Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : NER เป๋าตุง ราคายางพุ่ง

2,867

HotNews : NER เป๋าตุง ราคายางพุ่ง

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (17 มิถุนายน 2562) บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ได้รับผลดีจากราคายางพาราที่มีการปรับเพิ่มขึ้น   หนุนผลประกอบการสดใส   ตั้งเป้าปี 62 รายได้จะอยู่ที่ราว 1.35 หมื่นล้านบาท จากออเดอร์ที่เข้ามาต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสร้างโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตตามแผน

 

 

 

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยถึง ราคายางที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นว่า บริษัทได้รับผลดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วงนี้ลูกค้ามีการสั่งสินค้าเป็นจำนวนมาก เพราะได้มีการประเมินว่าราคายางอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้ แต่ทางบริษัทก็ยังคงขายสินค้าปกติตามสินค้าที่มีอยู่ ซึ่งหากทิศทางราคายางยังมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการของบริษัทจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

 

สำหรับสาเหตุที่ราคายางมีการปรับตัวเนื่องจาก ราคายางมีการปรับตัวตามตลาดล่วงหน้าต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อันมีผลมาจากความต้องการใช้ยางแผ่นรมควันในอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศญี่ปุ่นที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และความต้องการในการขายยางแผ่นรมควันลดลงในช่วงปิดการกรีดยาง ประกอบกับการยางแห่งประเทศไทยได้ใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางในช่วงที่ผ่านมาด้วยการเข้าไปประมูลยางแผ่นรมควันเพื่อดูดซับอุปทานส่วนเกินในตลาดกลางยางพาราทั้ง 3 แห่งของการยางแห่งประเทศไทย ทำให้อุปทานส่วนเกินลดลง

 

 

 

 

 

สำหรับแผนงานปี 2562 บริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 2/2562 บริษัทจะมีรายได้ดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2562 จากออเดอร์ที่เข้ามาต่อเนื่อง โดยสัดส่วนการขายของบริษัท แบ่งเป็นในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% โดยออเดอร์หลักของต่างประเทศยังเป็นลูกค้าจากประเทศจีน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 60% ของยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์สงครามการค้า

 

 

“ซึ่งในไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไปบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 60,000 / ปี จากยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) หลังจากมีการปรับปรุงโรงงานเสร็จแล้วและได้ดำเนินการผลิตแล้ว จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมทั้งปีประมาณ 2.6 แสนตัน/ปี ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/62 โรงงานใหม่จะเสร็จ ซึ่งมีกำลังการผลิตเพิ่มมาอีก 1.7 แสนตัน ส่งผลให้คาดว่าในช่วงต้นปี 2563 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตราม 4.6 แสนตัน” คุณชูวิทย์กล่าว

 

 

 


อนึ่ง NER รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2562 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มียอดขายสินค้ารวม 3,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,390 ล้านบาท หรือร้อยละ 84 แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,842 ล้านบาท หรือร้อยละ 61 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 744 ล้านบาทหรือร้อยละ 68 รายได้จากการขายต่างประเทศ 1,196 ล้านบาท หรือร้อยละ39 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 646 ล้านบาท หรือร้อยละ 117 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงเดียวกันของปี 2561 บริษัทฯ ถูกจำกัดการส่งออกสินค้า

 


สำหรับกำไรงวดไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 101 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.3 ของยอดขายรวม ลดลง 18 ล้านบาท หรือร้อยละ15 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.07 บาทต่อหุ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับไตรมาส 1/2561 มีการกลับรายการขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ 15.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.1 ของต้นทุนขายรวม จึงสะท้อนให้กำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลง

 

 

 

 

 


กูรูโกลเบล็ก แนะซื้อ NER ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท/หุ้น

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า รายงานกำไร 1Q62 เท่ากับ 101 ลบ. -15.4%YoY: งวด 1Q62 มีรายได้หลักเท่ากับ 3,038 ลบ +84.3%YoY แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 1,842 ลบ. +68%YoY และยอดส่งออก 1,197 ลบ. +118%YoY มีปริมาณขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 69,083 ตัน +110%YoY ประกอบกับช่วง 1Q61 บริษัทฯถูกจำกัดการส่งออก ขณะที่ %GPM ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 8.2% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 12.4% เนื่องจากราคาขายที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่าราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และ %SG&A ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 3.6% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 3.4% ส่งผลให้ %NPM ลดลงมาที่ระดับ 3.3% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 7.1% ทั้งนี้ 1Q62 มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 101 ลบ. -15.4%YoY และคิดเป็น 18% ของประมาณการกำไรปี 62

 

 

แนวโน้ม 2Q62 จะเติบโตสูงทั้ง YoY และ QoQ: แนวโน้มรายได้และกำไรในช่วง 2Q62 จะเติบโตสูงทั้ง YoY และ QoQ ตามปัจจัยสนับสนุน 2 ประการดังนี้ 1) ผลบวกจากสายการผลิตใหม่ (ยาง RSS-Mixture) เริ่มดำเนินการเต็มไตรมาส ช่วยหนุนกำลังผลิตรวมเพิ่มขึ้นอีก 60,000 ตัน/ปี ส่งผลให้กำลังผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 292,800 ตัน/ปี และ 2) แนวโน้ม %GPM จะปรับตัวสูงขึ้นสู่ช่วง 9-12% เทียบกับ 2Q61 และ 1Q62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 10% และ 8.2% ตามลำดับ เนื่องจากแนวโน้มราคายางปัจจุบันเริ่มอ่อนตัวลงจากการเข้าสู่ฤดูกรีดยาง ในขณะที่ราคาขายยังคงทรงตัวในระดับสูงเนื่องจากการทำสัญญาขายล่วงหน้าเมื่อ 4 เดือนก่อน นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากสายการผลิตใหม่ (RSS-Mixture) ที่มี %GPM สูงอยู่ที่ราว 12% ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ มี %GPM อยู่ที่ระดับ 8-10% อย่างไรก็ดี ผลประกอบการ 2Q62 จะถูกผลกระทบเล็กน้อยจากมาตรฐานบัญชีใหม่ในการตั้งสำรอง Employee Benefit ราว 1.2 ลบ. หรือคิดเป็น 0.01% ของรายได้รวม

 

 

 

 



ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 62 สู่ 531ลบ. (ลดลงจากเดิม 7%) เติบโต 9.1%YoY: เราปรับประมาณการรายได้ปี 62 เพิ่มขึ้นสู่ราว 12,767 ลบ. (เพิ่มขึ้น 11%) +27%YoY จากสมมติฐานการปรับตัวขึ้นของกำลังผลิตรวม (Capacity) ในปี 62 สู่ 292,800 ตัน/ปี จากการเพิ่มสายการผลิตใหม่ยาง RSS-Mixture ซึ่งมี Capacity 60,000 ตัน/ปี พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ %U.Rate ทั้งปี 62 รวมสู่ 80% (จากเดิม 75%) อย่างไรก็ดี เราปรับลดสมมติฐาน %GPM ลงสู่ระดับ 9.5% (จากเดิม 10.4%) หลังจากที่ 1Q62 มี %GPM เพียง 8.2% แต่ %GPM จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ส่งผลให้เราปรับลดคาดการณ์กำไรลงสู่ 531 ลบ. (ลดลงจากเดิม 7%) เติบโต 9.1%YoY

 

 

 

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาเหมาะสมลงสู่ 3.10 บาท (จากเดิม 3.32 บาท): ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PE อย่างอนุรักษ์นิยมที่ระดับ PE ราว 9 เท่า (ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PE 7.5 เท่า) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 10 เท่า พร้อมกับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 0.34 บาทต่อหุ้น (ลดลงจากเดิมที่ 0.37 บาทต่อหุ้น) ส่งผลให้เราปรับราคาเหมาะสมลงสู่ราว 3.10 บาท (จากเดิม 3.32 บาท) แต่ยังคงมี Upside จากราคาปัจจุบัน 37% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"

 

 

 

 

 

ฟิลลิป เคาะเป้า NER 3.38 บาท/หุ้น

 


บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า 1Q62 กำไร -15% y-y จากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น: แม้ว่ายอดขายจะ +84% y-y จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตรองรับการย้ายฐานการผลิตจากลูกค้าจีนมาไทย แต่หากต้นทุนการผลิตปรับขึ้นตามราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น อีกทั้ง 1Q61 มีการโอนกลับสินค้าคงเหลือเข้ามา 15.4 ลบ. ส่งผลให้ margin ใน 1Q62 เหลือ 8.2% จาก 12.4% ใน 1Q61

 

 

อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร +90% y-y จากค่าใช้จ่ายค่ากองทุนสงเคราะห์ยางเพิ่มตามปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ดอกเบี้ยจ่าย -10% y-y จากการจ่ายคืนหนี้

 

 

 


คงแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 3.38 บาท : แม้แนวโน้มปริมาณขายในไตรมาส 2 อาจอ่อนลงตามปัจจัยฤดูกาล แต่ทางฝ่ายยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตของ NER จากการขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่มีต่อเนื่อง แต่ปัญหาสงครามการค้าที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในกลุ่มยางล้อที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัททำให้ทางฝ่ายปรับลดระดับ P/E ของ NER ลงเหลือ 10 เท่าเพื่อสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าว แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 3.38 บาท

 

NER

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอดเท่ากับไม่เทรด By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองไม่ค่อยเห็น ผู้ชนะในเกมหุ้น แต่นักลงทุนที่รอด ชัวร์ๆ นั่นคือ หยุดเทรด ไม่เทรด ไม่ซื้อขาย ...

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้