Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : SGP ปักหมุดปี 62 ยอดขายก๊าซ LPG โต8-10%

2,588

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(21 พฤศจิกายน  2561)

SGP  ตั้งเป้ารายได้-ยอดขายก๊าซปี 62  โต 8-10% จากปีนี้ หลังขยายธุรกิจไปต่างประเทศต่อเนื่อง   ศึกษาลงทุนคลังก๊าซที่บังคลาเทศ รองรับดีมานด์พุ่ง คาดได้ข้อสรุป ปี 62 

 

นางจินตณา กิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่าบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ปี 2562 เติบโต 8-10 % จากปีนี้ ที่คาดทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการขายก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทฯได้การขยายธุรกิจไปในต่างประเทศต่อเนื่อง

 

โดยในปีหน้าบริษัทจะมีคลังก๊าซและท่าเรือเพิ่มขึ้นจากการเปิดให้บริการที่ North Port ในมาเลเซีย ที่จะทำให้บริษัทฯสามารถขายก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น 10,000 ตัน/เดือน ประเทศเมียนมาร์ 8,000-10,000 ตัน/เดือน และบังคลาเทศ ที่บริษัทฯได้มีการส่งก๊าซ LPG ไปจำหน่าย อีก 30,000-40,000 ตัน/เดือน และบริษัทได้ประเมินราคาขายก๊าซในปีหน้าว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 500-600 เหรียญสหรัฐ/ตัน

 

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าในปี 2562 สัดส่วนยอดขายของบริษัทฯจะมาจากต่างประเทศ 75% และในประเทศ 25% จากปัจจุบันต่างประเทศ 70% และในประเทศ 30%"ในปีหน้า เราวางเป้ายอดขายเติบโตนิวไฮต่อเนื่องจากปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดการณ์ไว้ที่ 8-10% จากปีนี้ ส่วนปริมาณการขายก๊าซก็จะเติบโต 8-10% เช่นกัน จากการที่เรามีการขยายคลังก๊าซ และท่าเรือในต่างประเทศเพิ่ม ทั้ง north port ที่มาเลเซีย เมียนมาร์ และการส่งก๊าซไปขายที่บังคลาเทศ" นางจินตนา กล่าว



ขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษา เพื่อเจรจาเข้าซื้อธุรกิจ LPG ขนาดใหญ่ที่บังคลาเทศ โดยจะเป็นการนำโมเดลธุรกิจของบริษัทฯเข้าไปทำที่บังคลาเทศ ที่จะมีทั้งการค้าปลีก และค้าส่งก๊าซ LPG เนื่องจากบริษัทมองเห็นความต้องการในการใช้ก๊าซ LPG ในบังคลาเทศมีค่อนข้างมาก และเป็นช่องทางในการขยายธุรกิจให้กับบริษัทฯ ให้เติบโตต่อเนื่อง

 

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้มีแนวโน้มแตะ 65,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อน โดย 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 5.1 หมื่นล้านบาท และมีปริมาณการขายเติบโตแตะ 3.5 ล้านตัน โดย 9 เดือนแรก บริษัทฯสามารถทำได้แล้วที่ 3.009 ล้านตัน เหลืออีก 2.4% กับระยะเวลา 2 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ บริษัทฯสามารถทำได้แน่นอน จากการที่บริษัทได้มีการขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายในประเทศด้วย และบริษัทฯได้ประเมินราคาขาย LPG เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน

 

สำหรับความคืบหน้าในการขยายธุรกิจเป็นไปตามแผน โดยการก่อสร้างคลังบรรจุ LPG ที่ North Port ในมาเลเซีย ขณะนี้ก่อสร้างเสร้จแล้ว และเหลือการเชื่อมไฟฟ้าในคลัง คาดว่าสิ้นเดือนธันวาคมนี้จะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ และจะเปิดดำเนินการตั้งแต่ต้นไตรมาส 1/2561 ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ตัน/เดือน

 

ส่วนการก่อสร้างที่คลังก๊าซและท่าเรือ ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และประเทศเมียนมาร์ ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในช่วงปลายปี 2562 และจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นปี 2563 ขณะที่ความคืบหน้าในการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเข้าลงทุนคลังบรรจุก๊าซและท่าเรือในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้ยังอยุ่ระหว่างการเจรจา และคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในปี 2562

 

นอกจากนี้บริษัทได้มีการขยายธุรกิจไปยัง สปป.ลาว บริษัทได้มีการเข้าซื้อกิจการโรงบรรจุก๊าซขนาดเล็ก ซึ่งสามารถบรรจุก๊าซได้ประมาณ 500 ตัน และได้ดำเนินการรีโนเวท และคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 1/2562

 


นางจินตณา กล่าวว่า ธุรกิจ LPG ในจีนในปีนี้คาดว่ายอดขายอาจจะต่ำกว่าเป้าหมาย หรือเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทนได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรับอเมริกาที่ทำให้เศรษฐกิจในจีนชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมองว่าก๊าซ LPG ถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของคนในประเทศ จึงยังมีการเติบโตอยู่

 

ส่วนความคืบหน้าในการก่อสร้างท่าเรือและคลัง LNG ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งมีพื้นที่กว่า 155 ไร่ ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างขอใบอนุญาติจากการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน นับจากต้นเดือนมกราคม 2562ขณะที่ความร่วมมือกับ บริษัท กฟผ.อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (EGATi) เพื่อเข้าร่วมประมูลโครงการขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากทางภาครัฐยังไม่มีการดำเนินการอื่นๆเพิ่มเติม

 


ด้านนายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.5 ล้านตัน หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามียอดขาย 3.2 ล้านตัน “แนวโน้มรายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 65,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 60,000 ล้านบาท จากการขยายตลาดใหม่ๆของบริษัทในเอเซียใต้

 

รวมถึงการเพิ่มยอดขายในประเทศที่บริษัทมีคลังก๊าซและโรงบรรจุก๊าซอยู่เดิม”ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/61 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 มีกำไรสุทธิ 734 ล้านบาท และในงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม-กันยายน 2561) มีกำไรสุทธิ 1,604 ล้านบาท“แม้ในไตรมาส 3 จะได้รับปัจจัยบวกจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังถือว่าปรับตัวน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน”โดยราคาก๊าซ LPG ในไตรมาส 3/61 ปรับเพิ่มขึ้น 57.5 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับขึ้นสูงถึง 102.5 ดอลลาร์สหรัฐ โดยปรับตัวลดลง 45 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นลดลง 43% แต่กำไรสุทธิลดลงเพียง 12.6%

 

เนื่องจากสามารถสร้างยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 6 หมื่นตันหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9% อีกทั้ง บริษัทฯยังบริหารก๊าซคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยทั้งนี้บริษัทยังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ คลังก๊าซและท่าเรือ 2 แห่งในประเทศมาเลเซียฝั่งตะวันตก และ คลังก๊าซและท่าเรือในประเทศเมียนมา โดยคลังก๊าซต่างๆจะเริ่มทยอยดำเนินการได้ตั้งแต่ปี 2563 นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าของ SGP ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 2 โรงในเมียนมา กำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ และผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

 

SGP

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้