***2Q66 ปรับราคาขายเพิ่ม แนวโน้มต้นทุนลดลง***
Key Point
ปี 67 จะรับรู้กำไรจาก บ.เงินสดทันใจเต็มปี หลังจากซื้อคืนมาจาก ธ.ออมสิน และทำให้สินเชื่อเติบโตสูงมากจากการรวมสินทรัพย์ และหนี้สินของ บ.เงินสดทันใจเข้ามาในงบของ SAWAD ยังคาดปี 67 สินเชื่อจะยังเติบโตได้จากการเปิดสาขาเพิ่ม 300 – 400 สาขา รวมไปถึงอาจจะได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากผู้ประกอบการรายเล็กจากการจำกัดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของ NPL และ สัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่น้อยกว่ากลุ่มยังเป็นความเสี่ยง คงประมาณการ และราคาพื้นฐาน ยังแนะนำ “ซื้อ”

  SAWAD ได้มีการซื้อหุ้นของ บ. เงินสดทันใจ 49% คืนจาก ธ. ออมสิน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 66 โดยภายหลังจากการซื้อคืนทำให้ SAWAD ถือหุ้น บ.เงินสดทันใจเพิ่มเป็น 98% ของหุ้นทั้งหมดของ บ. เงินสดทันใจ และได้เริ่มมีการรับรู้รายได้ตั้งแต่ 3Q66 ซึ่งจะทำให้ในปี 66 SAWAD สามารถรับรู้รายได้จาก บ.เงินสดทันใจ 2 ไตรมาส ในขณะที่ปี 67 จะรับรู้เต็มไป ซึ่งทำให้ทางฝ่ายมองว่าจะเป็นส่วนช่วยให้รายได้รวมไปถึงกำไรของ SAWAD เพิ่มสูงขึ้น

จากการซื้อคืน บ.เงินสดทันใจ และได้มีการรวมสินทรัพย์ และหนี้สินของ บ.เงินสดทันใจเข้ามาในงบของ SAWAD ในสิ้น 2Q66 และทำให้สินเชื่อรวมทะลุ 1 แสนลบ. และทำให้สินเชื่อเติบโตเป็น 55% ytd จากสิ้น 1Q66 ที่สินเชื่อเติบโต 17.1% ytd ใน 3Q66 SAWAD มีสินเชื่อเติบโตถึง 64.1% ytd และทางฝ่ายคาดว่าในปี 67 สินเชื่อของ SAWAD จะยังคงเติบโตต่อเนื่องได้ จากแผนการเปิดสาขาเพิ่มอีกปีละ 300 – 400 สาขา ประกอบกับการจำกัดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ โดยจำกัดรถยนต์ใหม่ให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ต่อปี รถยนต์มือสองไม่เกิน 15% ต่อปี และรถมอเตอร์ไซค์ไม่เกิน 23% ต่อปี จะทำให้ SAWAD มีโอกาสที่จะได้ส่วนแบ่งตลาดโดยเฉพาะในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่โดนจำกัดไว้ไม่ให้เกิน 23% นั้นถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าที่ผู้ประกอบการเคยคิดอยู่ที่เกิน 30% ขึ้นไปค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้ประกอบการรายเล็กดำเนินธุรกิจได้ยากในขณะที่ต้นทุนทางการเงินจะปรับตัวสูงขึ้น ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

  ณ สิ้น 3Q66 SAWAD มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL อยู่ที่ 58.4% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม FIN ที่ทางฝ่ายทำการศึกษาที่มีอยู่ 102.4% ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามทาง SAWAD ได้ให้ข้อมูลว่าด้วยโครงสร้างสินเชื่อในปัจจุบันสัดส่วนนี้มีความเพียงพอ อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของ NPL ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 65 ที่มีอยู่ 2.35% มาเป็น 2.63% ณ สิ้น 3Q66 ทำให้ SAWAD มีการตั้งสำรองในปี 66 ไปแล้ว 1.1 พันลบ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9M65 ที่มีการกลับสำรอง 70 ลบ. และคาดว่าทั้งปี 66 SAWAD จะมีการตั้งสำรอง 1.5 พันลบ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่มีการตั้งสำรอง 78 ลบ. อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปี 67 คาดว่าการตั้งสำรองจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 พันลบ.

 ถึงแม้ทางฝ่ายจะคาดว่าการตั้งสำรองของ SAWAD ในปี 67 จะเพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นไปก่อนหน้า แต่การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยน่าจะสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของการตั้งสำรอง และต้นทุนทางการเงิน ทำให้คาดว่ากำไรปี 67 ของ SAWAD จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นได้ 7.1% y-y เป็น 5.4 พันลบ. จากปี 66 ที่คาดว่าจะมีกำไร 5.1 พันลบ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 65 13.1% y-y ยังคงราคาพื้นฐาน 51 บาท และยังแนะนำ “ซื้อ

อดิสรณ์ มุ่งพาลชล
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ # 18577
โทร: 66 2 635 1700 # 497