SPALI : ประเด็นสำคัญจากการประชุม Opportunity Day SET
เป้าหมายการเติบโตที่รวดเร็วด้วยแผนการเปิดตัวที่แข็งแกร่ง
SPALI ทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายยอดจองปี 2023 เล็กน้อย (2.88 หมื่นล้านบาท) แต่ยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทในปี 2024 การเปิดตัวจะกระจุกตัวกันอย่างหนักในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ งบการซื้อที่ดินที่เพิ่มขึ้น (8 พันล้านบาท) เป็นปัจจัยหนุนแผนขยายธุรกิจของบริษัทโดยยังคงต้องรักษางบก่อสร้างไว้ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเปิดตัว 5 หมื่นล้าน ในการเปิดตัว 42 โครงการ

แผนการออกหุ้นกู้ของ SPALI มีความมั่นคงแม้จะมีความผันผวนของตลาด
การออกหุ้นกู้ของ SPALI กำลังเป็นไปตามแผน โดยมีการจองซื้อมากเกินยอด ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนในตลาด
แม้จะมีการชะลอของตลาด แต่บริษัทก็มองเห็นโอกาสในการแย่งส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นด้วยวงเงินสินเชื่อมูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท จากธนาคารพาณิชย์เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท

ผลการดำเนินงาน 4Q23 แข็งแกร่ง โดยเน้นโครงการ low-rise
สัดส่วนส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มโครงการ low-rise ยังคงแข็งแกร่งที่ 66% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรใน 4Q23 ต่ำที่สุดในปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลงทุนในออสเตรเลีย อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิที่ 44% โดยมีต้นทุนหนี้ที่ไม่แพงซึ่งสามารถจัดการได้ แต่ต้องมีการดูแลติดตาม อย่างไรก็ตาม SPALI ยังคงมีวงเงินสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการครบกำหนดไถ่ถอนของพันธบัตรที่กำลังจะมาถึงนั้นอยู่ภายใต้การควบคุม การออกพันธบัตรในตลาดในวงกว้างจะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ไม่ได้รับการประเมินความเสี่ยงหรือมีความน่าเชื่อถือต่ำมากกว่า ทั้งนี้ บริษัทมีการเสนอจ่ายเงินปันผลที่ 0.75 บาท/หุ้น

ความเสี่ยงที่สำคัญและการถามตอบ
SPALI เผชิญกับความเสี่ยงหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเติบโต ซึ่งรวมถึงความสนใจของลูกค้าที่ซบเซาซึ่งส่งผลต่อยอดขาย และ backlog ของคอนโดที่ลดลงซึ่งบ่งบอกถึงความท้าทายในอนาคต นอกจากนี้ แม้ว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศจะเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายคอนโดของ SPALI แต่นักลงทุนกลับกังวลถึงความกังวลเกี่ยวกับคอนโดศุภาลัย ไอคอน ใหม่; หากยอดขายเพิ่มขึ้นจากโครงการนี้จะทำให้ภาพรวมของ SPALI สดใสขึ้นอย่างมาก

คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ SPALI โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 26.00 บาท
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ SPALI แสดงให้เห็นได้จากความสำเร็จในการออกหุ้นกู้และความมั่นใจของนักลงทุน ถือเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับแผนการขยายตัวที่ท้าทายของบริษัท แม้ว่าตลาดจะยังมีความท้าทายอยู่ก็ตาม การมุ่งเน้นของบริษัทไปที่กลุ่มโครงการ low-rise และกลยุทธ์การซื้อที่ดินเชิงรุกทำให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม การจัดการความเสี่ยงเชิงรุกและการมุ่งเน้นที่การดำเนินการขายจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตและส่งมูลค่าให้กับนักลงทุน