Today’s NEWS FEED

News Feed

HoNews : PTG ปี 63 พร้อมทุ่มงบ 4.5-5 พันลบ. ลั่นปริมาณขายน้ำมันโต 20%

2,384

HoNews : PTG ปี 63 พร้อมทุ่มงบ 4.5-5 พันลบ. ลั่นปริมาณขายน้ำมันโต 20%

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 พฤศจิกายน   2562) "พิทักษ์ รัชกิจประการ" แม่ทัพใหญ่ PTG คาดปี 63 ปริมาณขายน้ำมันโต 20% จากปีนี้ หลังขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่ม พร้อม ทุ่มงบกว่า 4.5-5 พันลบ. รุกขยายสถานีบริการน้ำมันต่อเนื่อง ด้านปริมาณขายปีนี้โต 16-20% ตามเป้า หลัง 9 เดือนแรกเติบโตได้แล้ว 20% 

 

 

 

 

 

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สำหรับปี2563 บริษัทฯคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโต 20% จากปีนี้ หลังบริษัทฯมีแผนขยายสถานีให้บริการน้ำมันเพิ่ม โดยบริษัทฯวางงบลงทุน 4,500-5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้สำหรับขยายสถานีให้บริการน้ำมัน 3,500 ล้านบาท เพิ่มอีก 150 แห่ง และสถานีให้บริการ LPG เพิ่มอีก 50 ส่งผลให้สิ้นปีหน้ามีสถานีให้บริการทั้งสิ้น 2,200 แห่ง จากสิ้นปีนี้อยู่ที่ 2,000 แห่ง

 

 

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil ซึ่งใช้งบลงทุนราว 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับลงทุนอย่างอื่นในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือเป็นหลัก โดยสิ้นสุด 9 เดือนแรกบริษัทฯมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท

 

 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯคาดว่าปี2563 ยอดขายจากสาขาเดิม(SSSG)จะเติบโต 6% จากสิ้นปี 2562 ที่คาดว่าจะเติบโต 6-7% ซึ่งเป็นการเติบโตสวนทางกับตลาดที่มีการเติบโตเพียงแค่ 2-3% เท่านั้น หลังบริษัทฯมีการขยายสถานีบริการน้ำมันไปยังกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้น รวมทั้งยังมีการปรับรูปแบบโมเดลธุรกิจใหม่

 

 

 

 

นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมั่นใจปริมาณจำหน่ายน้ำมันปี 2562 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ 16-20% หลัง 9 เดือนแรกบริษัทฯสามารถสร้างการเติบโตได้แล้ว 20% ส่วนรายได้ปีนี้บริษัทฯยอมรับว่าจะทำได้เพียง 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 1.4 แสนล้านบาท หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

 

 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มั่นใจในปี 2562 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จะเติบโต 40-50% จากปี 2561 เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่มีความผันผวนมากนัก ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้ายอดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี 2562 จะเติบโต 16-20% จากปี2561 ที่มียอดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 3,921 ล้านลิตร เนื่องจากแบรนด์ของบริษัทมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการสูงขึ้น ประกอบกับฐานลูกค้าใหม่ที่มีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้ความต้องการน้ำมันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

อีกทั้ง บริษัทยังได้มีกิจกรรมเพิ่มยอดขายของสถานีบริการน้ำมันเดิม พร้อมทั้ง วางแผนขยายสถานีบริการใหม่ให้เพิ่มเป็น 2,000 สาขา จากปี 2561 ที่มีสถานีบริการน้ำมันอยู่ที่ 1,883 สาขา โดยบริษัทจะเน้นการขยายสาขาในทำเลที่สามารถรองรับการให้บริการ non-oil อื่น ๆ ให้แก่ลูกค้า เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

 

 

นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทยังคงเป้างบลงทุนอยู่ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท เพื่อใช้รองรับการขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้รองรับธุรกิจใหม่ และบริษัทยังเดินหน้าเน้นการขยายสถานีบริการในรูปแบบ Flagship เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

 

“ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้า EBITDA เติบโต 40-50% พร้อมด้วยยอดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่คาดว่าจะเติบโต 16-20% ตามที่วางแผนไว้ หลังจากค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ประกอบกับสถานีบริการน้ำมันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังได้ผลบวกจากนโยบายภาครัฐที่จะบังคับใช้ในช่วงต้นปีหน้า ในการเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในน้ำมันดีเซล 10 % หรือ B10 จากเดิม B7 ทำให้ความต้องการน้ำมันไบโอดีเซลขยายตัว โดยในปัจจุบันโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ก็ได้เตรียมพร้อมเดินเครื่องเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่” นายพิทักษ์ กล่าว

 

 

 

 


PTG อวดกำไร Q3/62 ทะยานฟ้า 23,393.4% หลังค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้น -ธุรกิจ NonOil หนุน

 

 

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/62 EBITDA และกำไรสุทธิพีทีจีมี EBITDA เท่ากับ 1,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.4% จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน โดยเกิดจากค่าการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น จากราคาค้าปลีกน้ำมันที่มีการปรับตัวได้สอดคล้องกับต้นทุน การผลักดันธุรกิจ NonOil อย่างต่อเนื่อง และมาตรการลดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่พีทีจีวางไว้คือ EBITDAเติบโต 40- 50% แต่ EBITDA ลดลง 14.0% จากไตรมาสที่แล้ว เนื่องด้วยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ส่งผลให้กำไรสุทธิ เท่ากับ 258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,393.4% จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน แต่ลดลง39.4%

 

จากไตรมาสก่อน โดยพีทีจีมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.15 บาท เพิ่มขึ้นจาก 0.00 บาท ของไตรมาสเดียวกันปี ก่อนแต่ลดลงจาก 0.26 บาท ของไตรมาสก่อน รายได้จากการขายและการให้บริการ เท่ากับ 28,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากปี ก่อน มาจาก 1. ปริมาณการจ าหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,131 ล้านลิตร เติบโตขึ้น 21.0% จากช่วงเดียวกันของปี ที่แล้ว สูงกว่าเป้าหมายที่พีทีจีตั้งไว้ที่ 16 - 20% และ 2. การพัฒนาและผลักดันธุรกิจ Non-Oil เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

โดยปัจจุบันพีทีจีมีสาขาธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 600 สาขา ซึ่งรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เติบโต 27.3% จากปี ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายและการให้บริการลดลง 10.5% จากไตรมาสก่อน เกิดจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ลดลง 5.9% จากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาล

 


ต้นทุนการขายและการให้บริการ เท่ากับ 26,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปี ก่อน โดยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำามันที่เพิ่มขึ้นดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น แต่ต้นทุนการขายและการให้บริการลดลงจากไตรมาสที่แล้ว 10.8% ซึ่งลดลงมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจากระดับ 65.0 - 74.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 51.1 -62.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ประกอบกับในปี นี้ราคาค้าปลีกน้ำมันปรับตัวได้สอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมันได้ดีขึ้น ส่งผลให้พีทีจีมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 2,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% จากปี ที่แล้ว แต่ลดลง 7.7%จากไตรมาสที่แล้ว จากปริมาณการขายที่ลดลงดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น โดยสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมันเท่ากับ 87.1% และธุรกิจ Non-Oil เท่ากับ 12.9%

 

 

 

กูรูเคทีบีฯ แนะซื้อ PTG เคาะเป้า 27.75 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" PTG ประเมินราคาเป้าหมายที่ 27.75 บาท อิง PER ที่ 25 เท่า (+0.5SD above 5-yr average PER) หรือคิดเป็น PEG ที่ 0.4 เท่า (CAGR ที่ 62% ในปี 2019E-2020E) เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ earnings outlook ของ PTG หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (19 พ.ย.) โดยมี 3 ประเด็นที่น่าสนใจคือ

 

 

1) ผู้บริหารยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ คือ volume จะเติบโตได้ไม่ต่ำ 20% YoY และ ค่าการตลาด 4Q19 จะยังคงอยู่ในระดับสูง (1.85-1.90 บาทต่อลิตร

 

2) Palm complex สามารถเดินเครื่องในระดับ 95% โดยภายในเดือน ม.ค. 2020 จะเดินได้เกิน 100% และ

 

3) มีแผนจะนำบริษัทลูกทั้ง LPG และ palm complex เข้าตลาดฯ ปี 2021 เรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนดังนั้นเรายังคงประมาณกำไรสุทธิ 2019E/20E โต 151%/18% YoY และประเมินกำไร 4Q19E จะอยู่ในระดับ 300 ล้านบาท (+80% YoY, +16% QoQ)

 

 

 

 



กำไร 3Q19 เติบโตเด่น YoY ตามคาด ผู้บริหาร PTG เผยยังเชื่อว่าผลประกอบการในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ คือ คาดว่า volume จะเติบโตได้ไม่ต่ำ 20% YoY ในขณะที่ยังประค่าตลาด 4Q19E ยังอยู่ในระดับที่ดี 1.85-1.90 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3Q19 ที่อยู่ประมาณ 1.80 บาทต่อลิตร นอกจากนี้ palm complex สามารถเดินเครื่องในระดับ 95% และภายในเดือน ม.ค. 2020 จะเดินได้เกิน 100% หลังจากมีติดอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

 

 

โดยผู้บริหารเชื่อว่าการที่รัฐบาลมาส่งเสริมน้ำมัน B10 แทน B7 เป็นน้ำมันมาตรฐานในปี 2020 นั้นจะช่วย palm complex ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากราคา B100 ที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการเพื่อไปผสมเป็นน้ำมัน B10 และยังตั้งเป้าที่จะนำบริษัทลูกทั้ง LPG และ palm complex เข้าตลาดฯ ปี 2021

 

 

คาดกำไร 4Q19E จะอยู่ระดับ 300 ล้านบาท +80% YoY.+16% QoQ,เรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมทุกอย่างยังเป็นไปตามเป้าในปีนี้ ปริมาณ volume ยังเติบโตตามที่ผู้ให้ไว้โดย 9M19 volume อยู่ที่ 3.4 พันล้านลิตร +20% YoY ซึ่งเราประเมินปริมาณ volume ใน 4Q19E จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านลิตร +20% YoY ได้ ในขณะที่ค่าการตลาดยังอยู่ระดับ 1.85-1.90 บาทต่อลิตร ประเมินกำไร 4Q19E จะอยู่ในระดับ 300 ล้านบาท

 



คงประมาณกำไรสุทธิ 2019E/20E โต 151% YoY และ 18% YoY เราคงประมาณกำไรสุทธิปี 2019E/20E ที่ 1,572 ล้านบาท และ 1,853 ล้านบาท หรือ +151% YoY และ 18% YoY ตามลำดับ โดย กำไร 9M19 อยู่ที่ 1,203 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของประมาณการของเรา แต่เราประเมินว่า 4Q19E ปริมาณขายต่อสาขาจะเพิ่มขึ้นหลังจาก 3Q19E เป็น low season ฤดูฝน และค่าการตลาดจะสูงขึ้น โดย QTD ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมาเป็น 1.86 บาทต่อลิตร จาก 1.81 บาทต่อลิตรใน 3Q19

 

 

ราคาเป้าหมายปี 2020E ที่ 27.75 บาท อิง PER ที่ 25 เท่า (+0.5SD above 5-yr average PER) หรือคิดเป็น PEG ที่ 0.4 เท่า (CAGR ที่ 62% ในปี 2019E-2020E) ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น market cap ต่อสาขาเพียง 15 ล้านบาทเท่านั้นถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับการก่อสร้างสถานีน้ำมันที่มีต้นทุนก่อสร้าง 15-20 ล้านบาทต่อแห่ง

 

 

PTG

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้