Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: GUNKUL ลุย COD สราญลมฯ 23 มี.ค. ดันรายได้ปีนี้เพิ่มอีก 800 ลบ.

3,172

 

 
 
HotNews: GUNKUL ลุย COD สราญลมฯ 23 มี.ค. ดันรายได้ปีนี้เพิ่มอีก 800 ลบ.
-BGRIM ปักหมุดรายได้ปี61 โตไม่ต่ำกว่า 25% 
 
  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 13  มีนาคม   2561)-------GUNKUL เดินเครื่องสตาร์ททดสอบจ่ายไฟเข้าระบบ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม  สราญลมวินด์ฟาร์ม กำลังการผลิตขนาด 60 เมกะวัตต์  พร้อมเตรียมจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ หนุนรายได้ปี’61 เพิ่มอีก 800 ลบ. ต่อปี “ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย” เผยต่อจากนี้กลุ่มบริษัทจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จากธุรกิจพลังงานทดแทน เตรียมบุกต่างประเทศทั้งมาเลเชีย เมียนมา เวียดนาม รวมถึงญี่ปุ่น  หวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
 
BGRIM คาดรายได้ปี61 โตไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนทำได้ 3.15 หมื่นลบ. หลัง COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 449 Mw แย้มเม.ย. นี้ สรุปแผนร่วมทุน โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม ขนาดกำลังการไม่ต่ำกว่า 100 Mw เผยปลายปีนี้ มีแผนออกหุ้นกู้ มูลค่า 1 หมื่นลบ. เพื่อรีไฟแนนซ์ -รองรับแผนลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศ วางงบลงทุนปีนี้ 1 หมื่นลบ. สานต่อโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เจราจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้า คาดภายในปีนี้สรุป 1 ราย 
 
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL  เปิดเผยว่าขณะนี้  โครงการพลังงานลม สราญลมวินด์ฟาร์ม จาก บริษัท กรีโนเวชั่น เพาเวอร์ จำกัด (GNP) กำลังการผลิตขนาด 60 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.  กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง  ได้เริ่มทดสอบจ่ายไฟเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว   และเตรียมทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD)  พร้อมจดหน่วยไฟฟ้าในวันที่ 23 มีนาคมนี้เป็นต้นไป  ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ในปี 2561 เพิ่มขึ้นอีก 800 ล้านบาท  จากทั้งปี 2561 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%   ทั้งนี้ที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหางานใหม่ๆ เพิ่ม ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์ม รวมถึงพลังงานลม  ที่ขณะนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) รวมกันแล้วทั้งสิ้น 520 เมกะวัตต์  โดยขณะนี้จ่ายไฟเข้าระบบไปแล้วรวม 232 เมกะวัตต์   ซึ่งเป้าหมายของกลุ่ม GUNKUL คือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์และกำไรในอนาคต โดยบริษัทยังคงเป้าหมายที่จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ครบ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2563 
 
 “เราอยากให้ผู้ถือหุ้นได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับกลุ่มบริษัทเพราะต่อจากนี้กลุ่มบริษัทจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเชีย เมียนมา เวียดนาม รวมถึงญี่ปุ่น  ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างเต็มตัว นั่นหมายความว่ารายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทจะปรับเพิ่มสูงขึ้นแน่นอนในอนาคต “ดร.สมบูรณ์กล่าว
    อนึ่ง ก่อนหน้านี้   ดร.สมบูรณ์  กล่าวถึงแผนธุรกิจปี 2561 ของ  GUNKUL  ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%จากปีก่อนที่ทำได้ 4.85 พันล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นให้ไม่ต่ำกว่า 30% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปีนี้เพิ่ม 190 เมกะวัตต์ ประกอบไปด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 110 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าสราญรมย์วินด์ฟาร์ม กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ใน 23 มีนาคม 2560และโครงการโรงไฟฟ้ามิตรภาพวินด์ฟาร์ม กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ใน1 มิถุนายน 2560 รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 78 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ในไตรมาส 4/61 ซึ่งบริษัทคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทราว 1.6 พันล้านบาท
 
ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศญี่ปุ่นมีความคืบหน้าไปมาก โดยในส่วนของการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เซนได เมืองมิยากิ กำลังการผลิตติดตั้ง 38.10 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตขายไฟฟ้า 31.75 เมกะวัตต์ ในปัจจุบัน ได้มีการก่อสร้างและติดตั้งแผงโซลาร์ไปกว่า 99.5% เหลือเพียงส่วนของการก่อสร้างสายส่งที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและมีความคืบหน้า 30%
ส่วนความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คิมิทสึ เมืองชิบะ กำลังการผลิตติดตั้ง 40.41 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไฟฟ้า 33.50 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน มีการก่อสร้างและติดตั้งแผงโซลาร์ไปกว่า 80% ส่วนการก่อสร้างสายส่งอยู่ในระหว่างก่อสร้าง มีความคืบหน้า 32% ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2561
 
"บริษัทฯให้ความสำคัญในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 โครงการนี้มาก ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซนได และเมืองชิบะ ที่ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมาก ขณะนี้รอเพียงให้การไฟฟ้าดำเนินการสร้างสายส่งให้แล้วเสร็จ ซึ่งจากความคืบหน้าของแต่ละโครงการ และส่วนงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าภายในไตรมาส 4/2561จะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้อย่างแน่นอน"ดร.สมบูรณ์กล่าว
 
ส่วนธุรกิจธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างวางระบบและติดตั้ง (EPC) ปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่ 700 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้ได้ภายในปีนี้ทั้งหมด พร้อมกันนี้บริษัทยังตั้งเป้ารับงานก่อสร้างติดตั้งแผงโซลาร์ รูฟท็อป จำนวน 70MW ภายในปีนี้หรือประมาณ 2.45 พันล้านบาท โดยจะดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งให้กับผู้ที่สนใจจะติดตั้ง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจที่จะเข้าประมูลโครงการนำไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้าภูมิภาค มูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ใน4 จังหวัดใหญ่ที่จะนำสายไฟลงดิน
 
อย่างไรก็ตามบริษัทต้องดูความเหมาะสมอีกก่อน เนื่องจากในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนด้วยธุรกิจไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนลักษณะการเข้าประมูลงานโครงการนำไฟฟ้าลงดินช่วงปลายไตรมาส2/61 พร้อมกันนี้บริษัทจะเข้าประมูลโครงการงานก่อสร้างลากสายไฟฟ้าใต้น้ำที่เกาะเต่า และเกาะสมุย มูลค่า 1.4 พันล้านบาท กับ 1.8 พันล้านบาท ภายในไตรมาส2/61 และคาดว่าจะรู้ผลการประมูลงานได้ในภายในไตรมาส 3/61
 
นายสมบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าบริษัทยังคงเป้าหมายที่จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ครบ1,000 เมกะวัตต์ในปี2563 จากปัจจุบันที่บริษัทมี PPA ในมือประมาณ 497 เมกะวัตต์ คาดว่าจะหาPPA อีก 503 เมกะวัตต์ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมทุกรูปแบบ ที่ประเทศมาเลเชีย พม่า เวียดนามและญี่ปุ่น โดยในเบื้องต้นบริษัทประเมินว่าในประเทศมาเลเซียภายในปลายไตรมาส1/61 จะสามารถสรุปพันธมิตรร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าฟลังงานลมกำลังการผลิตราว 50 เมกะวัตต์ได้ก่อน
 
การเติบโตของกลุ่ม GUNKUL จะมุ่งไปสู่กลุ่มประเทศที่ยังมีโอกาสและมีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้น ซึ่งในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นหากดำเนินการแล้วเสร็จได้ตามแผน เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัทและสามารถเพิ่มจำนวนเมกะวัตต์ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้รายได้และกำไรในอนาคตของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนอีกราว 6.4 พันล้านบาทในการผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทที่วางไว้ว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ครบ1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทคาดว่ามีเงินทุนรองรับที่เพียงพอแล้วและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีวงเงินหุ้นกู้ที่จะออกอีก 3.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน
 
นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท บี.กริมเพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIMเปิดเผยว่าบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2561 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.15 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อีกราว 449 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า SSP ที่อมตะซิตี้จำนวน 3โครงการ  ได้แก่  ABPR3 ที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ช่วงเดือน กุมภาพันธ์, ABPR 4 ที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ช่วงเดือน กรกฎาคม,ABPR5 ที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ช่วงเดือน ตุลาคม)กำลังการผลิต 399 เมกะวัตต์(MW)
 
รวมทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร 7โครงการ (1. โครงการของ อผศ. โรงพยาบาลทหารผ่านศึก กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์2. โครงการของ อผศ. สำนักงานรักษาความปลอดภัย กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์ 3. โครงการของ อผศ. สำนักงานกิจการโรงงานในอารักษ์ กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์ 4. โครงการของ อผศ. สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชลบุรี กำลังการผลิตติตตั้ง 3.58 เมกะวัตต์ 5. โครงการของ อผศ. สำนักงานกิจการการเกษตรการอุตสาหกรรมและการบริการ กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์) โครงการที่เป็นผู้สนับสนุนสหกรณ์ภาคการเกษตร 2 โครงการ(1. โครงการของสหกรณ์การเกษตรบ้านนาเดิม กำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์2. โครงการของสหกรณ์การเกษตรชนแดน กำลังการผลิตติดตั้ง 2.25 เมกะวัตต์) โดยโครงการทั้ง 7 โครงการมีกำลังการผลิตรวม 30.83 เมกะวัตต์ และจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 2561
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีโครงการน้ำแจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กที่สปป.ลาว  ขนาด  15 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 2561 ส่วนโรงไฟฟ้าขยะชีวมวลกำลังการ 4 เมกะวัตต์(MW) บริษัทคาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปีนี้ด้วยเช่นกัน
 
  ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ BGRIM กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนความคืบหน้าการร่วมทุนกับพันธมิตรในปประเทศเวียดนามเพื่อเข้าลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิตไม่ตำกว่า 100 เมกะวัตต์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปแผนการเข้าลงทุนและเม็ดเงินที่ใช้การลงทุนได้ในเดือนเมษายนนี้ โดยในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50%  สำหรับแผนที่การออกหุ้นกู้มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทบริษัทคาดว่าจะออกได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยจะนำมาใช้ในการพื่อที่รีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่บริษัทได้ออกมาราว 5.5 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะรีไฟแนนซ์โครงการโรงไฟฟ้าSPP ที่บางกระดี่ กำลังการผลิต 229 เมกะวัตต์(MW)
 
ขณะที่ในปี2561บริษัทวางบลงทุนไว้ราว 1 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง อาทิสายส่งไฟฟ้าที่กัมพูชา,โครงการน้ำแจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กที่สปป.ลาว,ABPR 4และ ABPR 5 พร้อมกันนี้บริษัทจะได้มองหาการร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันได้มีเจรจราอยู่หลายราย ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะได้เห็นข้อสรุปในการเข้าซื้อกิจการในปีนี้ 1 ราย ส่วนการร่วมทุนบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในโครงโซลาฟาร์มในประเทศมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในเดือน มิถุนายนนี้ หลังจากการเลือกตั้งในประเทศดังกล่าวแล้วเสร็จ ทั้งนี้ในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หรือถือในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% 
 
----จบ--- 
 
 
 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ได้เวลาซื้อหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นตก หุ้นร่วง ณ จุด นี้ ด้วยข่าวอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน.. ขอมองต่าง

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้