Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : เข้าสู่ไตรมาส 2 ลงทุนอย่างไรดี?

1,639

HotNews : เข้าสู่ไตรมาส 2 ลงทุนอย่างไรดี ?

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 เมษายน 2562) เข้าสู่ไตรมาส 2 ลงทุนอย่างไรดี? มาส่องกลยุทธ์ จากเทพหุ้น "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุน จากสำนักเสือเหลือง เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองหุ้นไทย Q2/62 แกว่ง sideway up ในกรอบแนวต้าน 1700/1730 จุด และแนวรับ 1600/1580 จุด แนะสะสม PTTEP ขานรับสถานการณ์สงครามการค้าที่ผ่อนคลาย ,BCP หลัง ค่าการกลั่นผ่านจุดต่ำสุด ,BCH Valuation อยู่ในระดับที่น่าลงทุน ,CPALL หลังคาดการบริโภคไทยเร่งตัวขึ้น ,SPA หลังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาฟื้นเด่นตั้งแต่ต้นปี

 

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วง 2Q62 แกว่ง sideway up ในกรอบแนวต้าน 1700/1730 จุด และแนวรับ 1600/1580 จุด ขานรับอานิสงส์เชิงบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย รวมถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคในประเทศ บ่งชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ในช่วงถัดไป โดยประเมิน GDP ไทยปีนี้เติบโตที่ระดับ 3.8% นอกจากนี้คาดยังได้แรงหนุนเชิงบวกจากปัจจัยภายนอกที่ผ่อนคลายมากขึ้น นำโดยประเด็นสงครามการค้า (Trade war) ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว

 

 

ปัจจุบันมีสัญญาณบวกจากการพยายามเจรจากันระหว่างสหรัฐฯ และจีน และมีความคาดหวังต่อการบรรลุข้อตกลงได้ในระยะถัดไป ดังนั้นจึงประเมินประเด็นสงครามการค้า ณ ปัจจุบันจะไม่เลวร้ายไปกว่าช่วงที่ผ่านมาแล้ว คาดจะช่วยปลดล็อคความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวให้กลับมาขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังคาดตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะได้แรงหนุนเพิ่มเติมจาก นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก เช่น FED และ ECB ที่ผ่อนคลายมากขึ้น สอดคล้องกับการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ที่สะท้อนมุมมองของคณะกรรมการ FED สาขาต่างๆ ว่าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ

 

 

ในปีนี้มีแนวโน้มจะคงที่ในระดับเดิม หรืออาจจะมีโอกาสปรับลดลงด้วย หากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่เร่งตัวขึ้นตามคาด ถือเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา (Emerging Market) มากขึ้น

 

 

 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ความชัดเจนต่อการแยกตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยสิ่งสำคัญคือ หากสหราชอาณาจักร แยกตัวแบบไร้ข้อตกลง อาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งของสหราชอาณาจักร และกลุ่มสหภาพยุโรปในช่วงถัดไปได้ นอกจากนี้สำหรับปัจจัยในประเทศแนะรอความชัดเจนของการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง ว่าท้ายที่สุดจะเห็นเสถียรภาพเพิ่มเติมหรือไม่ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

 


สำหรับธีมการลงทุนเด่นในช่วง 2Q62 เราแนะนำสะสม หุ้นใน 2 ธีมเด่น ดังนี้


1) กลุ่มที่ตอบรับปัจจัยร้ายๆในช่วงก่อนหน้าไปมากแล้ว ขณะที่ Valuation เริ่มเข้าสู่ระดับที่น่าสนใจ
      - กลุ่มพลังงาน: ขานรับสถานการณ์สงครามการค้าที่ผ่อนคลาย แนะนำ PTTEP ราคาเป้าหมาย 150 บาท
      - กลุ่มโรงกลั่น: ค่าการกลั่นผ่านจุดต่ำสุดในช่วงเดือน มกราคม ไปแล้ว และไตรมาส 2 คาดได้แรงหนุนจากอุปสงค์มากขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ผสานอุปทานลดลงจากโรงกลั่นทั่วโลกหยุดซ่อมบำรุงมากสุดในรอบปี แนะนำ BCP ราคาเป้าหมาย 39 บาท
      - กลุ่มการแพทย์: ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาตอบรับความกังวลต่อการควบคุมค่ารักษาพยาบาลไปมากแล้ว ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่น่าลงทุน แนะนำ BCH ราคาเป้าหมาย 20 บาท

 



2) กลุ่มที่คาดได้อานิสงส์เชิงบวกหลังการเลือกตั้ง และแนวโน้มอัตราการทำกำไรดีขึ้น
     - กลุ่มค้าปลีก: คาดการบริโภคไทยเร่งตัวขึ้นสอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ แนะนำ BJC ราคาเป้าหมาย 65 บาท และ CPALL ราคาเป้าหมาย 86 บาท
     - กลุ่มท่องเที่ยว: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาฟื้นเด่นตั้งแต่ต้นปี โดยประเมินปีนี้นักท่องเที่ยวมีโอกาสทะลุ 40 ล้านคน แนะนำ SPA ราคาเป้าหมาย 15.8 บาท

 

"ธาดา" เผย ตลาดตราสารหนี้ไทย Q1/62

ขยายตัว 1.3%จากสิ้นปี 61 อยู่ที่ 12.79 ล้านล้านบาท

 

"การระดมทุนของภาคเอกชนผ่านตราสารหนี้ระยะยาวเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากบริษัทขนาดใหญ่ มูลค่าการออกในไตรมาส 1 ปี 2562 สูงขึ้นมากจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ทำลายสถิติการออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไตรมาส 1 ในขณะที่การออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นลดลงจากทั้งภาค Real sector และ Bank&Finance ด้านนักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิตราสารหนี้ไทยรวม 42,305 ล้านบาทโดยส่วนใหญ่เป็นการขายในตราสารหนี้ระยะสั้นหลังจากที่เข้าซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 1 ปี 2562 นี้ ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าต้นทุนการกู้ยืมจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปลายปีที่ผ่านมา"

 


นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ในไตรมาสแรกปี 2562 ว่าตลาดตราสารหนี้ไทยโดยรวมยังคงเติบโตได้ดี มีมูลค่าคงค้างรวม 12.96 ล้านล้านบาท ขยายตัวขึ้นร้อยละ 1.3 จาก 12.79 ล้านล้านบาทเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา โดยตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวมีการออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ทำลายสถิติการออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไตรมาส 1 โดยส่วนใหญ่เป็นการออกของบริษัทขนาดใหญ่ในภาค Real sector ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนกลุ่มสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (II/HNW) แต่ในด้านของตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น มีมูลค่าการออกลดลง

 


โดยกลุ่มธุรกิจเดียวกันได้เปลี่ยนจากการออกตั๋วบีอีไปเป็นการกู้ยืมกันในรูปแบบของสัญญาเงินกู้แทน ส่วนภาค Real sector และ Bank&Finance คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นการชะลอการออกเพื่อรอจังหวะดอกเบี้ยที่เหมาะสมหลังจากที่ต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งผู้ออกของภาค Real sector ที่มีอันดับเครดิตสูง (ตั้งแต่ A- ขึ้นไป) ยังคงออกอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ลดลงจากผู้ออกที่อันดับเครดิตไม่สูง (ต่ำกว่า BBB- ลงไป) และผู้ออก Non-rated

 


ด้านการลงทุนจากต่างประเทศ (Fund flow) ในช่วงไตรมาสแรกปี 2562 นี้ นักลงทุนต่างชาติมีการขายออกสุทธิตลอด 3 เดือนแรกรวม 42,305 ล้านบาท โดยส่วนมากเป็นการขายออกในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นเพื่อรับรู้ผลกำไรหลังจากที่ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่ยังมีการเข้าซื้อสุทธิในตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาว ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสหนึ่งนี้ ต่างชาติมีมูลค่าการลงทุนสะสมสุทธิในตราสารหนี้ไทยทั้งสิ้น 942,993 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.3 ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีความชันน้อยลง โดยรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 5-12 bps. ส่วนรุ่นอายุ 2-10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 1-9 bps.

 


สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีนี้ นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยคาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับเดิม ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบมากๆ จากปัจจัยเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำและการลงทุนภาคเอกชนยังคงทรงตัวเพื่อรอดูทิศทางและประสิทธิผลของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้