HotNews : NER พร้อมพุ่งชนเป้า 13 พ.ย. นี้เคาะงบ Q3/62 มั่นใจโตฉลุย

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (11 พฤศจิกายน 2562) "ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์" แม่ทัพ NER เผย 13 พ.ย. นี้ ประชุมบอร์ด  เคาะงบQ3/62    แย้มโตกว่าQ2/62  หลังราคายางพุ่ง     พร้อมวางเป้าปี 63 รายได้โตก้าวกระโดดแตะ 2.1 หมื่นลบ. จากปีนี้มั่นใจเข้าเป้า 1.3 หมื่นลบ. เผยกลางปี63  ออกสินค้าใหม่ ที่พัฒนาร่วมกับ มอ. ระบุมิชลิน เข้าตรวจโรงงานเรียบร้อยแล้ว คาด Q1/63 ออเดอร์เริ่มเข้า

 

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยในงานสัมมนา Exclucive หุ้นอินไซด์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ในหัวข้อ "NER สู่2020" ว่าบริษัทฯ คาดว่ารายได้ปีนี้ (2562) จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 13,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 10,084.01 ล้านบาท และมียอดขายที่ 260,000 ตัน โดยปัจจุบันมียอดขายรวมแล้ว มากกว่า 200,000 ตัน

 

 

ขณะที่แผนธุรกิจในปี 2563 เบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดดมาที่ระดับ 21,000 ล้านบาท หลังจากโรงงานใหม่ที่จะเสร็จในไตรมาส1/63 ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 460,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 294,000 ตัน/ปี

 

"ในปี 62 เราคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่เราเคยบอกไว้ตอนช่วงต้นปี คือมียอดขายประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาทและในปี 2563 เราวางแผนการเติบโตเพิ่มขึ้นมาอีก จากโรงงานใหม่ที่จะเสร็จในไตรมาส1/63 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตที่ 294,000 ตัน/ปี ปีหน้าจะขยับเป็น 460,000 ตัน/ปี ซึ่งจะทำให้ยอดขายเติบโตก้าวกระโดดขึ้นไปเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท " นายชูวิทย์ กล่าว

 

 

 

 

 

อีกทั้งล่าสุดมิชลินซึ่งเป็นผู้ผลิตล้อยางรายใหญ่ของโลกได้เข้ามาตรวจโรงงานของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา คาดว่าปีหน้า ประมาณเดือน ก.พ. 63 น่าจะได้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา

 

ทั้งนี้บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มราคายางปีนี้กับปี 2563 คาดว่าจะใกล้เคียงกันโดยราคาคงไม่ได้กระโดดหวือหวาหรือขึ้นแรงๆ แต่วันนี้ราคายางอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างต่ำ เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะลงต่อไปอีกค่อนข้างยาก มองว่าโอกาสที่ราคายางจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมีมากกว่าแต่มองว่ายังไม่หวือหวามาก ราคาเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 50 บาทต่อกิโล

 

 

พร้อมกันนี้ ในกลางปีหน้า บริษัทฯ มีแผนออกสินค้าใหม่ เป็นสินค้าสำเร็จรูปที่เป็นแผ่นปูนอน แผ่นรองในพื้นคอกของปศุสัตว์ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการพัฒนาชื้นส่วน และพัฒนาสูตร ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ. )

 

 

"กลางปีหน้าบริษัทฯ จะมีสินค้าสำเร็จรูปที่เป็นแผ่นปูนอน แผ่นรอง ในพื้นคอกของปศุสัตว์ ซึ่งเรามีความรู้อยู่พอสมควร ปัจจุบันบริษัทฯ มีการพัฒนาชื้นส่วน และพัฒนาสูตร ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ. ) น่าจะมีสินค้าออกสู่ท้องตลาดในไตรมาส2/62 " นายชูวิทย์ กล่าว

 

 

 

 

สำหรับการดำเนินโครงการผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งมีกำลังการผลิต คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องโครงการแรก ในเดือนธันวาคม นี้ ส่วนโครงการที่2 จะเริ่มไตรมาส1/63 คาดสร้างผลตอบแทนให้โรงงานได้ประมาณเดือนละ 5 ล้านบาท และยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน จากปัจจุบันจ่ายค่าพลังงานในโรงงานประมาณเดือนละ 10 ล้านบาท ถ้าไบโอแก๊สเริ่มผลิตได้เต็มกำลังการผลิตจะสามารถลดค่าแก๊สได้เดือนละ 5 ล้านบาท

 

 

"เราจะเริ่มโอเปอร์เรทแพลนท์ไบโอแก๊ส ชุดแรกในเดือนธ.ค. นี้ และชุดที่2 จะเริ่มไตรมาส1/63 ก็จะเนิ่มรับรู้รายได้จากไบโอแก๊สชุดแรกในไตรมาส1 ปีหน้า และไบโอแก๊สชุดที่ 2 จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมา2/63 ซึ่งทั้ง 2 ชุดนี้เราวางแผนผลิตเพื่อใช้เอง เราจะแก๊สมาทดแทน LPG ในโรงงาน ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้โรงงานได้ประมาณเดือนละ 5 ล้านบาท และจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน จากปัจจุบันเราจ่ายค่าพลังงานในโรงงานประมาณเดือนละ 10 ล้านบาท ถ้าไบโอแก๊สเริ่มผลิตได้เต็มกำลังการผลิตจะสามารถลดค่าแก๊สได้เดือนละ 5 ล้านบาท" นายชูวิทย์ กล่าว

 

 

นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปี2563 ยังมีความท้าท้ายจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และเศรษฐกิจโลก แต่การบริหารงานบริษัทฯ จะทำอย่างรอบครอบ ไม่เก็งกำไร และทำงานให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงทั้งหมด จึงมั่นใจว่าปีหน้าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง

 

 

 

 

"เรายอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวเศรษฐกิจโลกถ้ายังไม่ดี วันนี้ก็จะทำให้เรามีปัญหาในปีหน้า แต่จากการที่เราอยู่่ในอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างเร็ว เพราะเป็นสินค้า Commodity เราเองมีความตั้งใจในการทำงานและจะมีการทำงานอย่างรอบครอบ เราไม่เคยเก็งกำไร และทำงานให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงทั้งหมด เรายังมั่นใจว่าปีหน้าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องครับ"

 

 

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/62 เบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส2/62 เนื่องจากราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) ในวันที่ 13 ตุลาคม นี้ หลังจากนั้นจะแจ้งงบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

 

 

 

 

กูรูเคทีบีฯ คาด Q3/62 กำไรปกติ NERดี YoY, QoQ

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท อิง PER ที่ 9.50x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มยางที่ 11x (9-yr. average PER) เราชอบหุ้น NER โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องใน 2H19E โดยเราประเมินกำไรปกติ 3Q19E ที่ 141 ล้านบาท ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ (+34% YoY, +10% QoQ) การเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากราคาขายยางมีแนวโน้มดีอยู่ที่ประมาณ 52 บาทต่อกิโลกรัม (+21% YoY, +6%QoQ)

 

 

ขณะที่การเพิ่มขึ้น QoQ ได้รับผลดีจากการที่บริษัทมีสต็อกต้นทุนยางที่ต่ำกว่าตลาด เพราะ NER มีการจัดหาวัตถุดิบต้นทุนต่ำไว้ล่วงหน้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ประมาณ 9% เพิ่มขึ้นจาก 2Q19 ที่ 8.4% โดยเรายังคงกำไรสุทธิปี 2019E ที่ 552 ล้านบาท +13.5% YoY บริษัทสามารถขายสินค้าล่วงหน้าจนถึง 4Q19E

 

 

เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาอีกหลายราย พร้อมกันนี้มีลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย พร้อมที่จะเซ็นสัญญา Long Term เมื่อโรงงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาประมาณ 6-12% ในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมาจากการที่บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยราคาหุ้นมีการปรับตัวลงเล็กน้อย -1.5% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากการกลับมามีความกังวลสงครามการค้าที่อาจจะส่งผลต่อความต้องการยาง อย่างไรก็ตาม มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ ซึ่งปัจจุบัน NER ซื้อขายที่ PER เพียง 7.3x รวมถึงจะเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มกำลังผลิตใหม่ในปีหน้า

 

 

 

 

คาดกำไรปกติใน 3Q19E ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เราประมาณการกำไรปกติ 3Q19E ที่ 141 ล้านบาท (+34% YoY, +10% QoQ) การเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากราคาขายยางมีแนวโน้มดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 52 บาทต่อกิโลกรัม (+21% YoY, +6%QoQ) ขณะที่การเพิ่มขึ้น QoQ ได้รับผลดีจากการที่บริษัทมีสต็อกต้นทุนยางที่ต่ำกว่าตลาด เพราะ NER มีการจัดหาวัตถุดิบต้นทุนต่ำไว้ล่วงหน้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ประมาณ 9% เพิ่มขึ้นจาก 2Q19 ที่ 8.4% ทั้งนี้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 20 ล้านบาท และอนุพันธ์ 17 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิใน 3Q19E ที่ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +16% YoY , ลดลง -15% QoQ

 

คงกำไรสุทธิปี 2019E และคาด 2H19E เติบโตต่อเนื่อง เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2019E ที่ 552 ลบ. +13.5%YoY จากการขยายกำลังการผลิตยางผสม+26% ในเดือนเมย. 2019 รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาดีขึ้นจากการทำผลิตภัณฑ์ยางผสมซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น บริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี สามารถขายสินค้าล่วงหน้าจนถึง 4Q19E โดยปัจจุบันมียอดขายรวม 255,000 ตัน จากเป้าหมายในปีนี้ที่ 260,000 ตัน

 

 

เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ NER มีลูกค้าใหม่ที่เริ่มซื้อขายเพิ่มเข้ามาอีกหลายราย พร้อมกันนี้ NER มีลูกค้ารายใหญ่ 2 รายพร้อมที่จะเซ็นสัญญา Long Term เมื่อโรงงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ คือ MICHELIN และ Apollo Tyre ล่าสุดได้เข้ามาตรวจสอบคุณภาพโรงงานแล้ว พร้อมป้อนออเดอร์ในต้นปีหน้า

 

 

ราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท อิง PER ที่ 9.50x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มยางที่ 11x (9-yr. average PER) ปัจจัยหนุนคือ บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ความเสี่ยงคือ สงครามการค้าที่กดดันความต้องการยางในตลาดโลก

 

 

NER