สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (7 กันยายน 2561)

GUNKUL  เปิดสตอรี่เด็ด  คว้างานพัฒนาระบบไฟฟ้า "Micro Grid" จากกฟภ.มูลค่า 132.9 ลบ พร้อม ลุ้นประมูลงานสายเคเบิ้ลใต้ทะเลเกาะสมุย-เกาะเต่า พ.ย.นี้ มูลค่ารวม 2.8 พันลบ. คาดรู้ผล Q4/61 , แย้มเตรียม COD รฟฟ.ญี่ปุ่น 40 MW 1 พ.ย.นี้ เตรียมลุยโซลาร์รูฟทอป CP เฟด 2 ขนาด 40 MW มูลค่า 1.2 พันลบ. คาดชัดเจน Q2/61

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ลงนามในสัญญา ให้บริษัท กันกุล พาวเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL เป็นผู้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Micro Grid) ที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ของ กฟภ. มูลค่างาน 132.9 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 360 วัน ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ในเรื่องของการบริหารจัดการพลังงานทดแทนให้เหมาะสม อีกทั้งเป็นโครงการนำร่องโครงการแรกของประเทศไทย

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยประสบการณ์และทีมงานของบริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นว่า จะสามารถทำให้โครงการสำเร็จและดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

สำหรับประโยชน์ของ โครงการ Micro Grid คือ การเพิ่มความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ในกรณีที่เกิดปัญหาขัดข้องกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ระบบ Micro Grid สามารถปลดตัวเองออกมาเป็นอิสระ และยังสามารถใช้แหล่งกำเนิดไฟฟ้าจากแหล่งอื่นมาทดแทนการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าจากระบบจำหน่ายหลัก โดยแหล่งพลังงาน ประกอบด้วย พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานจากแบตเตอรี่สำรอง พลังงานจากเครื่องยนต์ดีเซล พลังงานจากน้ำและสถานีควบคุม โดยแหล่งกำเนิดพลังงานจะมีระยะห่างกัน โดยมีจุดศูนย์กลางในการควบคุม ซึ่งหมายความว่า ระบบดังกล่าวสามารถกำหนดคุณภาพไฟฟ้า ความมั่นคงของไฟฟ้า และความน่าเชื่อถือของไฟฟ้า ที่จะให้บริการต่อประชาชนได้อีกด้วย

ด้านนายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า นอกจากนี้ภายในไตรมาส 4/2561 บริษัท กันกุล พาวเวอร์ ดี เวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ GPD ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าร่วมประมูลงานโครงการวางสายเคเบิ้ล ใต้ทะเล 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,800 ล้านบาท ได้แก่โครงการเกาะสมุย มูลค่าราว 2,300 ล้านบาท โครงการเกาะเต่า มูลค่าราว 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นลักษณะการโยงสายเคเบิ้ลเคเบิ้ลใต้น้ำที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปยังเกาะดังกล่าว โดยบริษัทฯคาดว่ามีโอกาสได้รับงาน 50% เนื่องจากบริษัทฯมีคุณสมบัติในการเข้ารับงานดังกล่าว โดยบริษัทฯค่ดว่าจะสามารถรู้ผลการประมูลงานได้ในช่วงสิ้นปี 2561

นอกจากนี้บริษัทมั่นใจว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ที่เมืองเซ็นได ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ (MW) จะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งส่งผลให้ภายในปีนี้ บริษัทฯมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 350 MW และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม)ที่เมืองอิวาคุนิ ประเทศญี่ปุ่นกัน มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในเดือน 1 มกราคมปี 2562

ในส่วนของโครงการ Private PPA โซลาร์รูฟท็อป ที่บรษัทฯได้ทำให้กับ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ในโครงการ CPF Solar Rooftop บริษัทฯ ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 40 เมกกะวัตต์ มูลค่าราว 1,200 ล้านบาท ในประเทศกัพมูชา อีกทั้งคาดว่าในไตรมาส 2/2562 จะมีโอกาสได้รับงานต่อเนื่องไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งเบื่องต้นบริษัทฯได้มีการเข้าเจรจากับ CP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

GUNKUL      CP