Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : SCC แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 320 บาท

333


SCC คำแนะนำซื้อ
ราคาปิด 267 บาท ราคาพื้นฐาน 320 บาท
โครงการ LSP เป็น Key growth ในระยะยาว

 

- บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิ 1,135 ล้านบาท ใน 4Q23 ต่ำ กว่าที่เราและตลาดคาดไว้การขาดทุนเกิดจาก 1) ตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุนโรงงานซีเมนต์ในเมียนมา 1.6 พันล้านบาท 2) ขาดทุนสต็อก 492 ล้านบาท และ 3) ปริมาณขายปิโตรเคมีลดลง จากการปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ผลดำเนินงานปกติยังเป็นกำไรได้ที่ 209 ล้านบาท เนื่องจากราคาพลังงานและต้นทุนดำเนินงานลดลง รวมถึงยอดขายบรรจุภัณฑ์ในจีน อินโดนีเซีย และเวียดนามดีขึ้น สำหรับEBITDA รวมอยู่ที่ 9.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +51%YoY แต่อ่อนลง -17%QoQ


- ประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2H23 เท่ำกับ 3.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 4 เม.ย.24


-ธุรกิจซีเมนต์งวด 4Q23 ดีขึ้น YoY และ QoQ แม้ว่ายอดขายซีเมนต์ในไทย เวียดนาม และกัมพูชาจะลดลง แต่ยอดขายในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมาก (+15%YoY) ต้นทุนพลังงานและค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง เช่น ต้นทุนถ่านหินและไฟฟ้าต่ำลง รวมถึงความต้องการใช้กรีนซีเมนต์ (ซีเมนต์เทำที่คาร์บอนต่ำ) สูงขึ้น ราคาซีเมนต์ในประเทศเพิ่ม+5%YoY, ทรงตัว QoQ ยังผลให้ EBITDA จากการดำเนินงำนเพิ่มขึ้น +37%YoY และ +25%QoQ เป็น 4.03 พันล้านบาท


- ธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนแอใน 4Q23 ทั้งจากปริมาณขายและมาร์จิ้นลดลง เนื่องจากอุปสงค์ในจีนชะลอตัว หลายประเทศลดการระดับสต็อก และมีอุปทานใหม่เข้ำมำ

 

- ธุรกิจธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 4Q23 ฟื้นตัว จกอุปสงค์เพิ่มและการแข่งขันด้านราคาลดลง กำไรสุทธิSCGP ฟื้นตัว+171%YoY, -18%QoQ เป็น 1.2 พันล้านบาทการเพิ่ม YoY มาจาก 1) การแข่งขันด้านราคาบรรจุภัณฑ์กระดาษในอินโดนีเซียลดลง, 2) ปริมาณขำยเพิ่มขึ้น และ 3) บริหารต้นทุนได้อย่างมีปรสิทธิภาพ ส่วนการลด QoQ เป็นเพราะดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเพิ่มขึ้น รวมถึงมีขาดทุน FX 100 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ด้วย สำหรับ Core EBITDA งวด 4Q23ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อยู่ที่ 4.16 พันล้านบาท เติบโต +15%YoY และ +4%QoQ

- มองไปข้างหน้า...จะมีอุปทานใหม่ของ PE และ PP เข้ามาเพิ่มในช่วงปี 24-25 ซึ่งทำให้มาร์จิ้น PE ลงไปต่ำกว่าระดับคุ้มทุน แต่คาดว่ามาร์จิ้นจะฟื้นได้ใน 2H24Fเมื่อผู้ประกอบการ PE ลดการผลิตหรือหยุดกำรผลิตเพราะมาร์จิ้นต่ำมาก รวมถึงความต้องกำรซื้อในอินโดนีเซียค่อยๆฟื้นตัว ส่วนอุปสงค์ไวนิลยังอ่อนแอเพราะวิกฤตอสังหาฯในจีนและการลดระดับสต็อกของหลายประเทศ ด้ำนซีเมนต์ในประเทศ ผู้บริหารคาดว่าอุปสงค์จะเติบโต 3-4%YoY ในปี
24Fจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล และอุปสงค์ในอินโดนีเซียเติบโตต่อจากปลายปีก่อน


- โครงการปิโตรเคมีLSP หนุนการเติบโตระยะยาวเราคาดว่ามาร์จิ้นปิโตรเคมีจะยังอ่อนแอต่อในปี 24Fเพราะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มใน 2H24F ธุรกิจของ LSP คาดว่าจะขาดทุนในระยะสั้น เพราะอัตราการใช้กำลังกำรผลิตต่ำกว่าระดับคุ้มทุน (อยู่ในช่วง test run), วัตถุดิบที่ใช้ทั้งหมดเป็นแนฟทา ซึ่งมีราคาสูงกว่าโพรเพน อย่างไรก็ดีด้าน EBITDA น่าจะเป็นบวกได้เมื่อพิจารณาจากมาร์จิ้น PE/PP ที่ 360/300 US$/ตัน (ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 360/350 US$/ตัน) รวมทั้ง SCC มีผลิตภัณฑ์ที่เป็น HVA มากขึ้น (ซึ่งราคาสูงกว่าเกรดทั่วไป 100-150 US$/ตัน) เราคาดว่าโครงการLSP จะเป็นปัจจัยหนุนธุรกิจปิโตรเคมีในระยะยาวเมื่อสามารถใช้ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาและโพรเพนร่วมกันในระดับที่เหมาะสม


-การอ่อนตัวของราคาเป็นจังหวะซื้อ SCC โดยให้ราคาพื้นฐานปี24 ไว้ที่326 บาท ธุรกิจซีเมนต์คาดว่าจะดีขึ้นใน 2H24F หลังรัฐบาลใหม่เร่งลงทุน, ต้นทุนพลังงานลดลง ทั้งถ่านหินและไฟฟ้า, มาร์จิ้น PE ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอุปสงค์ธุรกิจบรรจภัณฑ์อยู่ในโมเมนตัมเติบโต


นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethb@th.dbs.com : Tel. 02 857 7833

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้