24,960.6ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของยอดการส่งออกย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งอยู่ที่เดือนละ21,800 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 26,123.8 ล้านดอลลาร์ ทำให้เดือนมี.ค. ไทยขาดดุลการค้า 1,163.3 ล้านดอลลาร์

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบเป็นรายเดือนมูลค่าส่งออกยังมีการขยายตัวในทุกหมวดสินค้าราว +6.7%MOM สำหรับรายชื่อสินค้าเดือน ก.พ. ที่ขยายตัวได้ดีทั้ง YOY,MOM และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิยางพารา (STA, NER) และอาหารสัตว์เลี้ยง (ITC, ASIAN, AAI, CPF) เป็นต้น

 

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ภาพรวมการส่งออกไทยใน 1Q67 ปรับตัวลดลงราว -0.2%YOYซึ่งหดตัวมากกว่าคาดการณ์ เฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอุตสาหกรรม บวกกับการผลิตฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับประมาณการ GDP GROWTH ของไทยในปี2567เติบโตแค่2.4%YOY (ค่ากลางช่วง1.9-2.9%) ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.8%YOY ทั้งนี้หากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้น้อยลง อาจกดดันให้ SET ขยับตัวสูงขึ้นค่อนข้างลำบาก


สรุป กระทรวงการคลังปรับลดคาดการณ์ GDP GROWTH ของไทยปี 2567 เหลือ2.4%YOY (เดิมคาด 2.8%) หลังมีความเสี่ยงหลักๆ จากภาคส่งออกและการผลิตฟื้นตัวช้า ประเด็นดังกล้าวอาจกดดันให้ SET ผันผวนในช่วงสั้นๆ ได้ภาพ DOWNSIDE เศรษฐกิจรบกวนตลาดสั้นๆ อาจกดดันให้SET ฟื้นตัวช้าหน่อย แนะ SCCC, CPN, TIDLOR

แม้เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ปีนี้จะถูกปรับประมาณลงบ้าง อาจกดดันให้การขยับตัวขึ้นของ SET INDEX ปรับตัวขึ้นได้ช้าลง อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นๆ คอยช่วยพยุงและพลักดัน SET INDEX ให้น่าทยอยสะสมในช่วงนี้อยู่ ดังนี้

1. SET INDEX ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1361 จุด ต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ยที่ระดับมูลค่าซื้อขายต่างๆ ในปีนี้ของ SET INDEX อยู่ที่ 1384 จุด และยังต่ำกว่าระดับ -1SDที่ 1367 จุด ส่วนระดับ -2SD อยู่ที่ 1347 จุด ถือเป็นแนวรับสำคัญทางสถิติในระยะถัดไป

2. แม้ SET INDEX จะบวกแค่ 2 จุด ในวานนี้ (30/04/67) แต่หากพิจารณาเป็นราย SECTOR จะพบว่า มีการย่อตัวเพียง 5 ใน 27 SECTOR เท่านั้น คือETRON -4.51%, PROF -1.43%, PAPER -0.87%, HELTH -0.84%,PF&REIT -0.37% ส่วนอีก 22 SECTOR ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งสิ้น อาทิ
AGRI +2.97%, PERSON +2.85%, TOURISM +1.19%, CONS +1.1%ฯลฯ


3. FUND FLOW ต่างชาติ ยังสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน เม.ย. นี้ โดดเด่นกว่าเพื่อนบ้าน โดยต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน เม.ย. 82 ล้านเหรียญหรือ 2.9 พันล้านบาท โดดเด่นกว่าเพื่อนบ้าน อย่าง ตลาดหุ้นอินโดนีเซียถูกขายสุทธิ -1.16 พันล้านเหรียญ และ ฟิลิปปินส์ -125 ล้านเหรียญ


ทั้ง 3 ปัจจัย แสดงให้เห็นถึง DOWNSIDE SET INDEX เริ่มจำกัด ทั้งจากต้นทุนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปีนี้ การขยับขึ้นมีการกระจายไปในหลากหลาย SECTOR อีกทั้งFUND FLOW ยังมีการทยอยสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย ขณะเดียวกันเริ่มเห็นผลประกอบการงวด 1Q67 ทยอยประกาศออกมาดีและดีกว่าคาดเป็นตัวช่วยหนุนอีกแรง

ส่วนกลยุทธ์ในวันนี้แนะนำ หุ้นมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวเด่น อย่าง หุ้นกำไร 1Q67ออกมาโดดเด่นเหนือคาด CPN, SCCC และหุ้นได้ประโยชน์งบประมาณเบิกจ่ายปี2567 เดินหน้า TIDLOR เป็น TOPPICK ในวันนี้

 

KTB ลดดอกเบี้ย M-RATE ลง 0.25% ช่วยกลุ่มเปราะบาง ...
ส่วน TIDLOR หุ้นแนะนำใหม่วันนี้
เย็นวานนี้ KTB(FV@B19) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยทั้ง MRR, MLR และ MOR ลง0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน (16 พ.ค. – 15 พ.ย. 67) ให้กับกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่มได้แก่ 1.) ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือของ KTB ทั้ง สินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคล 2.) ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท และ 3.)SME รายย่อยที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 10 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10ล้านบาท รวมทั้งสิ้นมากกว่า 3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท

แม้ดูเหมือนเป็นการลดครบทุก M-RATE แต่วงเงินที่เข้าเงื่อนไขกว่า 2 แสนล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 8% ของพอร์ตสินเชื่อ ทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินผลต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 จำกัดราว 200 – 300 ล้านบาท ต่อปี (สุทธิจากภาษี) ขณะที่การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้โทนกลางหลังเป้าหมายทางการเงินส่วนใหญ่ใกล้เคียงสมมติฐานฝ่ายวิจัย จึงคงประมาณการกำไรทั้งปีและคำแนะนำ NEUTRAL โดยตัวเลือกในกลุ่มฯมองไปที่ TTB(FV@B1.98) ตามด้วย KBANK(FV@B148) และ BBL (FV@B175)สำหรับ TIDLOR หุ้น TOP PICK วันนี้ โดยฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิ 1Q67 (งบประกาศ7 พ.ค. 67) เท่ากับ 1.04 พันล้านบาท เติบโต 15% QOQ (+9% YOY) หนุนด้วยแนวโน้ม CREDIT COST ลดลงเหลือ 3.3% (เป้าหมายบริษัทฯ ที่ 3.00% - 3.35%)เทียบกับ 4.3% งวดก่อน (1Q66 ที่ 3.1%) ที่มีการเร่ง WRITE-OFF ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงออกไปบางส่วน ประกอบกับทิศทางสินเชื่อขยายตัว 2.2% QOQ (+20% YOY)
ทั้งนี้ หากกำไรสุทธิ 1Q67 เป็นไปตามคาดจะคิดเป็นสัดส่วน 23% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 4.5 พันล้านบาท (+18% YOY, EPS เติบโต 14% YOY ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของกำไรเพราะการจ่ายหุ้นปันผล) ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดกำไรช่วงที่เหลือของปีเร่งตัว QOQ ตามความต้องการใช้สินเชื่อที่มีแนวโน้มไต่ระดับขึ้น QOQ ดังข้อมูลที่ปรากฎในอดีต และปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หลังงบประมาณเริ่มเบิกจ่ายประเมินบวกต่อพอร์ตสินเชื่อรถบรรทุกมือ 2 ตามความต้องการใช้รถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น และช่วยลดแรงกดดันจากผลขาดทุนรถยึด คงแนะนำOUTPERFORM ให้ FV ปี 2567 ที่ 26 บาท (เทียบเท่า PER ที่ 17 เท่า VS ค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 19 เท่า)


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้