HotNews: NER ลั่น Q2/62 พร้อมโตต่อเนื่อง กำลังการผลิตใหม่เพิ่ม 60,000 ต่อปี

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 พฤษภาคม 2562) "ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์"  บิ๊ก NER  ประกาศพร้อมโตต่อเนื่อง  คาด Q2/62 กำไรสุทธิโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามยอดขายเพิ่มขึ้น- ย้ำยอดขายปีนี้โตเข้าเป้า 30%  ระบุปัจจุบัน มีLong Term Contactกับลูกค้า11ราย ยอดขายประมาณ 1.1 หมื่นตันต่อเดือน  ด้านผลงาน  3 เดือน รายได้เพิ่มขึ้น 84% ด้านกำไรลดลง 15% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและไตรมาส 1/2561 มีการกลับรายการขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ

 

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/2562 จะเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

อีกทั้งในไตรมาส 2/2562 จะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 60,000 ตันต่อปี ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมทั้งปีประมาณ 290,000 ตันต่อปี จากปี 2561 ที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 230,000 ตันต่อปี พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 10,084.01 ล้านบาท โดยบริษัทนคาดว่ายอดขายจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 22,000 ตันต่อเดือน และทั้งปีจะทำได้ 264,000 ตัน ทั้งนี้ บริษัทฯประเมินแนวโน้มราคายางพาราว่าจะไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว

 

 

 

ด้านแผนการลงทุนขยายโรงงานลิตยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) โดยจะเริ่มเดินเครื่องในเดือน เมษายนที่ผ่านมา และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส2/2562 โดยปัจจุบันบริษัทฯมีคำสั่งซื้อรองรับ (Order) แล้ว 4,000 ตัน ซึ่งทำให้กำลังการผลิตยางผสมสูงขึ้น 60,000 ตันต่อปี ส่วนการก่อสร้างโรงงานผลิตยางแท่ง (STR20) และยางผสม (Mixtures Rubber) ปัจจุบันบริษัทฯ ซื้อที่ดินใกล้กับโรงงานเดิมโดยคาดว่าจะทำการถ่มที่ดินแล้วเสร็จในเร็วๆนี้

 

 

และเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ตั้งแต่สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้เป้็นต้นไป คาดว่าโรงงานดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้ต้นในปี 2563 เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 4.6 แสนตันต่อปี และคาดว่าการผลิตของโรงงานใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 70% ของยอดผลิตทั้งหมด และยังสามารถทำให้บริษัทฯรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าจีนรายเดิมด้วยเช่นกัน

 

 

ขณะที่ การลงทุนโครงการผลิตก๊าซชีวภาพเฟส 1 ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างการทดสอบเดินระบบ (Test Run) โดยคาดว่าการทดสอบดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 เพื่อเป็นการหาสัดส่วนวัตถุดิบตั้งต้นที่เหมาะสม และได้ค่าองค์ประกอบก๊าซชีวภาพที่ดีที่สุดซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเริ่มเดินระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในปลายปี 2562

 

 

 

 

ส่วนเฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกกะวัตต์ บริษัทนคาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรได้แล้วเสร็จในเดือน กรกฎาคม 2562 และคาดว่าจะรายงานผลการเดินเครื่องได้ในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน โดยโครงการดังกล่าวจะสามารถทำให้บริษัทลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าไปถึง 60 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิที่ 20 ล้านบาท และจะส่งผลดีตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 เป็นต้นไป

 

 

นายชูวิทย์ เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2562 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มียอดขายสินค้ารวม 3,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,390 ล้านบาท หรือร้อยละ 84 แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,842 ล้านบาท หรือร้อยละ 61 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 744 ล้านบาทหรือร้อยละ 68 รายได้จากการขายต่างประเทศ 1,196 ล้านบาท หรือร้อยละ39 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 646 ล้านบาท หรือร้อยละ 117 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงเดียวกันของปี 2561 บริษัทฯ ถูกจำกัดการส่งออกสินค้า

 

 

 

 

สำหรับกำไรงวดไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 101 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.3 ของยอดขายรวม ลดลง 18 ล้านบาท หรือร้อยละ15 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.07 บาทต่อหุ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับไตรมาส 1/2561 มีการกลับรายการขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ 15.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.1 ของต้นทุนขายรวม จึงสะท้อนให้กำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลง

 

 

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสที่ 2/62 เป็นต้นไปบริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 60,000 ต่อปี ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/2562 โรงงานใหม่จะเสร็จ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มมาอีก 1.7 แสนตัน ส่งผลให้คาดว่าในช่วงต้นปี 2563 บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวม 4.6 แสนตัน ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับออเดอร์ทั้งจากลูกค้ารายใหม่ และฐานลูกค้ารายเดิม

 

 

 

 

 

โดยปัจจุบันบริษัทมีการทำสัญญาระยะยาว (Long Term Contact) กับลูกค้าไว้แล้วประมาณ 11 ราย ยอดขายประมาณ 1.1 หมื่นตันต่อเดือน คาดว่าบริษัทจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

 

 

NER