AT THE OPEN (#ATO)
SET แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1370-1390 จุด ตามปัจจัยแวดล้อมที่ผสมผสานเริ่มจากฝั่งสหรัฐฯที่ความกังวลเรื่องปรับลดดอกเบี้ยช้าของ FED กลับมา หลังจาการายงานดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือน มี.ค. อยู่ที่ 50.3 มากกว่าตลาดคาด 48.5 และถือเป็นการกลับมายืนเหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 1.5 ปี ส่งผลต่อ US Bond Yield 2 และ 10 ปีปรับขึ้น 7 และ 11 bps , กดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งบวกลบในช่วง -0.6% ถึง 0.11% ขณะที่ Dollar Index แข็งค่า +0.5% ระยะสั้นมองเป็น sentiment ลบต่อ Fund Flow ไหลเข้าภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยบวกคือราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น 0.5% จากรายงาน PMI ภาคการผลิตจีนและสหรัฐฯเดือน มี.ค. กลับมาขยายตัวและความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่สูงขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นฯ (PTTEP BCP SPRC และ TOP)

ด้านปัจจัยภายในประเทศการประชุม ครม. วันนี้คาดคลังมีการเสนอขยายกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 ไปที่ 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5 แสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในโครงการ Digital Wallet ซึ่งดีต่อกลุ่มค้าปลีก แต่อย่างไรก็ตามอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อเงินบาทอ่อนค่าเนื่องจากความกังวลต่อสถานะการเงินคลังในระยะยาว นอกจากนี้คาดพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท 10 จังหวัดนำร่องในธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่และกระทบต่อกลุ่มโรงแรมไม่มาก กลยุทธ์ Selective Buy ชอบ SCGP KTB

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 1.5 จุด กลุ่มที่ดันตลาดนำโดยกลุ่มปิโตรฯ PTTGC +3.3% IVL +4.2% จากการรายงาน PMI ภาคการผลิตจีนเดือน มี.ค. ฟื้นตัวและดีกว่าตลาดคาด ตามด้วยกลุ่ม ICT ที่ได้แรงหนุนจากการฟื้นกลับ TRUE +2.6% และกลุ่มขนส่งที่กลุ่มสายการบิน BA +3.2% AAV +1.67% ตอบรับเชิงบวกต่อรัฐฯ เตรียมผลักดันร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ต่างชาติซื้อสุทธิ 899 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ SCGP KTB

SCGP สัญญาณชี้นำ Earnings Bottom Out
ยอด PMI ภาคการผลิตเดือน มี.ค. หลายประเทศที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะจีน PMI ภาคผลิต เดือน มี.ค. ที่ 50.8 ยืนเหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนและ ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯเดือน มี.ค. ที่ 50.3 ยืนเหนือ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่ง ชี้นำภาคการผลิตโลกจะกลับมาขยายตัว
เรามองเป็นบวกต่อ SCGP ที่คาดได้ว่าประโยชน์จาก end of de-stocking effect ที่เคยคาดว่าจะเห็น1H24 ช่วยหนุนให้ผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q67 เป็นไปต้นไป สอดรับการส่งสัญญาณของบริษัทที่คาดวอลุ่มขายดีขึ้น โดยกำไรคาดทั้งปีคาดเติบโต 18%YoY สวนทางกับราคาหุ้นที่ -18%YTD จน PER67E ที่ 20 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี กว่า – 1 S.D.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 42.00 บาท

KTB งบ 1Q67 ฟื้นดีและไม่มี Overhang
ประเมิน KTB มีโอกาสกลับมา Outperform กลุ่มจาก 3 เหตุผล
1) กำไร 1Q67 ที่ 1.03 หมื่นล้านเติบโตทั้ง 68% QoQและ 2% YoY (โดดเด่นกว่ากลุ่มธนาคารที่คาดขยายตัว 17%QoQ แต่ทรงตัว YoY) โดยการขยายตัว QoQ จากสำรองหนี้สูญที่ลดลง หลังตั้งสำรอง ITD ไปหมด 100% แล้ว ด้านขยายตัว YoY จาก NII ที่เพิ่มขึ้น
2) โครงสร้างสินเชื่อเสี่ยงต่ำและคุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นคงและมีสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อในระดับสูง
3) Valuation ไม่แพงเพราะซื้อขายบน PBV67 0.55 เท่า และจ่ายปันผลอยู่สูง โดยเราคาดปี 67/68 มีอัตราการจ่ายปันผลที่ระดับ 5.8%/6.3% เป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 21.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชียได้แรงหนุนจาก sentiment บวกตัวเลขเศรษฐกิจจีน PMI ที่รายงานช่วงสุดสัปดาห์ออกมาดีกว่าคาด ในขณะที่เมื่อวานนี้ ต่อเนื่องด้วย Caixin PMI ภาคการผลิต เดือน มี.ค. ที่รายงานเมื่อวาน อยู่ที่ระดับ 51.1 แม้ว่าจะเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ถือเป็นการยืนสูงกว่า 50 ได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
เช่นเดียวกับตัวเลข ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน มี.ค. อยู่ที่ 50.3 สูงกว่าที่ Consensus คาดระดับ 48.3 และดีขึ้นจากระดับ 47.8 ในเดือนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ตอกย้ำภาพเศรษฐกิจโลกเดือน มี.ค. ที่ยังแข็งแกร่ง ในขณะที่ในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี Consensus คาด +1.0% พลิกจาก -3.6% ในเดือนก่อน

EYES ON
2 เม.ย. ยอดสั่งซื้อโรงงาน
3 เม.ย. การจ้างงาน ADP, ISM ภาคบริการ, Caixin PMI ภาคบริการ
5 เม.ย. CPI เดือน มี.ค. ของไทย, การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ