Market Wrap-Up
- SET วันที่ 16 ก.ค.67 ปิด -6.12 จุด อยู่ที่ 1,321.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,028 ลบ.ต่างชาติขาย 68 ลบ.สถาบันขาย 1,412 ลบ.รายย่อยซื้อ 901 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 1,196 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น DELTA,BBL,CPALL,TRUE,SPRC และมียอดขายสุทธิ BDMS,SCC,OSP,CRC,KCE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,469 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ MBK,KKP,TOA-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,299 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 21,404 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,495 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.85%, S&P500 +0.64%, Nasdaq +0.20% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม +2.5%,วัสดุ +1.96% หลังรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐ มิ.ย. ขยายตัวดีกว่าคาด บ่งชี้เศรษฐกิจไม่เสี่ยงอยู่ในภาวะถดถอย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.28% จากแรงขายกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน -1.7%, พลังงาน -0.9% ลดลงตามอุปสงค์จากจีนที่คาดฟื้นตัวช้า
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่ม Real Sector เช่น อุตสาหกรรม, วัสดุ หลัง ก.พาณิชย์สหรัฐเผยยอดค้าปลีกไม่รวมรถยนต์ & น้ำมัน มิ.ย.+0.8% & พ.ค. +0.3% MoM บ่งชี้กำลังซื้อผู้บริโภคสหรัฐยังขยายตัวดี แม้ว่าอยู่ในภาวะดอกเบี้ยสูง ขณะที่ดัชนี Russell 2000 หุ้นจดทะเบียนขนาดเล็ก +3.5% สูงสุดนับตั่งแต่ ม.ค. 65 ได้ปัจจัยจากแนวโน้มดอกเบี้ยจะลดลงใน ก.ย. สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน, การผลิตภาคอุตฯ มิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ก.ค., Beige Book ,ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ มิ.ย. รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มทรัพยาการพื้นฐาน, สินค้าหรูหรา และเหมืองแร่ หลัง GDP จีน Q2/67 ขยายตัวต่ำกว่าคาด ส่งผลลบต่อกำลังซื้อในกลุ่มดังกล่าว กอปรกับ ZEW เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมัน ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 41.8 & มิ.ย. 47.5 บ่งชี้เศรษฐกิจเยอรมันยังฟื้นตัวช้า วันนี้ติดตาม CPI ยูโรโซน มิ.ย. คาดที่ 5% & พ.ค. 2.6% YoY และวันพฤหัส ประชุม ECB คาดจะคงดอกเบี้ยรีไฟแนนท์ที่ 4.25%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ปิดทรงตัว ขณะที่ฮั่งเส็ง -1.6% หลัง NBS รายงาน GDP จีน Q2/67 +4.7% & Q1/67 +5.3% เป็นผลจากการอุปโภคจีนชะลอตัว ขณะที่ IMF ยังคงคาดการณ์ GDP จีนปีนี้ที่ +5% YoY โดยนักลงทุนรอการประชุม Politburo จีน 15 – 18 ก.ค. คาดว่าจะออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่
- SET วานนี้ปิด -0.46% ปริมาณการซื้อขาย 6 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,412 ลบ. ต่างชาติขาย 68 ลบ รายย่อยซื้อ 901 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 579 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มพลังงาน -1.95% หลัง EA ปลด SP และราคาหุ้นลดลงปิดฟลอร์ จากความกังวลปัญหาขาดสภาพคล่องที่นำมาชำระหนี้ระยะสั่นปีนี้มูลค่า 1.7 หมื่น ลบ. ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันต้องขายปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าว ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็กฯ +3.3% และกองทุนอสังหา +0.7% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลง ส่วนกลุ่มธนาคารก็เริ่มฟื้นตัว +0.4% หลังธนาคารบางแห่งอาจต้องกันสำรองหนี้เสียเพิ่มในกรณี EA และยังรอรรายงานกำไร Q2/67 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่ง Bloomberg Consensus คาด -3.5% QoQ, -0.5% YoY สำหรับผลการประชุม ครม.วานนี้ได้อนุมัติการเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีล้มตะวันตก ซึ่งเป็นผลบวกต่อ BEM, CK แต่ยังไม่มีการพิจารณาการปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG วันนี้ติดตามศาล รธน.นัดฟังคำสั่งกรณียุบพรรคก้าวไกล
Daily Strategy
- วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,320 กรณียืนไม่ได้คาดดัชนีมีโอกาสปรับฐานลงไปที่ระดับ 1,310 โดยมีแนวต้าน 1,330 คาดดัชนีทรงตัวระหว่างรอรายงานกำไร Q2/67 ของกลุ่มธนาคาร กอปรยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แนะนำซื้อเก็งกำไร DELTA,HANA,KCE,GPSC,BGRIM ได้ประโยชน์จาก US Bond Yield ลดลง /กลุ่มเครื่องดื่ม OSP,COCOCO ได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ใน & ต่างประเทศ
- BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.60 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ปรับตัวขึ้น QoQ, YoY แม้ว่าธุรกิจจะเข้าช่วง Low Season ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าและปริมาณรถใช้ทางด่วน -QoQ, +YoY แต่กำไรของบริษัทจะมีตัวช่วยหนุนจากเงินบันผลของ CKP และ TTW ส่วนแนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะเป็นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM จะปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจาก ครม.เห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสีส้มแล้วจะนัดเซ็นสัญญา 18 ก.ค.67 ขณะที่การลงทุนทางด่วน Double Deck แลกกับการขยายสัมปทานคาดมีความชัดเจนในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 85 พันล้านบาท +11%YoY และ 4.25 พันล้านบาท +10%YoY ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจาก Short Sell ลดลง และการประกาศซื้อหุ้นคืนช่วย limit downside
TACC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 6.55 บาท) กำไรสุทธิ 1Q67 +YoY +QoQ หนุนจากสภาพอากาศร้อนเป็นบวกต่อสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม, การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, และการขายในกัมพูชาตาม 7-11 ด้านการดำเนินงาน 2Q67 แม้อาจมีปัจจัยลบจากแนวโน้มราคากาแฟ(ต้นทุน)ที่สูงขึ้น แต่ เบื้องต้นคาดว่า ภาพรวมจะเป็นบวกได้ต่อจาก 1.แรงหนุนเชิงรายได้ตามสภาพอากาศร้อนจัดในเดือน เม.ย.-พ.ค.67 2.การออกสินค้าใหม่ๆเพื่อชดเชยมาร์จิ้น เช่น เจลี่ คอลลาเจน เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TACC* จะอยู่ที่ระดับ 243 ลบ.(+17.61%YoY) และ 270 ลบ.(+10.97%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ส.ค. -$1.15 อยู่ที่ $80.76 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -$1.12 อยู่ที่ $83.73/บาร์เรล จากความกังวลอุปสงค์จีนชะลอตัว หลัง GDP จีน Q2/67 ขยายตัวเพียง +4.7% YoY ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันจีนชะลอการผลิต ค่ำวันนี้ติดตาม EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$38.90 อยู่ที่ $2,467.80/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -29.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -1.89 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -32.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +5.22 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 35.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.169 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -51 จุด อยู่ที่ 1,942
(+) BitCoinเช้านี้ +1.54% อยู่ที่ 65,619 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
20 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/67
31 พ.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดน
และการค้าผ่านแดน
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
20 พ.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
22 พ.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
23 พ.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, OSP*, ITC*, ICHI*, CPALL
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th