HotNews: กูรู MBKET ส่องSET 12 เดือนข้างหน้าที่ 1712 จุด
อิงP/E 16 เท่า โบกธงสะสม Domestic Plays
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 5 ตุลาคม 2560 ) --------เทพหุ้น MBKET มองเป้า SET ปีหน้า 1712 จุด อิง P/E 16 เท่า จากช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ อยู่ในกรอบSideway-Sideway Up แจกกลยุทธ์การลงทุน แนะสะสมหุ้น Domestic Play เน้นกลุ่มค้าปลีก รับอานิงส์ท่องเที่ยวบูม ชู CPALL, BJC,HMPRO,ROBIN,CPN -กลุ่มมี earning momentum SAWAD,KTC กลุ่มPetrochem IVL,PTTGC กลุ่มHealthcare BDMS,BCH,RJH กลุ่มMediaVGI,PLANB,MACO กลุ่มProperty SPALI,LPN,WHA
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่าประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปี61 จะอยู่ที่ 1,712 จุด อิงจาก P/E 16 เท่า โดยคาดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางที่ดีขึ้นในทุกภาคส่วน อาทิภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน สู่ระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดในช่วงเดือน ม.ค. 60 โดยหาพิจารณาเป็นรายประเทศจะพบว่า สัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน มีกมรฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ด้านภาคการส่งออก ก็มี Sentiment บวกเช่นเดียวกัน โดยพบว่ายอดการส่งออกในเดือนสิงหาคม สามารถขยายตัวได้ถึง 13.2%เมื่อกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในด้านการบริโภคเริ่มสัญญาณที่ดี นำโดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นในเดือนสิงหาคมเป็นเดือนแรก หลังจากหดตัวมา 3 เดือนติดต่อกัน โดยจากการลองสอบถามบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งใน เชิงของยอดขายสาขาเดิม (same store sale growth )ก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 3 ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมหนุนแนวโน้มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ให้ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การลงทุนภาคเอกชนพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ สามารถปรับขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน เช่นเดียวกันกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมขยายตัวสูงสุด
" SET target 12 เดือนข้างหน้าเรามองที่ระดับ 1,712 จุด อิง PE Ratio ที่ระดับ 16 เท่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางที่ดีขึ้นในทุกภาคส่วน นำโดยภาคท่องเที่ยวไทยที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน สู่ระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดในช่วงเดือน ม.ค.60 โดยหากพิจารณาเป็นรายประเทศจะพบว่าสัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนฟื้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนทางด้านทิศทางการส่งออกก็มี sentiment บวกเช่นเดียวกัน " นายสุกิจ กล่าว
สำหรับปัจจัยการจัดการเลือกตั้งในปี 2561 ประเมินว่าอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนให้นักลงทุนเชื่อถึงการเมืองในประเทศที่ค่อนข้างสงบ สะท้อนจากการที่อดีตนายกฯรัฐมนตรีไม่มาฟังคำตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าวเมื่อ 25 ส.ค.60 ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการเมืองตั้งออกมาชัดเจนมากขึ้น จากการเมืองที่สงบลงและอาจบ่งบอกอำนาจของรัฐบาลชุดก่อนที่อ่อนลงและนอกจากนี้หลังที่แนวโน้มการเลือกตั้งดังกล่าวชัดเจนขึ้น
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่ต่ำที่สุดในรอบปี คาดว่าจะทำให้ความน่าสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นมีสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญทีทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมุ่งเข้ามายังตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ออกมาขู่ว่า จะยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ เพื่อตอบโต้ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ยังมีการก่อการร้ายต่างๆในประเทศสหรัฐฯและยุโรปส่งผลให้นักลงทุนหันเข้ามาลงทุนในหุ้นประเทศไทยและในขณะเดียวกันนี้ P/E ของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ที่ระดับต่ำหรือถูกกว่าในภูมิภาคทำให้หุ้นยังเป็นที่น่าสนใจอยู่
ภาพรวมในช่วงไตรมาส4/60 คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่ง Sideway - Sideway UP โดยประเมินในกรอบแนวรับที่ 1,640 จุดและแนวต้านที่ 1,700 จุด
ทั้งนี้กลยุทธ์ในการลงทุนแนะนำ สลับมาสะสมหุ้น Domestic Play มากขึ้นโดยเน้นกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับอนิสงค์จากภาคการท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น (Touristic&consumption benefit) เช่น CPALL, BJC,HMPRO,ROBINและCPN ผสมกับกลุ่มที่ยังคงมี earning momentum เชิงบวกในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นกลุ่มFinance (SAWAD,KTC),กลุ่มPetrochem (IVL,PTTGC),กลุ่มHealthcare (BDMS,BCH,RJH),กลุ่มMedia(VGI,PLANB,MACO)และกลุ่มProperty(SPALI,LPN,WHA)
----จบ---