กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักลงทุน Neutral
ถึงเวลาเลือกซื้อ
-กำไรสุทธิปี 66 เติบโตดี YoY...BBL เติบโตดีสุด ธนาคารพาณิชย์ที่เราวิเคราะห์ 7 แห่งมีกำไรสุทธิ4Q66รวม 42.7พันล้านบาท เติบโต 28.9%YoY แต่ลดลง -15.4%QoQ และทั้งปี 66 มีกำไรสุทธิ 195.4 พันล้านบาท ขยายตัว+18.2%YoY ปัจจัยหนุน คือ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น โดย BBL มีกำไรสุทธิดีที่สุด เพราะ NIM เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่กำไรสุทธิ KKP แย่สุดจากปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ ทั้งนี้ BBL, KBANK, KTB และ KKP รายงานผลประกอบการ 4Q66 ที่แย่กว่าคาด ส่วน TTB และ SCB มีกำไรสุทธิ 4Q66 ดีกว่าคาด ขณะที่ TISCO มีกำไร 4Q66เป็นไปตามคาด
- 4 ปัจจัยที่เป็น Highlight ปี 66 ประกอบด้วย 1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น จาก Yield และ NIM สูงขึ้นในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่สินเชื่อทรงตัว 2) รายได้ Fee โดยรวมลดลง เพราะภาวะตลาดทุนชะลอตัว, 3) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยต่ำลงจากรายได้ Fee ที่อ่อนลและกำไรจากการตีมูลค่าเงินลงทุนลดลง และ 4) Credit cost และ Coverageratio โดยรวมเพิ่มขึ้น เพราะยังคุณภาพสินทรัพย์ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายต่อในปี 67
-ปรับลดน้ำหนักลงทนุ เป็น Neutral โดยให้ TTB และ BBL เป็นหุ้น Top picks ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยของไทยได้Peak ไปแล้วใน 4Q66เราคาดว่า Yield ของธ.พ.จะทรงตัวในปี 67F ส่วนต้นทุนการเงินค่อยๆ ขยับขึ้นและกดดัน NIMเราคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และก าไรสุทธิปี 67F ของกลุ่มแบงค์จะเติบโตชะลอลง นอกจากนั้นความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังมีอยู่ ทำให้คาดว่าจะยังตั้งสำรองฯสูง (แต่จะน้อยกว่าปี 66) ด้านรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย(Non-NII) มีความไม่แน่นอน ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุน แต่อย่างไรก็ตาม หุ้นธ.พ.ซื้อขายที่ P/BV ต ่ากว่า 1เท่า ขณะที่จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ สำหรับ TTB มีความโดดเด่นเรื่องการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ กำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตดีกว่ากลุ่ม เนื่องจากมีผลขาดทุนจากการปิด TBANK มาเครดิตภาษีได้ (ณ สิ้นปี 66 เหลือ 15.5 พันล้านบาทซึ่งจะทยอยใช้ไปถึงปี 2571) รวมทั้งจ่ายปันผลสูง ด้าน BBL มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และก าไรสุทธิปี 67Fเติบโตสูง และมี Valuation จูงใจ
นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@th.dbs.com : Tel. 02 857 7837