AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ปรับขึ้นตามกรอบ 1380-1395
กลยุทธ์เลือกหุ้น Selective Buy

Market Strategy
SET Index วันนี้คาดยังมี Momentum ไปต่อตามกรอบ 1380-1395 จุด ตามแรงหนุนของตลาดหุ้นโลกที่ยังปรับขึ้นจากธนาคารกลางต่างๆ เริ่มส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย โดยวานนี้ธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) ปรับลดดอกเบี้ยฯ ครั้งแรกในรอบ 9 ปี 0.25% มาที่ 1.5% สวนทางตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ย จากมุมมองเงินเฟ้อที่มาสู่เป้าหมายของ SNB ด้านการประชุมธนาคารอังกฤษ (BOE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยฯ 5.25% และส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยฯในปีนี้ตามมุมมองเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง การส่งสัญญาณข้างต้นหนุนต่อตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น 0.9% และดัขนี FTSE100 ปรับขึ้น 1.8% ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้น 0.2- 0.68% ตอบรับต่อการส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED 3 ครั้งในปีนี้

ประเมินทิศทางดอกเบี้ยฯ ของธนาคารกลางหลักๆของโลกที่กำลังกลับทิศ ทำใหเม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เชื่อว่าตลาดหุ้น ASEAN จะเป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนของ Fund flow ต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดหุ้นบ้านเราที่ได้แรงหนุนจาก Fund flow ในช่วงดอกเบี้ยขาลงรอบก่อนและระดับ Valuation ปัจจุบันอยู่บน PER67E 14.3 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -1 S.D. กลยุทธ์การลงทุนวันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Summary
SET Index ปรับขี้น 14.44 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค นำโดย กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ จาก DELTA +7% HANA +4% จาก US Bond Yield ที่ปรับลง กลุ่มพลังงาน GULF +1.1% GPSC +0.5% ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าและกลุ่ม ICT ADVANC +1.4% TRUE +3.2% ส่วนกลุ่มที่ปรับลงยังเป็นกลุ่มค้าปลีก CPALL -1.35% BJC -1.39% จากความกังวลการแข่งขันของอุตสาหกรรม

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ ADVANC MOSHI

MOSHI Growth Stock กลุ่มค้าปลีก
หุ้น Growth Stock ที่ถูกคาดหมายว่ากำไรเติบโตระดับไม่ต่ำกว่า 30% ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า แรงขับเคลื่อนจาก SSSG ,การเร่งขยายสาขา (ปี 67 บริษัทตั้งเป้าเปิด > 24 สาขา) และประสิทธิภาพการทำกำไรที่ดีขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าและการเปิดสาขาในรูปแบบใหม่ๆ เช่น สาขา Garlic ที่เน้นขายสินค้าตกแต่งบ้านซึ่ง GPM ที่สูงกว่าสินค้าเดิม หรือสาขา Stanalone ที่เปิดในพื้นที่ตรงกลุ่มลูกค้า เช่น มหาวิทยาลัยที่ยอดขายต่อพื้นที่สูงและค่าเช่าถูกเมื่อสาขาในศูนย์การค้า
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER67/68 ที่ 36/28 เท่า สูงกว่ากลุ่มอยู่ค้าปลีกที่ 23/21 แต่เรามองว่าสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับ EPS Growth ปี 67/68 ที่เติบโต 30% ต่อปี มากกลุ่มค้าปลีกถึง 2 เท่าตัว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 61.00 บาท

ADVANC ราคายัง Laggard
คาดกำไรหลัก 1Q67 ขยายตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ โดยการเติบโต YoY หนุนรายได้การบริการที่เติบโต 4% (จากการแข่งขันที่เบาลง) ในขณะที่ การเติบโต QoQ ควรหนุนจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง (เช่น ค่าใช้จ่ายการตลาด และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโบนัส) ส่วนกำไรหลักทั้งปี 67 (ไม่รวม 3BB) เติบโต 11% จากรายได้ที่โต 3% และค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างทรงตัว
ราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยบวกเรื่องกำไรสะท้อนจากผลตอบแทน -3.7%YTD ระยะถัดไปมีปัจจัยบวกจากผู้ประกอบการทีวี ดิจิตัลเสนอ กสทช.ไม่นำคลื่น 3500 MHz ออกมาประมูลกับให้ผู้บริการมือถือ ซึ่งเป็นUpside ต่อประมาณการ ADVANC ที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะปัจจุบันมีคลื่นที่พร้อมรองรับอยู่แล้ว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 251.00 บาท

KEY FACTOR
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ 1) S&P Global PMI ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 52.5 สูงกว่าที่ Consensus คาด 51.8 ส่วนภาคบริการอยู่ที่ระดับ 51.7 ใกล้เคียงกับที่ Consensus คาด 52 สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง 2) HCOB PMI เดือน มี.ค. ของ Eurozone ภาคการผลิต 45.7 ต่ำกว่า Consensus คาด 47 จุด ส่วนภาคบริการ 51.1 สูงกว่าที่ Consensus คาดไว้เล็กน้อยระดับ 50.0
ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ภาคการผลิตฟื้นตัวเด่น เช่นเดียวกับภาคบริการแม้จะต่ำกว่าคาด แต่ยังยืนเหนือ 50 ในขณะที่ฝั่ง Eurozone ที่ดีเฉพาะภาคบริการ ถือว่าสะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังผสมผสาน และยังน่ากังวลสำหรับฝั่งยุโรปต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น
ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ผ่านพ้นการพิจารณางบฯ ในสภาผู้แทนสองวัน และลำดับถัดไปคือการเสนอเข้าพิจารณาในวุฒิสภา บวกกับจะมีการรายงานตัวเลขส่งออกของไทย ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า

Eyes on
22 มี.ค. พิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณปี 67 ต่อ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ