AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักตามกรอบ 1380-1390
กลยุทธ์เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1380 – 1390 จุด ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 1.7% หลังอิรักเตรียมปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือนถัดไปและรายงานส่งออกน้ำมันดิบซาอุฯในเดือน ม.ค. ที่ลดลง นอกจากนี้ยังได้ประเด็นบวกจากจีนรายงานการลงทุนใน Fixed Asset เดือน ก.พ. ขยายตัว 4.2%YoY มากกว่าตลาดคาด 3.2%YoY และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. ขยายตัว 7%YoY ดีกว่าคาด 5.3%YoY เราเชื่อว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำ PTTEP และโรงกลั่น SPRC BCP และ TOP

แต่อย่างไรก็ตามการประชุม BOJ ในวันนี้ติดตามว่าจะส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยฯจากปัจจุบัน -0.1% รวมถึงการยุติการใช้มาตรการ Yield Curve Control หรือไม่ มองเป็นปัจจัยที่สร้างส่งความผันผวนต่อค่าเงินเยนและภูมิภาค ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯอยู่ในช่วงรอผลการประชุม FED ซึ่งล่าสุดตลาดค่อยๆลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยให้มาใกล้เคียงกับ FED ที่ 4.75% ทำให้ Dollar Index แข็งค่าและ Bond Yield 2 ปีขึ้นทำจุดสูงสุดของเดือนที่ 4.73% ส่วนค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าที่บริเวณ 35.9 บาท/USD การเคลื่อนไหวข้างต้นเรามองเป็นปัจจัยที่ทำให้ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังอยู่ในช่วงชะลอการไหลเข้าซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้การปรับขึ้นของ SET Index ในระยะนี้ยังจำกัด

Market Summary
SET Index ลบเล็กน้อย -0.1 จุด โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นส่วนใหญ่มาจากรีบาวน์หลังลงแรงไปเมื่อวันศุกร์ อาทิ กลุ่มอิเล็คฯ +2.4% กลุ่ม ICT +0.6% ส่วนบริษัทอื่นๆ BCH +1.38% จากกำไร 67E มีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากลุ่มแต่ราคาหุ้น Laggard CRC +2.8% จากความกังวลเรื่องการลงทุนห้างยุโรปลดลงและ RBF +4.5% สวนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มเหล็ก-3% จากแรงขายทำกำไร

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ ADVANC TOP

TOP 3 ปัจจัยขับเคลื่อนราคา
ราคาหุ้นมีแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย
ค่าการกลั่นที่ 1Q67 อยู่ในระดับสูงและเชื่อว่ายังมีโอกาสขยับขึ้นได้หนุนจากความตึงตัวด้าน Supply เพิ่มขึ้นจากยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันรัสเซีย
ทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ยังเชื่อว่าจะทรงตัวสูงจาก Demand ที่เพิ่มขึ้นและ Supply ของ OPEC+ ที่ขยายการลดระยะเวลาการผลิตไป 2Q67
สเปรดสายอโรเมติกส์มีสัญญาณฟื้นตัวจาก Asian PX,BZ Spread ที่ได้แรงหนุนจากจีนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงซ่อมบำรุงและการกลับมา Restocking
3 ปัจจัยบวกข้างต้นเชื่อว่าจะหนุนต่อผลประกอบการ 1Q67 และราคาหุ้นยังเดินหน้าขึ้นต่อหลังปัจจุบันซื้อขายบน PBV ต่ำเพียง 0.75x
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท

ADVANC กำไรจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ 1Q67
คาดกำไรหลัก 1Q67E จะขยายตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ โดยการเติบโต YoY หนุนรายได้การบริการที่เติบโต 4% (จากการแข่งขันที่เบาลง) ในขณะที่ การเติบโต QoQ หนุนจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง (เช่น ค่าใช้จ่ายการตลาด และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโบนัส) ขณะที่กำไรปี 67 เราเติบโต 11% จากรายได้ที่เติบโต 3% (ไม่รวม 3BB) และค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างทรงตัว (ไม่รวม 3BB) ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนการปัจจัยบวกข้างต้นสะท้อนจากผลตอบแทน -3.7%YTD สวนทาง TRUEที่ +58%YTD
ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากผู้ประกอบการทีวีดิจิตัลไม่นำคลื่น 3500 MHz ออกมาประมูลกับให้ผู้บริการมือถือ ซึ่งเรามองเป็นบวกและ Upside ต่อประมาณการ ADVANC ที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะปัจจุบันมีคลื่นที่พร้อมรองรับอยู่แล้ว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 251.00

KEY FACTOR
ในวันนี้ตลาดหุ้นเอเชียน่าจะกลับมาให้น้ำหนักปัจจัยในภูมิภาค ซึ่งจะมีการประชุม BOJ ครั้งสำคัญที่มุมมองตลาดบางส่วน (Consensus ประมาณ 28% จากทั้งหมด) เริ่มให้น้ำหนักว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี และยุติการใช้มาตรการการเงินผ่อนคลายที่ต่อเนื่องมานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังสหภาพแรงงานบรรลุข้อเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าแรง มากที่สุดในรอบหลายสิบปี สะท้อนจากประมาณการที่ถูกส่งเข้ามาหลังการประกาศปรับขึ้นค่าแรง 9 ใน 12 หรือประมาณถึง 75% ให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ หากมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินสวนทางกับ Consensus อาจกดดันให้ตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งหุ้นไทย ผันผวนสูงในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจากค่าเงินเยนที่อาจพลิกกลับมาแข็งค่า

EYES ON
20 มี.ค. การประชุม FOMC, พ.ร.บ. งบประมาณปี 67 เข้าพิจารณาในสภาผู้แทนฯ วาระ 2-3
21 มี.ค. S&P Global PMI สหรัฐฯ, ยอดขายบ้านมือสอง, HCOB PMI ของ Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ